พูดคุยกับ “ท้อฟฟี่” เจ้าของคิวแรกวันซื้อบัตร Britney Spears Live in Bangkok | Sanook Music

พูดคุยกับ “ท้อฟฟี่” เจ้าของคิวแรกวันซื้อบัตร Britney Spears Live in Bangkok

พูดคุยกับ “ท้อฟฟี่” เจ้าของคิวแรกวันซื้อบัตร Britney Spears Live in Bangkok
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 60 ที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวาระแห่งชาติ ที่แฟนเพลงสากลจะกระหน่ำพูดถึงกันอยู่เรื่องเดียว พร้อมแฮชแท็ค #BritneySpearsLiveInBangkok #BritneySpearsBKK2017 กันเต็มไปหมด เพราะวันนั้นเป็นวันขายบัตรคอนเสิร์ตครั้งแรกในรอบ 18 ปีของคุณแม่ Britney Spears นั่นเอง แม้ว่าจะมีรอบพรีเซลไป 2 รอบ แต่ก็ยังมีแฟนเพลงผู้พ่ายแพ้รอคอยวันขายจริง หรือรอบ public sale กันอย่างใจจดใจจ่อ เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

หลังจากคว้าบัตรมาได้อย่างหวุดหวิด บอกเพื่อนที่รอคอยข่าวดี และยิ้มให้กันอย่างตื้นตัน เราก็ได้รับข้อความจากพี่คนหนึ่งว่า “เพื่อนพี่เป็นคิวแรกที่ได้บัตรบริทนี่ย์คนแรก (ของวันนี้) ที่เคาท์เตอร์ อยากคุยกับเขาไหม” ได้ยินอย่างนี้ก็หูผึ่ง ทำไมจะไม่คุยล่ะ และเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ พี่ท้อฟฟี่-ชญาน์ทัต วงศ์มณี หรือ ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ นักเขียนเจ้าของหนังสือ “วัยว้าวุ่นรุ่นสามสิบ” นั่นเอง

 

__________

Britney Spears ในความทรงจำ

- ผมโตมาในยุค Britney Spears พอดี จำได้ว่าตอนที่เธอออกอัลบั้มแรกผมอยู่ ม.3 ปี 1998 เป็นยุคที่เพลงสากลกำลังเบ่งบาน ยุคนั้นมี Channel V Thailand นิตยสาร POP นิตยสาร Crossroad เป็นสื่อกลางในการรู้จักศิลปินต่างประเทศ ยุค Christina Aguilera, The Moffats, Backstreet Boys, Take 5, 5ive ยุคนั้นแหละครับ จำได้ว่าเปิด Channel V Thailand ก็ต้องเจอ MV “…Baby One More Time” ตลอด

 

เสน่ห์ของ Britney Spears

- ถ้าโตมาตอนนี้สิ่งที่น่าทึ่งของ Britney คงเป็นความเป็น Survivor เพราะเอาจริงๆ เธอก็ไม่ได้ร้องเพลงดีมาก แต่เสียงเป็นเอกลักษณ์ ฟังแล้วรู้เลยว่าใคร และเจอวิกฤติหลายครั้งชนิดที่เราเองยังคิดว่ามันสามารถจบชีวิตคนคนหนึ่งได้เลยถ้าไม่แข็งแกร่งพอ แต่นั่นแหละ เธอผ่านมาได้ และมีฐานที่มั่นมาจนถึงปัจจุบัน ถ้าไม่แน่จริง ไม่แกร่งจริง ไม่สู้จริง ก็อยู่รอดแบบนี้ไม่ได้ นี่สิน่าทึ่ง

 

เพลงของ Britney Spears ที่ชอบที่สุด

- “I'm a Slave 4 U เป็นเพลงที่เหมือนจุดเปลี่ยนว่าเธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดนตรีต่างจากเพลงเก่าๆ ก่อนหน้านั้น และโชว์เมียงูที่ VMA 2001 ก็เจ๋งมาก

 

วินาทีที่รู้ว่า Britney Spears กำลังจะมาไทย

- เห็นข่าวว่า Britney จะมาเปิดคอนเสิร์ตที่ฟิลิปปินส์ก่อน แล้วก็คิดเหมือนกันว่าจะมาไทยไหม จนมาเห็นทีเซอร์ Oops it's Songkran again ที่เพจ Thaiticketmajor ก็คิดว่า ได้เสียเงินอีกแล้วสิเนี่ย

 

ลุยเดี่ยว หรือเป็นหมู่คณะ?

