[Interview] TWO DOOR CINEMA CLUB วงอินดี้ ที่เพลงติดหูง่ายสุดๆ
ก่อนหน้านี้ TWO DOOR CINEMA CLUB เป็นวงอินดี้ต่างประเทศวงหนึ่งที่มีฐานแฟนเพลงค่อนข้างเหนียวแน่น และเฉพาะกลุ่มตามแบบฉบับของวงดนตรีอินดี้ทั่วไป แต่จู่ๆ ก็เป็นประเด็นในโลกโซเชียลขึ้นมา เมื่อมีแฟนเพลงชาวไทยตั้งข้อสังเกตว่าเพลงหนึ่งของวงดนตรีของไทยวงหนึ่ง ดันมีทำนองและจังหวะละม้ายคล้ายกับเพลงเก่งของวง TDCC อย่างเพลง “What You Know” ซึ่งเป็นเพลงที่เปิดตามผับบาร์ในบ้านเราอยู่บ้าง จนกระทั่งชาวเน็ตไล่บี้จนพวกเขาออกมายอมรับว่า เอาทำนองเพลงนี้มาจริง เรื่องถึงค่ายเพลงใหญ่ต้นสังกัด แต่ก็เจรจาตกลงกัน และจบเรื่องด้วยดี (อ่านรายละเอียดข่าวนี้ได้ ที่นี่)
แต่ใครที่ไม่รู้จักวงอินดี้วงนี้ ก็ได้ทำความรู้จักพวกเขา และเพลงของพวกเขาขึ้นมาเสียอย่างนั้น ใครที่ตามข่าวเรื่องนี้มาตลอด คงอยากรู้ว่า 3 หนุ่ม TWO DOOR CINEMA CLUB จะให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร แล้วเคยฟังเพลงของวงไทยวงนี้ไหม แต่น่าเสียดายที่เราถูกห้ามไม่ให้ถามถึงเรื่องเหล่านี้ ต้องขออภัยแฟนเพลงที่อยากรู้เรื่องนี้กันด้วย (เชื่อเถอะว่าเราก็อยากรู้ไม่แพ้พวกคุณหรอก)
ตัดประเด็นดราม่า แล้วมาลุยกันต่อกับงานเพลง (ล้วนๆ) ของพวกเขากันดีกว่า เพราะงานนี้เราได้สัมภาษณ์วง TWO DOOR CINEMA CLUB วงอินดี้ตัวจริงเสียงจริง ทั้ง Alex Trimble, Kevin Baird และ Sam Halliday เอนเตอร์เทนต์ไม่ยุ่ง ขอมุ่งแต่งานเพลง เพราะฉะนั้นถึงแม้บทสัมภาษณ์จะซีเรียสไปบ้าง แต่คำตอบที่ได้ในแต่ละคำถาม เราสัมผัสได้ถึงความจริงใจ ตั้งใจตอบทุกคำ
TWO DOOR CINEMA CLUB วงไอร์แลนด์เหนือ แต่ข้ามไปเซ็นสัญญาไกลถึงฝรั่งเศส (Kitsuné)
Kevin : คนอังกฤษไม่อยากฟังเพลงพวกเรากันมั้ง (หัวเราะ) จริงๆ ก็มีหลายค่ายเพลงติดต่อมาบ้างเหมือนกันนะ แต่บางส่วนมาดูโชว์ของพวกเราก็อาจไม่เข้าใจว่า “นี่คืออะไร?” “มองไม่ออกเลยว่าพวกคุณจะไปในทางไหนกันต่อ” แล้วช่วงนั้นก็เริ่มมีเรื่อง “ลิขสิทธิ์เพลง” เข้ามา ค่ายเพลงเลยอาจระมัดระวังว่าจะเซ็นสัญญากับศิลปินคนไหนมากขึ้น หรือมองไปถึงตัวเลขของเงินที่ต้องลงทุนไปกับการศิลปินคนหนึ่งๆ
แต่สุดท้ายเราก็เจอคนที่เชื่อมั่นในตัวของพวกเรา เชื่อในดนตรีของพวกเรา เราไม่ได้เลือกที่จะไปเซ็นกับใคร เพราะเขาไม่มีทางเลือกดีๆ ให้เรานะ แต่เราเลือกค่ายนี้เพราะพวกเขาชอบวงของพวกเรา ชอบเพลงของพวกเราจริงๆ แล้วก็อยากสนับสนุนให้พวกเรามีผลงานออกมาเป็นชิ้นเป็นอัน พวกเขาช่วยเราโปรดิวซ์อัลบั้มให้เป็นออกมาในซาวนด์ยุโรป-อังกฤษ และเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นจนถึงทุกวันนี้
