Jazz Me Up!! : เบ๊น ธนชาติ กับดนตรีในนิวยอร์ค | Sanook Music

Jazz Me Up!! : เบ๊น ธนชาติ กับดนตรีในนิวยอร์ค

Jazz Me Up!! : เบ๊น ธนชาติ กับดนตรีในนิวยอร์ค
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เอาจริงๆ ผมไม่ใช่คนฟังแจ๊ซเท่าไรเลย ลองมาเช็คไทม์ไลน์ชีวิตดูจริงๆก็พบว่า ความใกล้ชิดกับแจ๊ซที่มากที่สุด คือตอนซื้อซีดี Norah Jones มาฟังตอน ม.สี่ ซึ่งไม่ได้ตั้งใจซื้อเองหรอกครับ เจ้าของร้านเป็นคนแนะนำมา จริงๆวันนั้นจะไปซื้อ Limp Bizkit แต่แผ่นมันหมด (ทำไมเจ้าของร้านแนะนำเพลงได้ต่างแนวจังวะ)

คลิกฟังเพลง Come away with me - Norah Jones

ทีนี้พอเอาซีดีกลับมาฟังที่บ้าน ก็รู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไรเลยวางทิ้งๆไว้

 

แหม... เด็กม.ปลายมันจะไปฟัง Norah Jones ได้ไงครับ ยุคฮอร์โมนพ่นไฟ แบบนั้นในต้องฟังหนักๆครับ ยิ่งหนักยิ่งดี Korn, Slipknot หรือ System of A Down นี่ตัวจี๊ด ถ้าเอาไปบอกเพื่อนว่าฟัง นี่จะได้รับการยอมรับว่าเท่ กลับกัน ถ้าไปบอกว่าฟัง Norah Jones มีหวัง ถูกบอยคอตออกจากกลุ่ม

โถเด็กหนอเด็ก


ตัดภาพมาที่นิวยอร์ก

 

ก่อนมาเนี่ย ได้ยินมาว่า เป็นเมืองที่มีคลับแจ๊ซเจ๋งๆ ทั้ง Village Vanguard หรือ Blue Note ยิ่งอันหลังนี่อย่างดัง แต่ถามว่า อยู่ที่นั่นสามปี ผมเคยไปไหม ไม่เลยครับ คือนิวยอร์กนี่มันเป็นเมืองที่มีอะไรมากมายก่ายกองครบถ้วนสุดๆไปเลย ไม่ว่าคุณจะชอบเสพอะไร มันจะมีสิ่งนั้นให้คุณอย่างอุดมสมบูรณ์

 

อย่างผมเนี่ย เวลาว่างส่วนใหญ่ก็จะหมดไปกับเข้ามิวเซียม ดูละครเวที หรือเข้าโรงหนังอินดี้ โดยปล่อยแจ๊ซให้กลายเป็นกิจกรรมที่ถูกลืม ทั้งที่เมืองนี้มันมี Jazz Venues อยู่มากมายชนิดที่ว่า คนรักแจ๊ซจริงๆคงจะอยากจะเข่าหน้าผม เพราะ มึงอยู่เมืองนี้ได้เสียของจริงๆ!

 ผมมีโอกาสได้เข้าแจ๊ซคลับจริงๆก็ปาไปปีที่สี่แล้ว ซึ่งก็ไม่ใช่เดินเข้าไปแบบสมัครใจด้วย ตอนนั้นคือไปรับจ๊อบถ่ายงานให้นิตยสารแห่งหนึ่งมา ซึ่งมันจะมีพาร์ทที่ต้องเข้าไปถ่ายงานในแจ๊ซคลับ ผมก็เลยต้องเปิดประสบการณ์ในที่สุด

 

จำได้ว่าร้านชื่อ Small ในแถว Greenwich Village ย่านเก๋ทางด้านล่างๆของเกาะแมนฮัตตัน ที่เลือกร้านนี้เพราะดูเล็กๆอบอุ่นดี และที่สำคัญค่าเข้าไม่แพงเท่าไร (25 เหรียญ + บังคับซื้อเครื่องดื่มข้างใน 1 drink) ตัวร้านนี้จริงๆ เขาอยู่ในชั้นใต้ดินครับ พอจ่ายค่าเข้ากับพี่คุมหน้าร้านเสร็จ ผมและทีมงานก็เดินลงบันไดชันลงสู่ตัวร้านด้านล่าง ซึ่งเป็นพื้นที่เล็กๆ ประมาณห้าสิบตารางเมตร นึกภาพคอนโดห้องใหญ่ๆหนึ่งห้อง ที่แสงทึมๆ มีม้านั่งยาวประมาณเจ็ดแถว หันหน้าเข้าเวทีเล็กๆที่มุมห้อง ความจุทั้งหมดน่าจะประมาณสามสิบกว่าคน

