Paradox จินตนาการที่ไม่เคยหยุด สู่อัลบั้มใหม่ที่ขายหมดในวันเดียว!
ถึงแม้ว่าจะอยู่ในวงการมามากกว่า 20 ปี แต่วงดนตรีแฟนตาซีร็อกอย่าง Paradox นั้นก็ยังคงสร้างความสุขผ่านบทเพลงที่ไม่เหมือนใครอยู่เสมอ และหลังจากพักการออกอัลบั้มใหม่ไป 5 ปี พวกเขาก็กลับมาพร้อมอัลบั้มใหม่ และ 22 เพลงที่กลั่นกรองมาจากจินตนาการ และ ความตั้งใจที่พวกเขาต้องการมอบให้แฟนๆ และในวันนี้พวกเขาก็ได้มาเล่าเรื่องความพิเศษของอัลบั้มชุดใหม่ Before Sunrise After Sunset ให้ทีมงาน Sanook! Music ได้ฟังกันครับ
ช่วงที่เว้นว่างจากการทำอัลบั้มไป 5 ปี สมาชิกวง Paradox ไปทำอะไรมาบ้าง
ต้า Paradox : 5 ปีพวกเรามีทัวร์เกือบทุกวัน และเก็บเล็กผสมน้อยเพลงจากที่ต่างๆ เวลานั่งรถไปทัวร์ เราก็จะเขียนเพลงไปด้วยครับ พอทำได้ระยะหนึ่งก็รวบรวมได้ แฟนเพลงก็บ่นมาว่า อยากฟังใหม่ที่แปลกๆบ้าง เราก็คัดออกมาเป็นเพลงที่แหวกแนว และต่างออกไป ก็ได้ออกมา 22 เพลง เป็นเพลงในอัลบั้มชุด Before Sunrise After Sunset ครับ
อะไรคือสิ่งที่ทำให้วง ตัดสินใจกลับมาออกอัลบั้ม เมื่อปลายปี 2559
ต้า Paradox : จริงๆเรา วางแผนออกอัลบั้มสองปีครั้ง แต่มันจะมีงานเล็กๆน้อยๆ มาเสมอ อย่างทำเพลง สุขใจ ให้พี่เบิร์ด หรือคอนเสิร์ต ทำเพลงให้ภาพยนตร์ suckseed และก็ไปทัวร์โครงการต่างๆกับเขา ทำให้ถูกเลื่่อนไปเรื่อยๆ จนเราคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว เพราะมีเพลงที่อยู่ในสต็อกเยอะมาก เกือบ 30 เพลง คือเป้าหมายเราสองสามปีต้องออกอัลบั้ม แต่ตอนนี้ค่ายฟันธงว่ายังไงต้องออก ไม่งั้นต้องออกจากค่าย(หัวเราะ) เราก็เลยต้องเร่งมือ อัลบั้มนี้ก็ทำเพลงไปด้วย พวกเราไม่เคยหยุดพักเลยครับ
ทำไมถึงตัดสินใจทำอัลบั้ม ที่มี 52 เพลงออกมา
ต้า Paradox : อันนั้นผ่านไปแล้วครับ เป็น Limited edition สามแผ่นครับ เราทำเป็น Pack พิเศษสำหรับช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ให้มันน่าสะสม มีเเพ็คเกจดีๆ มีของที่ระลึก ทำออกมา 3,500 ชุด ก็ขายหมดภายในวันเดียว แต่ก็มีแฟนเพลงที่ซื้อไม่ทัน และไม่ได้ฟังเพลงเลย ก็เลยมีการประชุมกับทางค่ายว่าจะทำอย่างไรในเมื่ออัลบั้มมันสูญพันธ์ไปแล้ว
เราเลยตัดสินทำอัลบั้มแยกออกมาแค่แผ่นเดียว เป็นของขวัญปลอบใจ เพื่อไม่ให้แฟนๆที่ซื้อชุดก่อนหน้านี้รู้สึกไม่ดี งานชุดนี้ก็คัดออกมาแค่เพลงใหม่ คือสามารถเอาไปฟังและแกะเปิดออกมาได้ ไม่ต้องทนุถนอมมาก ถ้าพังก็สามารถซื้อใหม่ได้ เพราะชุดที่เป็น Limited edition อันนั้นคนที่ซื้อไปจะไม่แกะกัน เพราะแกะยาก ส่วนใหญ่จะเอาไปสะสม ในอัลบั้มชุดใหม่นี้เราก็มีเพลงที่เพิ่มไปสองเพลงครับ เพื่อความสดใหม่ของอัลบั้ม แล้วก็มีการ์ดรูปพวกเราสี่แบบ และมีซีดีสองสีดำขาว ถ้าชอบสะสมก็ต้องหาตามร้านหรือแลกกับเพื่อนครับ
สอง Paradox : คือตามที่ต้าร์บอกเมื่อ 5 ปีก็ได้ออกมาหนึ่งชุด ตอนแรกอัลบั้มชุดนี้เราอยากทำเป็นแผ่นคู่ครับ มีด้านมืดด้านสว่าง ด้านสว่างคือเมื่อ 5 ปีที่แล้ว Daydreamer มี 18 เพลง อันนี้เป็นด้านสว่าง และก็มี 22 เพลง ใหม่ที่เป็นด้านมืด พอวางแผงและก็มีเเผ่นพิเศษที่เป็นเพลง Remix กับเพลงพิเศษ รวมอีก 12 เพลง ก็ได้เป็นอัลบั้ม 52 เพลง แต่ที่เป็นเพลงใหม่จริงๆ มีแค่ 22 เพลงครับ ซึ่งก็คือชุด Before Sunset After Sunrise
ชื่อ Before Sunrise After Sunset ของอัลบั้มชุดนี้ มีที่มาอย่างไร
สอง Paradox : มันเป็นด้านมืดครับ เป็นเพลงร็อกบู๊ๆหน่อย ก็เลยให้เป็นตัวแทนความมืด อย่างชุด Daydreamer ที่ออกไปเมื่อ 5 ปีที่แล้วก็เป็นด้านสว่าง อัลบั้มนี้ก็จะเป็นก่อนพระอาทิตย์ขึ้น หลังพระอาทิตย์ตก ซึ่งหมายถึงกลางคืน ก็จะเป็นอัลบั้มคู่ที่สมบูรณ์พอดีครับ
คลิกฟังเพลงจากอัลบั้ม Daydreamer ได้ที่นี่
ในอัลบั้มชุดนี้ก็มีเพลง ฤดูฝน เป็นเพลงเปิดอัลบั้ม ทำไมถึงเลือกเพลงนี้ออกมาให้แฟนๆได้ฟังกันเป็นเพลงแรก
ต้า Paradox : บอกตรงๆเลยว่าช่วงนั้น ฝนกำลังจะตกครับ ตอนแรกเราวางแผนให้เพลงนี้เป็นซิงเกิ้ลสุดท้าย แต่แผนค่อนข้างช้ากว่ากำหนด และช่วงนั้นพายุกำลังเข้า เราเลยเอาฤดูฝนมาออกในช่วงนั้นครับ ให้เข้ากับบรรยากาศ เป็นการเปิดบรรยากาศเก่าของวงด้วย เพราะแฟนๆหลายคนก้บอกว่าพวกเราในยุคนี้มีแต่เพลงหวานๆ อยากให้มีบรรยากาศเก่าๆ แบบเมื่อ 10 ปีที่แล้วกลับมา เลยกลับไปทำเพลงแบบฤดูร้อนอีกครั้ง เป็นภาคต่อที่ชื่อว่าเพลงฤดูฝน เป็นการบอกแฟนๆว่าบรรยากาศเก่าๆ กำลังกลับมาแล้ว ต่อไปอีก 10 ปีก็อาจเป็นเพลง ฤดูหนาวก็ได้(หัวเราะ) เพลงนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการบอกแฟนๆว่าเรากลับมา เพลงนี้ก็จะเหมือนเป็นภาคต่อว่า อกหักในฤดูร้อน แต่เวลาผ่านมา 10 ปีก็ยังคิดถึงแฟนเก่า เป็นฤดูฝน คือเปลี่ยนบรรยากาศเท่านั้นเอง โครงสร้างเพลงก็จะเหมือนเดิม คอร์ดต่างๆ ก็จะเหมือนเดิม อย่างเนื้อเพลงก็จะเป็นการร้องเล่นคำให้ล้อกัน
ทำไมถึงตัดสินใจทำเอ็มวีเพลงนี้ให้มีสองมุมมอง ของผู้หญิงและผู้ชาย
ต้า Paradox : ตอนแรกเราก็วางแผนทำมุมมองของผู้ชาย แต่สักพักเราก็คิดว่า มุมมองผู้ชายมันก็เอาใจผู้ชาย จริงๆแล้วอยากเปิดกว้างว่ามีหลายมุมมอง ก็เลยไหนๆถ่ายเอ็มวีอยู่แล้ว ก็ทำเป็นสองเวอร์ชั่นเลยครับ กระแสตอบรับก็ดี เพราะตอนแรกคิดว่ามันจะไม่ดีเหมือนเพลงฤดูร้อน แต่แฟนๆก็ชอบกันเวลาทำโพล ก็จะติดอันดับที่แฟนๆโหวตกัน
หลังจากเพลง ฤดูฝน ทางวงก็ปล่อยเพลง The Game และ มาโซคิสม์ (หยดเทียนแห่งความปราถนา) ออกมา สองเพลงนี้มีเนื้อหาพูดถึงอะไร
ต้า Paradox : เพลงก็มาจากความต่างในช่วงเวลา คืออัลบั้มนี้ใช้เวลานานมาก ก็จะเจออะไรเยอะมาก บางเพลงก็แต่งข้ามปี อย่างเพลง The Game ช่วงนั้น 7 ปีที่แล้วเล่นเกมส์กันบนรถ ก็นึกถึงเกมส์ Mario ก็จะมีชนะ แล้วกลับมาเล่นใหม่ แล้วก็ผ่านไปเรื่อยๆ ก็นึกถึงชีวิตที่เจอด่านนั้นนี้ เจอหัวหน้าดุ เจอลูกน้อง พอย้ายไปก็เจอเรื่องเดิมๆ เลยอยากทำเพลงที่เนื้อหาพูดถึงการวนอยู่กับที่ครับ เลยเป็นเพลงชื่อ The Game ครับ
ส่วนเพลง มาโซคิสม์ นี่ก็แต่งไว้นาน แต่ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับอะไร แต่อยู่ดีๆผมได้คำๆหนึ่ง ที่ร้องออกมาว่า “โลกที่โรคจิต” มันเป็นคำที่เล่นระหว่าง รเรือ ลลิง ที่ผมมองว่ามันเป็นคำที่สวยดี ก็เลยเอามาทำเป็นเพลง ก็มาดูว่าคำไหนที่เอามาใช้ด้วยได้ เลยนึกถึงคำว่าซาดิสต์ ก็เลยได้ไอเดียว่า เพลงนี้ให้เป็นแนวโทษโลกนี้ ว่าโลกนี้ทารุณเรา ให้มีกิเลสมีความอยากนู่นนี่นั่น ว่าโลกชอบทำให้เรารุนแรง อกหัก เสพติดเพลงรักที่บทขยี้ใจ และกล่อมเกลาให้เราชอบความถูกกระทำ ดูหนังแล้วเศร้าๆแล้วมีความสุข เป็นการเปรียบเทียบ เลยค้นคว้าแล้วเจอคำว่า มาโซคิสต์ ที่เป็นคนชอบถูกกระทำ เพลงนี้ก็พูดถึงโลกมนุษย์นี้ สร้างให้เราเป็นคนชอบความเจ็บปวดทางจิตใจเป็นแฟนตาซี ดนตรีก็จะย้อนยุคเป็นร็อกเก่าๆ อัลบั้มนี้ก็จะมีความทดลองอะไรใหม่ๆ คือซาวด์จะเก่า แต่ความใหม่ก็จะมีโซโล่ที่เป็นเสียงอวกาศครับ ประมาณนั้น
ในยุคนี้คนจะชอบเพลงเก่าๆ แบบยุค 90s ทางวงคิดว่าจุดนี้มีอิทธิพลกับคนไทยอย่างไรบ้าง