- ไปกับแก๊งเพื่อนที่ชอบดูคอนเสิร์ตด้วยกัน ประมาณ 4-5 คน แต่รอบนี้ดูกันแค่ 2 คน ซึ่งเพื่อนคนนี้ชอบ Britney มากกกกกก เขาก็ฝากความหวังเอาไว้กับเรา ซึ่งเป็นมือวางอันดับ 1 ของกลุ่มในการซื้อบัตรคอนเสิร์ต

 

6058183579285

 

เอาล่ะ... ถึงเวลา show time

วิธีคว้าบัตรคอนเสิร์ตจากผู้เชี่ยวชาญตัวจริง โอกาสพลาด 0%!

- เราก็ต้องถามเพื่อนก่อนว่าอยากนั่งโซนไหน เอาผังที่นั่งมาดูกันว่า นั่งตรงไหนแล้วจะโอเคที่สุด อย่างของ Britney จะมีโจทย์ว่า ต้องเป็นที่นั่ง 12,000 บาท (ราคาแพงที่สุด) เพราะเพื่อนชอบมาก แต่เราก็ต้องมาดูในแต่ละตำแหน่งด้วยว่าตรงไหนที่มุมดีที่สุด และมีความเป็นไปได้ที่จะซื้อได้มากที่สุด อย่าง A1 ที่หน้าสุด มันมีความเป็นไปได้ที่บัตรจะใกล้หมด หรือเหลือแต่ที่นั่งที่ไม่ค่อยดี เพราะอาจจะมีคนซื้อไว้ตั้งแต่รอบพรีเซลแล้ว เราก็มาดูตัวเลือกอื่นที่อยู่ใกล้ๆ กัน เช่นโซน AA หรือบางครั้งโซนที่ใกล้กันมาก แต่ราคามันต่างกันเยอะ อย่างโซน 8,000 ที่อยู่ติดกับ 12,000 ก็น่าสนใจ ดังนั้นก็จะเตรียมเอา 3 แผน แผนแรกต้องเป็นแผนที่ที่นั่งพอใจ และมีโอกาสที่ได้ที่นั่งสูงที่สุด อีก 2 แผนคือสำรองเอาไว้เผื่อที่นั่งในแผนแรกไม่ได้จริงๆ

ที่ต้องเตรียมเอาไว้ 3 แผน เพราะถึงเวลาหน้างาน ทุกอย่างมันเร็วมาก ไม่มีเวลาให้กลับไปกลับมา ต้องเตรียมต้องคุยกับเพื่อนมาจากที่บ้าน และเลือกเอาอันดับแรกที่มีโอกาสว่าจะได้มากที่สุด ในโซนที่เราก็พอใจ เหมือนเราเลือกอันดับตอนเลือกมหาวิทยาลัยเลย (หัวเราะ)

การดูฐานแฟนคลับก็สำคัญ อย่างตอนไปซื้อบัตรนันทิดา (แก้วบัวสาย) ก็ได้คิวแรกเหมือนกัน ตอนนั้นก็ไม่รู้จะไปสู้กับใคร (หัวเราะ) แฟนคลับอาจจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ถ้าเป็นคอนเสิร์ตบริทนี่ย์ คนที่ชอบเขามากๆ คงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้บัตรกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นตอนเลือกที่นั่ง ก็ต้องประเมินเอาไว้ส่วนหนึ่งว่า ที่นั่งดีๆ ต้องมีคนเอาไปแล้วส่วนหนึ่ง มีที่ตรงไหนที่เราพอจะ “กดปุ๊บ ได้ปั๊บ” บ้าง สุดท้ายก็ได้โซน AA สมใจ แม้ว่าจะไม่ได้โซนหน้าสุดอย่าง A1 แต่ก็ไม่อยากเสี่ยงดวง เพราะถ้าเป็นโซน A1 แล้วเป็นที่นั่งหลังๆ มันก็ไม่คุ้ม