 

จังหวะที่เรามาถึงกันเนี่ย คนก็เริ่มจะเต็มๆแล้ว ผมสั่งเบียร์กับพี่บริกร และไปเดินไปประจำอยู่ที่มุมใกล้เวทีเพื่อหาตำแหน่งเพื่อเก็บภาพการแสดงรัวๆ

ปรากฎ ตัดภาพมาอีกที พอวงเริ่มเล่น ผมแม่งแทบไม่ได้กดชัตเตอร์เลยครับ เพราะเฮ้ย ฟังเพลินมากๆ จะบรรยายยังไงดี พูดแบบคนไม่มีความรู้เลยแล้วกันว่า วงแกรับส่งกันดีจัง จังหวะมันลื่นไหล หนักเบามาถูกที่ถูกเวลา มีการเน้นมีขยี้เร้าอารมณ์มีการผ่อนให้ลอยๆ มีการสปีดให้ลนๆ ฟังแล้วเพลินไม่มีเบื่อ เผลอๆจบเพลงอีกละ

 

วงนี้ (วงที่ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว) มีพักทักทายคนดูบ้างเป็นครั้งคราว ดูเหมือนพี่คนดำ หัวหน้าวง แกจะมาเล่นที่นี่บ่อย เห็นทักคนดูได้เกือบทุกคนเลย ฟังแกแกพูดคุย+แซวคนดูอย่างสนิทสนมแล้วก็รู้สึกมันน่ารักอบอุ่นดี เหมาะกับชื่อร้าน Small ดีแฮะ

 

คืนนั้น ผมนั่งดูแจ๊ซเพลินไปสี่วงรวด รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนปลีกตัวออกมาตอนเที่ยงคืนกว่าๆ เพราะต้องรีบกลับไปขึ้นรถไฟออกนอกเมืองที่สถานี แกรนด์ เซนทรัล ขณะรีบวิ่งไปขึ้นรถไฟ ผมรู้สึกได้พลังงานบางอย่างจากในนั้น จังหวะนั้นนี่สมองเอเนอร์จี้เยอะ อยากจะสร้างสรรค์งานอะไรบ้างอย่าง ไฟมามากๆ เรียกว่า ถ้าเสือกคิดงานอะไรออกตอนนั้น คงควักโน้ตบุคออกมาทำข้างถนน ที่เคยอ่านมาอาจจะจริงก็ได้ ที่เขาว่าการฟังแจ๊ซเนี่ยมันส่งผลต่อคลื่นสมอง เกิดเอฟเฟกสามอย่างคือ คลายความกังวล, ช่วยให้หลับได้ลึกขึ้น และทำให้ความคิดสร้างสรรค์เราสปาร์ค ไอ้สองข้อแรกนี่ไม่รู้จริงหรือเปล่า (ข้อแรกอาจไม่จริง เพราะตอนนั้นกังวลว่าจะตกรถไฟ) แต่ข้อสุดท้ายนี่ท่าจะจริง

หลังจากวันนั้นมาผมก็ฟังแจ๊ซบ่อยขึ้นเรื่อยๆ เสียดายว่า หลังจากวันที่ไป Small ผมก็มีเหตุต้องกลับมาทำโปรเจ็คระยะยาวที่ไทย ก็เลยยังไม่ได้ไปแจ๊ซคลับอื่นๆในนิวยอร์ก แต่ก็ยังเปิดเว็บฟังแจ๊ซอยู่บ่อยๆ ยิ่งทุกวันนี้ทำงานโฆษณาเป็นหลัก เวลาไอเดียมันตันๆ เพลงของ Gerry Mulligan, Louie Belson, Chet Baker หรือ Norah Jones นี่ช่วยได้สุดๆไปเลย (เพลงของ Korn หรือ Slipknot ก็ช่วยได้เช่นกัน ชอบฟังเวลาลูกค้าสั่งแก้งานบ่อยๆ ว๊ากกกก)

 

หวังว่า กลับไปนิวยอร์กปีหน้าจะได้ไปเยือนนะ Village Vanguad และ Blue Note

Story : Thanachart Siripatrachai

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook