"KYGO" ดีเจชาวนอร์เวย์สุดฮ็อตที่คุณควรรู้จัก!
จัดว่าเป็นอีกศิลปินที่กำลังมาแรงเลย สำหรับ Kygo ดีเจหนุ่มจากนอร์เวย์ หรือชื่อเต็มๆของเขาคือ Kyrre Gørvell-Dahll เริ่มเป็นที่รู้จักเมื่อเขามิกซ์เพลง I see fire ให้กับ Ed Sheeran ตอนนั้นค่ายเพลงเล็กใหญ่ต่างตามหาตัวเขากันให้วุ่น
ย้อนกลับไปช่วงปี 2009 ทำนองเพลงของ Avicii ในสไตล์ House นั้นได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับไคโก้อย่างมาก เขาเริ่มหันมาสนใจดนตรีในตอนนั้นเองเพื่อนของเขาที่เคยทำเพลงแนะนำให้เขารู้จักกับโปรแกรม Logic ไคโก้จึงตัดสินใจซื้อมันพร้อมกับ Macbook และคีย์บอร์ดอีกหนึ่งตัว จากนั้นการทำเพลงของไคโก้ก็เริ่มขึ้นตั้งแต่นั้น เขาทำเพลงไปด้วยในขณะที่เข้าไปรับใช้ชาติเป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงในกองทัพเรือของนอร์เวย์
สไตล์เพลงของไคโก้นั้นแฟนๆของเขาบอกว่ามันเหมือนกับ Tropical House เพราะด้วยซาวด์เพลงที่มีจังหวะชิลล์บวกกับเมโลดี้ที่สวยงาม ฟังสบาย สามารถโยกตัวตามได้ แต่กลับมีท่อนฮุคที่ฟังแล้วช่างติดหูซะเหลือเกิน เหมือนเป็นเอกลักษณ์ของเขาอย่างหนึ่งที่ฟังแล้วรู้เลยว่านี่แหละเพลงของไคโก้ ถ้ายังไม่เชื่ออยากให้มาลองฟัง Firestone กันก่อนเลย
คลิกฟังเพลง Firestone - KYGO Feat Conrad
ไคโก้เป็นอีกคนที่มีชื่อเสียงในการนำเพลงมารีมิกซ์ใหม่ จนกลายเป็นเพลงที่น่าฟังไปอีกสไตล์หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเพลง Take on Me ของวงดนตรีรุ่นเก๋า A-ha หรือเพลง Limit To Your Love ของ James Blake หรือการขอให้มาช่วยเรียบเรียงและรีมิกซ์เพลง Midnight จาก Chris Martin นักร้องนำจากวง Coldplay
หลังจากเขาปล่อยสองเพลง Stay และ Firestone ออกมาได้ไม่นาน เพลงของเขาก็ได้เข้าไปครองใจของใครหลายๆคน มีคนเข้าไปกดฟังเพลงของเขาในโลก Social หลายร้อยล้านครั้งก่อนที่จะปล่อยอัลบั้ม Cloud Nine ออกมาให้ได้ฟังกันอย่างจุใจ ซึ่งสไตล์เพลงที่ไคโก้ชอบนั้นคือเพลงที่ฟังแล้วทำให้เขามีความสุข สามารถเปลี่ยนอารมณ์หรือทำวันนั้นให้กลายเป็นวันดีๆได้ เขามักพยายามทำเพลงเหล่านั้นขึ้นมาเพราะมันทำให้คนฟังรู้สึกมีความสุขไปด้วย
คลิกฟังเพลงจากอัลบั้ม Cloud Nine ได้ที่นี่
เป็นเวลาหลายเดือนที่หนุ่มคนนี้ใช้เวลาเรียนรู้วิธีในการทำเพลงและหาซาวด์ดนตรีในแบบฉบับเขาเอง กว่าจะมาเป็นดีเจหนุ่มเจ้าของเพลงดังและเล่นคอนเสิร์ตไปทั่วโลกนั้นมันไม่ง่ายเลยแต่ไคโก้ได้แสดงให้เห็นว่าเขาคือคนรุ่นใหม่ที่ใช้ความพยามยามจนก้าวไปถึงจุดหมาย เส้นทางของดีเจหนุ่มคนนี้จะดำเนินต่อไปอย่างไร คงต้องคอยติดตามและเป็นกำลังใจให้เขากันต่อไป
Story : Double J
ขอบคุณภาพจาก Facebook KYGO