“Gameshow” อัลบั้มล่าสุดที่แฟนๆ กำลังรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
Kevin : อัลบั้มใหม่ล่าสุดของพวกเรา “Gameshow” จะวางจำหน่ายวันที่ 14 ตุลาคมนี้ครับ พวกเราตื่นเต้นมากๆ ที่ได้มาเล่นคอนเสิร์ต พร้อมทั้งเล่นเพลงใหม่จากอัลบั้มใหม่นี้ให้แฟนๆ ชาวไทยได้ฟังกัน รู้สึกว่าอาจจะเป็นครั้งแรกที่อัลบั้มของพวกเราจะได้วางขายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการด้วยใช่ไหม? (Sanook Music : ใช่ๆ) ใช่เนอะ (ยิ้ม) งั้นตามนั้นแหละ อัลบั้มนี้ใช้เวลาค่อนข้างนานเหมือนกัน แต่เมื่อเริ่มทำผ่านไปถึงจุดหนึ่งแล้ว ที่เหลือมันก็ค่อยๆ เร็วขึ้น จนในที่สุดผลงานก็ออกมาอย่างที่เราตั้งใจไว้ พวกเราชอบอัลบั้มนี้มาก อัลบั้มนี้มีด้วยกันทั้งหมด 10 เพลง มีดนตรีหลายๆ แนวเข้ามาผสมรวมอยู่ด้วยนิดหน่อย แต่รับรองว่า “แตกต่าง แต่เหมือนเดิม” แน่นอน (ยิ้มกว้าง)
ที่มาของชื่ออัลบั้ม “Gameshow”
Alex : ชื่อนี้ก็มาจากชื่อเพลงหนึ่งในอัลบั้มครับ ถ้าให้อธิบายง่ายๆ คือ ชีวิตเราบางครั้งก็เหมือนเกมโชว์ ที่อาจจะมีช่วงที่รุ่งเรืองที่สุด แต่อาจจะลืมไปว่าสิ่งที่เห็นที่เป็นอยู่ตอนนี้อาจไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป เราอาจจะคิดไม่ถึงว่าเราจะต้องเจอกับอะไรอีกบ้าง ซึ่งจริงๆ แล้วเราไม่ควรใช้ชิวตอย่างประมาทแบบนั้น นี่จึงเป็นสิ่งที่พวกเราตระหนักได้ระหว่างที่พวกเราทำงานเพลงผ่านไปหลายอัลบั้ม ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ ของพวกเรา แต่ชีวิตดีๆ ก็มาพร้อมกับความยากลำบากหลายๆ อย่างด้วย เลยคิดว่าคำนี้เป็นคำที่ดีที่จะอธิบายถึงเรื่องราวเหล่านี้ เรื่องราวที่พวกเราพบเจอมา และคำตอบที่สุดท้ายแล้วพวกเราก็ค้นพบด้วยตนเอง
“Are We Ready?” (Wreck) กับไอเดีย “ต่อต้านบริโภคนิยม”
Alex : พวกเราคิดว่าค่านิยมเรื่องสินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆ มันกำลังเป็นกระแสอยู่ในประเทศฝั่งตะวันตกค่อนข้างมาก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพลังและอำนาจของการโฆษณาจากบริษัทยักษ์ใหญ่เงินทุนหนา พวกเราเลยคิกว่ามันคงจะดีถ้าเราลองถอยหลังออกมาก้าวหนึ่ง แล้วดูว่าสิ่งที่เราต้องการจะเป็นเจ้าของ เราอยากได้มันจริงๆ หรืออยากได้ตามกระแส บางคนก็ตามกระแสเสียจนอะไรออกมาใหม่ต้องรีบเป็นเจ้าของให้ได้ ไม่ว่าจะอุปกรณ์ล้ำๆ เสื้อผ้า ซึ่งบางอย่างมันก็ไม่จำเป็นเลย พวกเราเลยมองว่าบางครั้งเรื่องแบบนี้มันก็มากเกินไป อะไรที่มากเกินไปมันไม่ดีหรอก