 

เลือกที่นั่งที่ใช่ ด้วยมุมที่ชอบ จากประสบการณ์ตรง

- การเลือกที่นั่ง บางทีก็ต้องเลือกจากประสบการณ์ในการไปดูคอนเสิร์ตของเราเอง เพราะแต่ละที่จัด มุมก็ไม่เหมือนกัน ทั้งอิมแพค อารีน่า อินดอร์สเตเดี้ยม หรือรอยัล พารากอนฮอลล์ นี่ก็นั่งมาหมดแล้วตั้งแต่ชั้นแทบจะติดหลังคา ไปจนถึงติดเวที มุมซ้ายมุมขวา พอเรานึกภาพออกว่าตรงเป็นยังไง ก็ต้องมาเช็คกับผังที่นั่งอีก ว่ามีอะไรกีดขวางหรือไม่ บางครั้งอยู่ติดเวทีก็จริง แต่เป็นมุมข้างที่เราได้เห็นแต่ด้านข้าง อันนี้ก็ไม่โอเคเหมือนกัน

แต่บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องตรงกลางเสมอไป เพราะจริงๆ แล้วคอนเสิร์ตใหญ่ๆ อย่างคอนเสิร์ตต่างประเทศที่มีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ มักจะคำนวณถึงมุมมองที่สามารถมองเห็นได้ดีจากทุกมุมของฮอลล์อยู่แล้ว แต่อาจจะได้อรรถรสแตกต่างกัน ไม่ว่าจะหน้าสุด ข้างๆ หลังโซนควบคุมเสียง หรือจะมุมบนๆ มองลงไปข้างล่าง คนที่ยืนข้างล่างมองขึ้นมาที่นั่งข้างบน ก็ได้อรรถรสกันคนละแบบ

 

จองเคาท์เตอร์ ชัวร์ที่สุด

- จากประสบการณ์ตรงเลยนะ ผ่านมาหมดตั้งแต่ยุคที่จองบัตรผ่านโทรศัพท์ ตอนนั้นกว่าจะโทรติดก็วุ่นวายมาก พอมายุคอินเตอร์เน็ต ก็มีเหตุการณ์เน็ตล่ม บัตรเครดิตเด้ง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้ ตั้งแต่ตอนนั้นเลยเชื่อมาตลอดว่า การไปจองหน้าเคาท์เตอร์มันชัวร์ที่สุด แถมยังได้เปรียบตรงที่ระหว่างยืนรอในแถว ก็เช็คที่นั่งจากมือถือได้ด้วย

เคยมีประสบการณ์ซื้อบัตรผ่านเน็ตอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเป็นคอนเสิร์ต Mariah Carey กำลังเลื่อนๆ มือถือดูระหว่างเล่นฟิตเนส รู้สึกว่าสัญญาณเริ่มไม่ค่อยดี เพื่อนก็ฝากความหวังกับเราไว้เยอะ เพราะทุกครั้งที่มีคอนเสิร์ต เพื่อนๆ ก็นึกถึงเรา แล้วก็จะฝากความหวังไว้ที่เรา ส่งเราไปซื้อบัตร ก็เหมือนส่งทีมชาติไปเลย (หัวเราะ) เราก็เลยแบกรับความหวังว่าต้องซื้อบัตรให้ได้จากเพื่อนๆ มาด้วย โชคดีมากที่เราเล่นฟิตเนสอยู่ที่เซ็นทรัลเวิลด์ พอเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจ เลยเปลี่ยนแผนไปซื้อที่เคาท์เตอร์เดี๋ยวนั้นเลย เลยเป็นบทเรียนของเราเหมือนกันว่า ยังไงเคาท์เตอร์ก็ชัวร์ที่สุด