ต้า Paradox : ผมว่าความเก่า มันเป็นความคลาสสิค คือดนตรีเก่ามันถูกสตาฟด้วยความคลาสสิค มันถูกพิสูจน์มาแล้ว และมันไม่เชย ก็จะยกมาเล่นได้ คนจะชอบตลอดเวลา คือมาเล่นได้เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลง หรือแฟชั่นกางเกงขาบาน พอเอามาเล่นใหม่ ก็อาจจะเป็นเรื่องใหม่สำหรับเด็กยุคนี้ บางคนก็คิดว่าอาจจะมาจากอนาคต เป็นอะไรแปลกดีสำหรับพวกเขา อย่างของวงเรา ดนตรีก็จะเป็นการผสมผสาน ถ้าฟังดูเผินอาจจะเน้นย้อนยุค แต่ถ้าดูดีๆจะเห็นโครงสร้างดนตรีที่มีความใหม่ผสมอยู่
ล่าสุดทางวงก็มีเพลง ปีก ออกมา เนื้อหาของซิงเกิ้ลนี้พูดถึงอะไร
ต้า Paradox : เพลงนี้มันจะเป็นแฟนตาซี จะพูดถึงการหมดแรง คือในทางที่เราอยากทำอะไรแล้วไม่มีจุดหมาย รอคอยในสิ่งที่คาดหวัง บินไปเรื่อยๆ เป็นเพลงทดลอง คือจะไม่สร้างเรื่องแบบแฟนมีกิ๊ก หรือมีอินโทร ลงท้ายแล้วจบ พวกเราวางแผนจะสวนกระแสไปเลย คือทำเพลงที่เป็นคำลอย ล่วงถลา ปีกเปียกปอนด้วยนำ้ตา หมดแรงล้าเดียวดาย คือเป็นนามธรรมและให้คนดูตีความไปต่างๆ แต่จะมีฟีลความเศร้า คือเราจะทดลองไม่เขียนเป็นเรื่อง แต่จะให้เป็นบรรยากาศ มันเป็นการทำอะไรแผลงแล้วดูว่าแฟนๆคิดอย่างไร
สอง Paradox : มันจะวางเป็นคำ และคนจะเอาเรื่องราวส่วนตัวใส่ไปได้ มันเป็นอะไรที่ท้าทายมาก แฟนๆเองก็อยากได้อะไรแบบนี้เหมือนกัน
ต้า Paradox : เพลงปีกก็จะมาพร้อมอัลบั้มนี้จะมาพร้อมอัลบั้มแฟนๆเขาก็ชอบกัน และอยากเห็นเพลงนี้ในคอนเสิร์ต ตอนนี้ก็รอฟีดแบ็กจากอัลบั้มนี้อยู่ เพราะในอนาคตก็จะมีซิงเกิ้ลอื่นๆตามมา แฟนๆหลายคนก็รอชมเอ็มวีเพลงอื่น เพราะเขาบอกว่าเวลาชมเอ็มวีเเล้วกลับมาฟังเพลง มันจะไพเราะขึ้น
มิวสิควีดีโอเพลง ปีก มีเนื้อหาอย่างไร
ต้า Paradox : เราได้พี่ติ๋ม ช่างภาพแฟชั่น เขาตีความปีกเป็นการเต้นบัลเล่ต์ คือนางเอกเป็นนักเต้น แล้วกระโดดไม่ขึ้น เหมือนบินไม่ไหว ทำเท่าไหร่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ก็ตัดมาเป็นภาพพวกเราตอนเล่นดนตรีแต่งชุดขาว เป็นบรรยากาศแฟนตาซี เป็นการเล่าเรื่องที่ Surreal หรือ เกินจริง
สอง Paradox : คือเป็นการเล่าให้ตีความว่า ให้สู้ต่อไป ไม่ต้องกังวล เป็นกำลังใจตัวเอง
ความท้าทายในการทำอัลบั้มนี้อยู่ที่ตรงไหน