TWO DOOR CINEMA CLUB วงอินดี้ ที่เพลงแสนจะติดหู
Sam : พวกเราก็เป็นแฟนเพลงป็อบกันอยู่นะ เพลงป็อบเลยอาจมีอิทธิพลในการทำเพลงของเราอยู่ลึกๆ ก็เป็นได้ แต่เมื่อเราทำเพลงของตัวเอง เราก็จับนู่นผสมนี้ มีอัลเทอรืเนทีฟ ใส่กลองลงไป แต่ที่เพลงของเราไม่ได้ออกมาป็อบจ๋าไปเสียทีเดียวก็เพราะเราไม่ได้ชอบเพลงป็อบแบบนั้นกัน (ยิ้ม) จริงๆ เราก็แค่ทำเพลงให้ออกมาดี ถูกใจพวกเราเอง ใส่เนื้อเพลงดีๆ ลงไป สร้างทำนองเจ๋งๆ ลงไป ก็ออกมาอย่างที่ได้ฟังกัน พวกเราเลือกที่จะสนุกไปกับการทำเพลงในแบบที่พวกเราอยากให้มันเป็น มากกว่าจะคาดหวังว่าจะมีใครมาชอบมากน้อยแค่ไหน
ซิงเกิลต่อไปจากอัลบั้มล่าสุด “Gameshow”
Kevin : เราเพิ่งออกซิงเกิล “Are We Ready?” (Wreck) เป็นซิงเกิลแรกจากอัลบั้มนี้ หลังจากนั้นก็ปล่อย “Bad Decisions” ตามออกมาให้ได้ฟังกันในอินเตอร์เน็ต แต่พวกเรายังมีอีกเพลงที่รอปล่อยอยู่ ซึ่งอาจจะปล่อยในช่วงอาทิตย์ก่อนที่อัลบั้มเต็มจะออก ชื่อเพลงว่า “Fever” ไม่รู้ว่าจะชอบกันหรือเปล่า เริ่มเครียดเหมือนกันนะ (หัวเราะ)
“Bad Decisions” กับซาวนด์ยุค 70s’
Alex : อย่างที่ Sam บอกไปแล้วว่าพวกเราฟังเพลงทุกแนว แล้วพวกเราก็เป็นคนดูแลส่วนของ production และเทคนิคในการทำเพลงกันเองด้วย พวกเราได้แชร์ไอเดียในการทำเพลงกับโปรดิวเซอร์ของเรา Jacknife Lee แล้วก็ค้นพบว่าพวกเรามีความสนใจในเพลงของยุคนั้นเหมือนๆ กัน ดนตรีดิสโก้เป็นอะไรที่มีเสน่ห์ และคลาสสิก เลยคิดว่าน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะปลุกกระแสดิสโก้แบบนั้นขึ้นมาอีกครั้ง
รวมไปถึงเทคนิคในการสร้างสรรค์ดนตรีแบบเก่าๆ เครื่องดนตรีเก่าๆ อาจจะเป็นเทคนิคที่ใช้กับไมโครโฟน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่สร้างเสียงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของยุคนั้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผมก็รู้จัก และชอบมาตั้งแต่ยังเด็กๆ แต่ก็นำมาปรับเปลี่ยนให้เป็นในรูปแบบของพวกเราเองอีกทีหนึ่ง
นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่พวกคุณจะได้ฟังในอัลบั้มใหม่ของพวกเรา เพราะจริงๆ ผมมองว่าตอนเขียนเพลงก็ว่าสำคัญแล้ว แต่ตอนที่อัดเสียงลงไปให้ออกมาเป็นเพลงที่ทุกคนจะได้ฟังกันมันยิ่งสำคัญกว่า พวกเราเลยค่อนข้างให้ความสำคัญกับตอนอัดเสียงมาก
ย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นที่ Tudor Cinema ด้วยเซอร์ไพรส์ Tribute Band แบบหลอกๆ
Sam : พวกเราเคยปลอมเป็นวง Tribute band ของตัวเองโดยใช้ชื่อวงว่า Tudor Cinema Club และเตรียมโชว์ที่โรงหนัง Tudor Cinema (ที่มาของชื่อวงที่ Sam ออกเสียงเพี้ยน จนกลายมาเป็นชื่อวงในที่สุด) แล้วตอนหลังก็โผล่ไปเซอร์ไพรส์แฟนเพลงในคลับด้วยวง TWO DOOR CINEMA CLUB ตัวจริง ไอเดียนี้จริงๆ แล้วมาจากผู้จัดการวงของเราเองครับ (หัวเราะ) เราอยากกลับไปเล่นโชว์เล็กๆ กันอีกครั้ง ทำให้เรานึกหวนไปถึงช่วงเวลาที่เราก่อตั้งวงกันแรกๆ มันทำให้พวกเรารู้สึกเหมือนได้ refresh กันอีกครั้ง แม้สุดท้ายทุกคนก็รู้อยู่ดีว่าเป็นพวกเราตัวจริงไปเล่นเอง แต่การได้กลับไปรับกำลังใจดีๆ จากที่ๆ เราเติบโตมาอีกครั้ง มันทำให้เราเริ่มต้นทำงานใหม่ได้ดีขึ้นด้วย
Kevin : การกลับไปแสดงโชว์ที่นั่น ทำให้พวกเราได้ปลดปล่อย ผ่อนคลาย ทำการแสดงได้อย่างสบายใจโดยที่ไม่มีอะไรมาทำให้พวกเรารู้สึกกดดัน เลยทำให้พวกเรารู้สึกว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีก่อนที่พวกเราจะลุยทัวร์ใหญ่ๆ ไปตลอดทั้งปี
ทัวร์รอบโลก บทเรียนชีวิตดีๆ ที่หาไม่ได้ง่ายๆ
Alex : ผมว่าคุณจะได้เรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองให้ดี ซึ่งบางครั้งกับบางคนก็ใช้เวลาเรียนรู้เรื่องนี้กันอยู่นานเหมือนกันนะ ชีวิตทัวร์เป็นเหมือนอีกชีวิตหนึ่งที่แตกต่างไปจากชีวิตปกติ คุณจะได้ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติธรรมดาทั่วไป ในขณะเดียวกันคุณก็ได้เรียนรู้ความเป็นไปของชีวิต และเรียนรู้ที่จะสนุกไปกับทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นระหว่างทาง ซึ่งนั่นผมว่าสำคัญที่สุด
Kevin : คุณจะได้สกิลในการจัดกระเป๋ามาด้วย (หัวเราะ) ทุกอย่างเพอร์เฟ็คภายในเวลา 20 นาทีเท่านั้น
ทัวร์ทั่วยุโปร VS ทัวร์ทั่วเอเชีย
Sam : แฟนเพลงที่นี่แตกต่างจากที่นู่นมากครับ ไม่ว่าจะที่ยุโรป หรืออเมริกา ผมว่าพวกเขามีโอกาสได้ฟังเพลง หรือดูการแสดงสดกันบ่อยๆ ทั้งจากศิลปินอินดี้ หรือศิลปินป็อบ มันเลยทำให้เรารู้สึกว่านี่คือวัฒนธรรมของเรา (ทุกคนดูคุ้นเคย และไม่ตื่นเต้น) แต่พอมาเล่นที่นี่ทุกคนดูตื่นเต้นกับการมาของพวกเรามาก พวกเราเองก็ดีใจที่ในที่สุดก็ได้มาที่นี่สักที ได้มาแสดงคอนเสิร์ตให้แฟนๆ ได้ดู และได้รับการสนับสนุนที่ดีจากแฟนๆ ด้วย พวกเราก็หวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับช่วงเวลานี้ด้วยกัน หลังแสดงเสร็จจะเป็นยังไง เดี๋ยวมาว่ากันทีหลังนะ (หัวเราะ)
1 อีพี 3 อัลบั้ม กับดนตรีที่เปลี่ยนไป
Sam : พวกเราไม่มีกฎตายตัวว่าจะต้องทำดนตรีแบบไหน เรารักดนตรี และฟังเพลงทุกแนว จนเราเจอแนวดนตรีใหม่ๆ มากขึ้น จนอาจทำให้เพลงที่เราฟังช่วงนั้นมีอิธิพลต่อการทำเพลงอัลบั้มนั้นๆ แรกๆ เราอาจจะเคยมีความกดดันว่าถ้าเราเปลี่ยนแนวเพลงไปบ้าง แฟนเพลงที่เคยชอบผลงานของเราจะไม่ชอบหรือเปล่า แต่พวกเราพยายามที่ไม่เครียดกับเรื่องนี้ ไม่ว่าเพลงจะออกมาเป็นแบบไหนก็ตาม พวกเราอยากทำเพลงในแบบที่เรารู้สึกสนุกที่ได้ทำ และหวังว่าคนที่ได้รับฟังจะสนุกที่ฟังไปด้วย
วงอินดี้รุ่นพี่ ที่กลายเป็นต้นแบบของวงอินดี้หน้าใหม่
Alex : ถือว่าเป็นคำชมที่ยิ่งใหญ่มากครับ ผมว่าเมื่อไรที่คุณอยู่ในวงการนี้มาสักพักใหญ่ๆ หากคุณคิดว่าสิ่งที่คุณทำมันถูกแล้ว อาจเป็นเพราะดนตรีของพวกเราฟังดูแตกต่างไปจากวงอื่นๆ ก็เลยถือว่าเป็นเรื่องดีที่พวกเราเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตในวงการเพลง สำหรับพวกเราจริงๆ ก็ไม่เคยคิดไปถึงขั้นนั้นหรอกนะ พวกเราแค่อยากทำเพลงในแบบของเรา เป็นตัวของพวกเราเอง เพราะจริงๆ คงไม่มีใครรู้สึกดีถ้าทำเพลงออกมาเหมือนๆ กับคนอื่น
เพลงแปลกๆ จากไอเดียแปลกๆ
Alex : มีเพลงแปลกๆ เยอะเหมือนกันนะเท่าที่ทำมา อย่างในอัลบั้มใหม่นี้ก็มีเพลงที่เราแต่งขึ้นเพื่ออุทิศให้กับ “ลาเวนเดอร์” ด้วยนะ เป็นพืชที่สวยงามน่าทึ่งมาก ผมเลยเขียนเพลงถึงเสียเลย
อินดี้แค่ไหน แค่ไหนเรียกอินดี้ เพราะความแปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร แต่โดนใจวัยรุ่นเข้าอย่างจังแบบนี้นี่แหละ ที่ทำให้ใครต่อใครก็ยกย่องให้ TWO DOOR CINEMA CLUB เป็นวงดนตรีที่น่าจับตามอง และเป็นคลื่นลูกใหม่ในวงการดนตรีอินดี้ที่เป็น alternative mainstream อย่างแท้จริง สิ่งที่พวกเขามีไม่ได้พิเศษกว่าวงไหนๆ มีเพียงแค่ใจรักในสิ่งที่ทำ กล้าที่จะออกจากกรอบเดิมๆ ของตัวเอง และลุยไปให้เต็มที่เท่านั้นเอง พูดเหมือนง่าย แต่จริงๆ ก็ทำยาก เพราะบางคนก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
ว่าแล้วก็หันไปเปิดเพลง “Next Year” ฟังต่ออีกรอบดีกว่า หวังว่าคราวหน้าคงจะไม่ให้รอนานเหมือนคราวนี้อีกนะ
____________________
Story : Jurairat N.
Special thanks : Warner Music Thailand, OD
อัลบั้มภาพ 21 ภาพ