 

 6058183507220

 

คอนเสิร์ตครั้งนี้ ประทับใจมากตั้งแต่ตอนซื้อบัตร

- คอนเสิร์ต Madonna เป็นอะไรที่ “ที่สุด” ในที่ชีวิตจริงๆ เพราะชอบมาดอนน่ามาก อยากดูคอนเสิร์ต Madonna ที่เมืองไทยมาก แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาไทยจริงๆ ตอนนั้นมีเปิดพรีเซล ซื้อบัตรล่วงหน้า แต่ต้องซื้อสินค้าของแบรนด์สปอนเซอร์นั้นให้ครบจำนวน แล้วเอาใบเสร็จไปชิงโชค เพื่อลุ้นให้ได้ซื้อบัตรก่อนใครอีกที แบรนด์สปอนเซอร์นั้นก็เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเราก็ไม่ดื่มเลย เราเห็นข่าวนี้ตอน 5 ทุ่มครึ่ง ตอนแรกก็ว่าจะไปซื้อตอนเช้า แต่เราก็คิดว่าถ้าเราต้องการมากขนาดนั้น เราต้องไปเดี๋ยวนี้เลย ตอนนั้นอยู่ในชุดนอนแล้วนะ (หัวเราะ) แต่เราก็จะไป คิดว่าซื้อเบียร์มาแจกเพื่อนก็ได้

แต่สรุปว่า ลืมไปว่าหลังห้าทุ่มหรือเที่ยงคืนนี่แหละ เขาห้ามขายแอลกอฮอล์ แทนที่จะซื้อเบียร์สัก 10 ขวดก็ครบตามจำนวนแล้ว ปรากฏว่ามันไม่ได้แล้ว เลยกลายเป็นโจทย์ใหญ่ของชีวิตว่า “คราวนี้จะซื้ออะไรดี” เลยต้องซื้อโซดาทั้งหมดที่มีในร้าน ต่อด้วยผลิตภัณฑ์ในเครือของเขาอื่นๆ ทั้งหมด พนักงานในร้านก็ใจดีช่วยยกของออกมาจนกว่าจะครบตามจำนวน พอได้ใบเสร็จยาวเฟื้อย ก็ถ่ายรูป ส่ง แล้วก็มานั่งประสาทกินอีกว่าจะได้ไหม (หัวเราะ) คิดมากไปถึงขั้นว่า ใบเสร็จที่ถ่ายรูปไปเห็นตัวเลขชัดไหม เครียดมาก สุดท้ายพอเป็น 1 ใน 200 คนที่ได้ซื้อบัตรรอบพรีเซล ก็เริ่มใจชื้น และมีความหวังว่าเราเข้าใกล้มันมากขึ้นอีกนิดแล้ว

พอถึงวันซื้อบัตรรอบพรีเซล เราก็ไปเซ็นทรัลเวิลด์ ออฟฟิศเราอยู่เซ็ลทรัลเวิลด์อยู่แล้ว แต่อยู่คนละส่วนกับห้าง ทำยังไงเราถึงจะได้เข้าไปในส่วนของห้างพร้อมพนักงาน เราเลยแต่งตัวเหมือนเป็นพนักงานคนหนึ่ง ประมาณ 9 โมงครึ่ง ก็เดินเนียนเข้าไปพร้อมพนักงานในห้างคนอื่นๆ แล้วก็แอบอยู่ในห้างครึ่งชั่วโมง (หัวเราะ) เป็นการแอบรอที่ยาวนานมาก เพราะกลัวว่ายามจะจับได้ พอสัก 9.50 น. เราเริ่มเห็นพนักงานมาตั้งแถวรับบรีฟ พอ 9.55 น. เราก็ค่อยๆ เดินออกมา เตรียมวิ่ง จำได้ว่าพอประตูเปิดให้คนข้างนอกเข้า ได้ยินเสียงวิ่งอุตลุด แต่เราใกล้กว่า เรามาอยู่หน้าเคาท์เตอร์แล้ว ก็เลยได้บัตรคิวแรกสมใจพร้อมชุดพนักงาน