ต้า Paradox : เพลงนี้ก็จะทำนาน คือแต่งไว้นาน เราทำงานแบบเก่า มีเป็นคาราโอเกะ แล้วใส่เนื้อ และดูมิติของคำ ดูบรรยากาศภาพรวม พวก Layer ต่างๆ มันจะใช้เวลาเพราะพวกเรามีทัวร์ ความยากของอัลบั้มนี้เราต้องรื้อแฟ้มงานเก่าๆ อย่างกลองหรือกีต้าร์ที่อัดไว้ 8 ปีที่แล้ว หรือ 5ปีที่แล้ว บางเพลงทำเป็นปี แล้วมาเร่งช่วงสองเดือน ถ้าเป็นบะหมี่ก็คือขึ้นอืดแล้วครับ(หัวเราะ)
สมาชิกแต่ละคน ชอบเพลงไหนในอัลบั้มนี้บ้าง
ต้า Paradox : ผมฟังบ่อยสุดก็เป็นเพลง ปีก ครับ มันฟังได้เรื่อยๆ เเบบอยู่ในฮอลใหญ่ๆแล้วคนกระโดดตามไปได้ด้วย
บิ๊ก Paradox : ผมจะชอบเพลง ปรสิต ครับ มันมีความเป็น Sci-fi ตื่นเต้นหน่อย มันจะมันส์ๆครับ
โจอี้ Paradox : ปกติผมชอบเพลงเบาๆนะครับ แต่เวลาเล่นก็จะชอบเพลงสนุกๆ ผมชอบเพลง จดหมายจากวันวาน ครับ คือเป็นฟังเพลินๆในรถ
สอง Paradox : ผมชอบเพลง หลุมศพปลาวาฬ ครับ มันคล้ายกับเพลง ปีก ที่ใช้คำไม่เกี่ยวกันเลย เอามาเรียงๆ แต่แฟนๆจะมีจินตนาการของตัวเอง ดนตรีเพลงนี้ก็จะประหลาด อย่างท่อนหยุด หรือกีต้าร์ ถ้าฟังดูอาจจะปกติ แต่ถ้าเพ่งดูจะเห็นความประหลาด อย่างอินโทรท่อนฮุค เอาท์โทร จะไม่เรียงตามปกติ
อะไรคือสิ่งที่ทำให้เพลงในอัลบั้มนี้มีเอกลักษณ์ชัดเจนมาก
ต้า Paradox : ในอัลบั้มนี้ก็จะเองหมดอย่างการมิกซ์ มันก็สร้างมิติให้กับเพลง เราก็สามารถซ่อนลูกเล่นได้ ถ้าฟังเพลงแล้วคลิกจะเห็นมิติที่ซ่อนอยู่ มันก็จะพาคนฟังเข้าไปในโลกของวง Paradox มันมีเสน่ห์บางอย่าง แถ้าฟังกับวงอื่นมันจะเห็นชัดเลย คือในอัลบั้มนี้มีอะไรที่แฟนเพลงชอบกัน มีความต่อเนื่องจากภาคเก่าๆ เหมือนหนังภาคต่อที่มีปริศนาที่ซ่อนอยู่ มีซาวด์แปลกๆ พอฟังจริงๆก็เจอเสียงเเปลก เพลงนี้ก็ทำกันเเอง แต่งเอง บันทึกเอง มิกซ์เอง ขายเอง (หัวเราะ)
นอกจากงานเพลงแล้ว คอนเสิร์ตของ Paradox ก็มีความแตกต่างที่ชัดเจนด้วย แบบอย่างการแจกผักบุ้ง หรือแจกของ อะไรคือแนวคิดที่ทำให้พวกคุณทำโชว์ออกมาให้แตกต่าง
ต้า Paradox : วงพวกเราเกิดมาจากการเล่นรับน้อง Freshy night ตอนนั้นปี 1 รุ่นพี่ก็ให้เล่นกิจกรรมเราก็ฟอร์มวง เป็นตัวแทนภาควิชา ก็แต่งตัวประหลาดใส่หน้ากากแต่งเป็นผู้หญิงคนก็ชอบ เป็นการเล่นแบบปาร์ตี้เวลาดูหนังคนเล่นดนตรีแฟนซี ก็เลยทำเป็นมีตติ้ง เวลาไปแสดงคนก็ชอบ ขึ้นมาเล่นด้วย ไปไหนคนก็ชอบ เราก็สั่งสมมา คืออยากเปลี่ยนสถานที่ให้เป็นงานปาร์ตี้ และเรื่องจริงที่โหดร้ายก็คือ เวลาออกต่างจังหวัด มีงานจ้างคนก็ไม่ค่อยรู้จักเพลงหรอกครับ เขาจะมางงๆ เราก็เลยต้องเปลี่ยนลิสต์เพลงในงาน เป็นเพลงง่ายๆ สนุกๆ เป็นอีกคาแร็คเตอร์ของอัลบั้ม อย่างคุณป้าคุณยายก็หยุดดูได้ พ่อแม่พาลูกมาดูได้ อารมณ์แบบดูยอดมนุษย์โชว์ (หัวเราะ) คือมันได้ทั้งคู่ก็อยากให้คนสนุก คือคนอาจไม่รู้จัก แต่ถ้าเขาสนใจก็เป็นข้อดีไป ถ้าไม่สนใจก็เป็นการสร้างบรรยากาศที่ครื้นเครงไป มันเป็นเหตุผลที่ทำให้เราตั้งใจสร้างโชว์และทำกิจกรรม แต่เวลาขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่กับแฟนๆ เราก็ยังทำโชว์ที่ร็อกและเข้มข้น อาจจะลดความคิกขุ แต่โชว์ยังสนุกเหมือนเดิม
สอง Paradox : เราก็จะพัฒนาทำโชว์มีของที่ระลึก อย่างเช่นตุ๊กตาของวง หรืออะไรที่เป็นโลโก้ ที่โยนไปแล้วคนอยากได้ มันจะปลดล็อคความเขินของคนดู คืออัลบั้มทำไว้แล้ว โชว์ก็จะอีกแบบนึง คือคนหน้าใหม่ และแฟนรุ่นเก่าก็สนุกกับวงได้
ในปัจจุบันนี้วงดนตรีรุ่นใหม่ที่เกิดจากโซเชี่ยลเยอะมาก ทาง วง Paradox รู้สึกอย่างไรกับศิลปินรุ่นใหม่ที่เข้ามาในวงการตอนนี้
ต้า Paradox : ผมว่ามันเป็นข้อดีนะครับ คือเราสามารถดูผลงานได้สามารถ search ได้เลย รุ่นน้องก็มีช่องทาง ไม่ต้องรอโอกาส แต่สามารถสร้างโอกาสได้เอง หลังจากนั้นก็เป็นการพัฒนาและพิสูจน์ตัวเองว่าเราดีพอที่จะมีแฟนคลับหรือเปล่า แต่ในยุคนี้คนจะซื้ออัลบั้มน้อย อัลบั้มจะเหมือนโบรชัวร์ไปแล้ว ทางที่ดีก็ต้องจัดกิจกรรมทางดนตรีออกมาเรื่อยๆ อย่างน้อยอย่าไปรอค่าย จองสถานที่และเล่นเอง คือมันจะสร้างแฟนคลับได้ อยากให้วงน้องใหม่เล่นดนตรีให้สนุกเป็นงานอดิเรก อย่าไปหวังเรื่องเงิน เพราะพวกเราเองก็เล่นงานฟรีมาตลอด เป็นการโปรโมทตัวเองเล่นไปนานๆ ก็มีค่าจ้าง อย่าพึ่งไปคิดเรื่องค่าตอบแทน เพราะมันจะเป็นธุรกิจและไม่ใช่สิ่งที่เราทำ
คลิกฟังเพลงจากอัลบั้ม Before Sunset After Sunrise ได้ที่นี่
เรียกได้ว่าถึงแม้จะอยู่ในเส้นทางดนตรีมา 20 ปีแล้ว แต่ความรักในเสียงเพลง ก็ทำให้ผลงานของวงนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวแปลกใหม่ และสีสันชวนเซอร์ไพรส์สุดๆ ซึ่งใครที่ยังไม่มีอัลบั้มชุดนี้ในครอบครองนั้นสามารถซื้อหามาเก็บสะสมสะสม และกดฟังได้ที่ Joox และ Sanook! Music ได้เลยครับ
Story : LEGENDARYPEPPER
อัลบั้มภาพ 11 ภาพ