แต่ความพีคอยู่ที่ว่า มีเพื่อนฝากซื้อบัตรเพิ่ม เลยต้องพิสูจน์ความสามารถของตัวเองอีกครั้ง แล้วคราวนี้ต้องสู้กับคนเป็นหมื่นๆ เลยด้วย เพราะต้องซื้อรอบวันขายจริง จะใช้มุขเดิมก็ไม่น่าจะรอดแล้ว เลยทำการสำรวจหาสาขาที่คนร้างที่สุด แล้วเราก็ค้นพบว่าบางสาขาเราสามารถซื้อที่เมเจอร์ซินิเพล็กซ์ได้ ห้างไหนเปิด 10 โมงครึ่ง หรือ 11 โมงอย่างห้างตามชานเมืองเราก็ไม่เอา ต้องเปิด 10 โมงตรงเท่านั้น พอได้สาขาที่เราคิดว่าคนไม่ค่อยรู้แล้ว เราก็ลองเดินทางไปที่นั่นดูก่อน ไปให้เห็นกับตาตัวเองว่าอะไรอยู่ตรงไหน ที่จอดรถพอไหม สุดท้ายวันจริงเราก็ไปที่นั่น ไปยืนรอพนักงานเช็ดเคาท์เตอร์ แล้วก็ได้คิวแรกของรอบ Public sale อีกครั้ง

 

ดูหมดทั้งคอนเสิร์ตไทย และต่างประเทศ

- ไปดูเยอะมาก แต่ก็ไปเฉพาะที่อยากดูนะ ทั้งเจ เจตริน กับพี่ติ๊นา นันทิดา แก้วบัวสาย Kylie Minogue 2 รอบ Mariah Carey 2 รอบ Whitney Houston, Lady Gaga, Katy Perry ก็ไปดูกับเพื่อนอีก 4 คน ไม่ได้ดูบัตรแพงสุด ซื้อบัตร 4,000 แต่ก็ได้โซนบัตร 4,000 คนแรก เป็นความกลัวอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ กลัวว่าจะไม่ได้ 4,000 (หัวเราะ) ร็อกๆ อย่าง Alanis Morissette ก็ดูนะ

 6058183535212

 

คอนเสิร์ตต่างประเทศก็น่าสนใจ

- ยังไม่เคยไปดูคอนเสิร์ตต่างประเทศ แต่ก็อยากลองเหมือนกัน อยากดูทั้งคอนเสิร์ตของศิลปินที่เราชอบ และเทศกาลดนตรีอย่าง Glastonbury ทั้งๆ ที่ไม่ได้อินกับดนตรีแนวนั้นมาก แต่มันเป็นเทศกาลดนตรีที่มีตำนาน แล้วคนที่ไปต้องรักในเสียงดนตรีจริงๆ เพราะงานนี้คนที่ไปไม่ได้ไปดูกันสบายๆ เลย การได้อยู่ท่ามกลางคนที่มี passion เดียวกัน รักในสิ่งเดียวกัน มันมีความสุข และเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ

 

คอนเสิร์ตที่อยากดู แต่ยังไม่มีโอกาสได้ดูสักที

- อยากดูคอนเสิร์ตของ Michael Jackson ซึ่งก็คงไม่มีโอกาสได้ดูแล้ว จำได้ว่าตอนนั้นเด็กมากๆ แต่ตอนที่ Michael มา เหมือนเป็นวาระแห่งชาติเลย (หัวเราะ) ใครๆ ก็พูดถึงเขา มีทหารมายืนเรียงรอต้อนรับ เขาดูยิ่งใหญ่มาก อีกคนที่อยากดูก็ Janet Jackson เขาเคยมาเมืองไทยแล้ว เล่นที่อินดอร์สเตเดี้ยม 2 รอบ แต่ไม่มีโอกาสได้ไปดู น่าจะประมาณปี 1994-1995

Celine Dion ก็เคยได้ยินว่าจะมาไทย แต่แคนเซิลเอเชียทัวร์ไปเพราะสามีเขาไม่สบาย เป็นอีกคนที่อยากดูเพราะเขาเป็นคนมีระเบียบวินัยในการซ้อม ดูแลเสียงตัวเองอยู่เสมอ

นอกจากนี้ก็ยังมี U2 กับ Barbra Streisand ที่เป็นศิลปินที่อยากดูคอนเสิร์ตในไทยอีกเหมือนกัน

 

ว่าด้วยเรื่องของ “บัตรผี”

- บางทีมันก็เป็นเหมือน demand & supply นะ บางคนยินดีที่จะจ่ายเพราะอยากดูมาก ไม่ว่าจะในราคาไหนก็ตาม แต่ถ้าจะโก่งราคากันมากเกินไปมันก็ไม่ดี เพราะเหมือนเอาความสุขของคนอื่นมาเป็นตัวประกัน ซึ่งมันไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าทำเพื่ออะไร

 

เสน่ห์ของคอนเสิร์ต ที่หาไม่ได้จากการนั่งฟังเพลงที่บ้าน

- มันคือการที่เราได้ไปยืนอยู่ท่ามกลางคนที่มี passion เดียวกัน ทั้งศิลปิน แฟนเพลง ทีมงาน ผู้จัดต่างๆ อยู่กับคนที่รัก ชอบ และเชื่อในสิ่งเดียวกันกับเรา มันมีพลังมากๆ คนทุกคนที่เข้าไปดู โดยเฉพาะคอนเสิร์ตที่มีคนอยากดูมากๆ คนทุกคนที่ได้เข้าไปในนั้นเขาสู้กว่าจะได้บัตรมา ทุกคนไม่ใช่คนธรรมดาๆ เคยเห็นแม้กระทั่งน้องผู้ชายอายุ 14-15 ปีมาดูคอนเสิร์ตคนเดียว แม้ว่าเราไม่ได้คุยกันแต่เราก็รู้สึกว่า เขากล้ามาก เขากล้าออกมาจาก comfort zone ของตัวเอง

เราดูคอนเสิร์ตครั้งแรกก็อายุ 16 ปี ตอนดู Alanis Morrissette ที่หัวหมาก ได้เดินทางไปที่ไกลๆ ครั้งแรก ไปเจอแต่คนที่อายุมากกว่า ยืนทนเหนื่อย อากาศร้อน แอร์ก็ไม่มีอยู่ในนั้น แต่ก็สนุกมาก เราเลยรู้สึกเหมือนเราโตแล้ว เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว เพราะฉะนั้นการดูคอนเสิร์ตมันเป็นประสบการณ์ดีๆ ที่หาไม่ได้ง่ายๆ มันให้ความสุขทางใจกับเรามากจริงๆ

 

 

เขาว่ากันว่าหากเราทำทุกอย่างด้วย passion หรือแรงปรารถนาที่เราอยากจะทำมันจริงๆ ไม่ว่าสิ่งๆ นั้นจะยากลำบากขนาดไหน เราก็จะทำออกมาได้ และทำออกมาได้ดีด้วย เราว่ามันเป็นเรื่องจริงที่สามารถใช้ได้กับทุกๆ เรื่อง แม้กระทั่งเรื่องของการซื้อบัตรคอนเสิร์ต ถ้าเราวางแผนดี เตรียมตัวดี และทุ่มสุดตัว เราก็คว้าชัยชนะมาได้อย่างแน่นอน เหมือนกับพี่ท้อฟฟี่ นักจองบัตรคอนเสิร์ตทีมชาติคนนี้นี่แหละ :)

 

____________________

Story : Jurairat N.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook