"เล็ก Greasy Café" ความเท่ที่ไม่ต้องพยายาม กับอัลบั้มใหม่ที่มาจากอดีต!
ในปัจจุบันนี้ การเข้ามาของโซเชี่ยลมีเดียทำให้ชีวิตประจำวันของคนนั้นเต็มไปด้วยความเร่งรีบ จนทำให้สินค้าหลายชิ้นต้องปรับตัวเพื่อให้เข้ากับชีวิตคนที่เปลี่ยนไป แต่ในวงการเพลงและศิลปะนั้นก็ยังมีศิลปินที่ยังเน้นทำผลงานที่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจและซึมซับอยู่อย่างเช่น เล็ก อภิชัย หรือ เล็ก Greasy Café ศิลปินขวัญใจเด็กแนวที่มาพร้อมมุมมองในการทำเพลงที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งในวันนี้ทาง Sanook! Music ก็มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณเล็กเรื่องอัลบั้มใหม่ Technicolor ที่เขาใช้เวลาสี่ปีในการรังสรรค์ผลงานออกมาด้วย
ช่วงก่อนหน้าที่จะออกอัลบั้ม Technicolor คุณเล็ก ได้ไปทำอะไรมาบ้าง
เล็ก Greasy Café : ช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ทัวร์ไปเรื่อยๆ และเราคิดไว้ว่าจะทำอัลบั้มใหม่ แต่รู้สึกว่าเพลงที่ทำในตอนนั้นมันยังไม่ใช่ ก็เลยทัวร์นั่นทัวร์นี่จนมันเริ่มมา และเริ่มเขียนมัน ก็ได้เขียนจริงจังช่วงปลายปีที่แล้วที่คอนเสิร์ตหยุดหมด ก็อยู่ที่บ้านและลุยอัลบั้มนี้
คุณรู้สึกประหม่าไหมกับการกลับมาครั้งนี้
เล็ก Greasy Café : ไม่เลยครับ เราก็ทำเต็มที่มันเหมือนเราทำอะไรที่ตอบโจทย์เราแล้ว เราทำสุดความสามารถแล้ว สิ่งที่ตามออกมาเราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว แต่ก็ดีใจที่ผลงานเสร็จครับ
อัลบั้มนี้ก็มีผลงานแรกอย่างเพลง ปะติดปะต่อ ออกมา เพลงนี้มีเนื้อหาอย่างไร
เล็ก Greasy Café : มันเป็นเรื่องของคนเราที่ผ่านอดีตอะไรมาบางอย่าง บางทีอาจจะดีและไม่ดี และบางคนอาจจะแบกอดีตบางตอนอยู่ ทำให้เราไปต่อไม่ได้ ทำให้ไปกับปัจจุบันเป็นการย้อนคิดถึงอดีต แบบสิ่งที่มันจากไปเราแค่ปล่อยมันไปเท่านั้น
ได้ยินว่าอัลบั้มชุด Technicolor คุณได้ทดลองใช้ซาวด์ใหม่ๆด้วย มีซาวด์ที่คุณนำมาทดลองใช้กับอัลบั้มนี้บ้าง
เล็ก Greasy Café : จริงๆมันเป็นทั้งอัลบั้มเลย ที่งานมันช้าเพราะเราทดลองนำซาวด์ที่เราไม่เคยใช้แล้วเราไม่คุ้นชิน ก็เลยมีการทดลองและค่อยๆทำงาน จนทำให้ทุกๆเพลงมีเอกลักษณ์ส่วนเพลง ปะติดปะต่อก็เป็นส่วนหนึ่งของการทดลองในอัลบั้ม
การทำงานในมิวสิควีดีโอเพลงนี้เป็นอย่างไรบ้าง
เล็ก Greasy Café : เอ็มวีเพลงนี้เราก็ได้ผู้กำกับชื่อ คำขวัญ เขาทำงานดีมาก มีคนแนะนำเราก็มาคุยกันและอธิบายคอนเซ็ปต์และกลับไปทำการบ้านและมาคุยกัน คือเราก็มีภาพในหัวไว้ประมาณนึง แต่คุณคำขวัญก็มีภาพอีกแบบนึงที่เขาตีโจทย์ไว้แล้วเขาก็ทำออกมาจนเกิดเป็นภาพ เราก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเพราะเชื่อว่าเขาสามารถทำได้ดีแล้วเล่าเรื่องที่เราอยากสื่อ
เรื่องราวในเอ็มวีเพลงนี้สื่อถึงอะไร
เล็ก Greasy Café : เป็นเรื่องของการฝังอดีตครับที่ไม่ดีของตัวเองเอาไว้ และพยายามจะลืมให้ได้ครับ
กระแสตอบรับของตัวเพลงเป็นอย่างไร
เล็ก Greasy Café : มันจะค่อนข้างช้าครับ เหมือนทุกอัลบั้ม มันไม่ใช่เพลงที่ฟังง่ายย่อยง่าย และต้องใช้เวลาปรับความเข้าใจ
คุณมีอะไรอยากฝากให้กับคนที่มีเรื่องราวเหมือนในเพลงบ้างไหม
เล็ก Greasy Café : เราว่าถ้าอดีตไม่ว่ามันจะดีหรือร้าย ถ้ามันไม่รบกวนปัจจุบันก็เก็บไว้ แต่ถ้ามันมาทำให้ปัจจุบันยุ่งเหยิงก็อย่าให้มันมาดีกว่า อยู่กับปัจจุบัน ทำให้ดีสุด การจบกับอดีตบางทีมันก็ทำให้เราไปต่อไม่ได้
ทำไมคุณถึงตัดสินใจตั้งชื่ออัลบั้มชุดใหม่ว่า Technicolor
เล็ก Greasy Café : ในเชิงภาพยนตร์มันช่วงที่เปลี่ยนจากขาวดำเป็นสีของหนัง อัลบั้มนี้ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงซาวด์ที่เราไม่ได้คุ้นชิน Technicolor มันเป็นการผสมสีเขียวและแดงจนเกิดเป็นภาพ อย่างเช่นเวลาเปิดจอมาแล้วเป็นสีแดง ในตอนนั้นสีแบบนั้นมันยังไม่สมบูรณ์แบบซะทีเดียวแต่มันมีเสน่ห์ของมัน เราว่าดนตรีของเราถ้ามันมาผสมกับซาวด์ใหม่ๆก็จะเกิดอะไรบางอย่างขึ้นเลยใช้ชื่อว่า Technicolor ครับ ก็วางแผงในวันที่ 1 กรกฎาคม ครับ
อะไรคือความแตกต่างที่ชัดเจนของอัลบั้มชุดนี้ และผลงานที่ผ่านมา
เล็ก Greasy Café : ก็จะเป็นในส่วนของซาวด์ดนตรี และอัลบั้มก่อนหน้านี้เราจะพาผู้ฟังออกเดินทาง แต่อัลบั้มนี้จะเป็นการ "หยุดอยู่กับที่" เป็นการนำคนเข้าไปอยู่หัวเรา สิ่งที่เขาเจออาจจะไม่ได้เรียง 1-10 บางคนอาจจะเจอ 4 หรือ 7 ก่อน เป็นการปะติดปะต่อของแต่ละคนครับ
แฟนเพลงที่ฟังผลงานอัลบั้มชุดนี้ จะได้อะไรกลับไปบ้าง
เล็ก Greasy Café : ได้เพลงกลับไปครับ (หัวเราะ) จริงๆไม่ได้คาดหวังอะไร เราดีใจมากที่อัลบั้มนี้มันเสร็จ คนที่ได้กลับไปมันขึ้นว่าเขาเจออะไรมากกว่า ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะเจออะไร
ในอัลบั้มชุดนี้มีเพลงไหนที่อยากให้แฟนเพลงลองฟังบ้างไหม
เล็ก Greasy Café : มันมีหลายเพลงเลยครับ แต่หนึ่งเพลงที่อยากให้ฟังคือเพลง ระเบิดเวลา ที่วันหนึ่งไปหาแม่แล้วเขาแก่มากแล้ว เรามีพี่สาวที่เสียชีวิตไปนานแล้ว และแม่พูดถึงพี่สาวว่าเขาคิดถึงและอยากเจอ ก็คิดว่าถ้าเราดีดนิ้วและพี่เรากลับมาได้ แม่เราอยากพูดอะไรบ้าง ก่อนที่จะไม่ได้พูดแล้ว ก็เป็นเพลง ระเบิดเวลา ที่ประโยคพูดถึงหลายสิ่งที่ไม่ได้
นอกจากงานเพลงแล้ว คุณเล็กก็มีผลงานการเป็นช่างภาพด้วย การทำงานด้านภาพและเสียงมีความเหมือนหรือต่างอย่างไร
เล็ก Greasy Café : ถ้าเปรียบเทียบมันเป็นการเล่าเรื่องเหมือนกัน แค่ต่างตรงที่จากภาพเป็นเสียงเท่านั้นเอง นั่นคือสิ่งที่เหมือนและแตกต่างครับ
วงการศิลปะและเพลงไทยในปัจจุบันนี้จะมีการละเมิดลิขสิทธิ์เยอะมาก มันเคยทำให้คุณท้อในการทำงานบ้างไหม
เล็ก Greasy Café : ไม่นะครับ อย่างถ้าอัลบั้มมาแล้วคุณดาวน์โหลดไปฟังฟรีได้เลย แต่ถ้าชอบเมื่อไหร่ ไม่ใช่เฉพาะเรา รวมถึงวงอื่นๆด้วย คือถ้าชอบผลงานก็ให้ซื้อเถอะครับ เรามองว่าการดาวน์โหลดไปฟังไม่ผิด คือไปฟังๆกันเถอะ แต่ถ้าชอบวงนั้นแล้วก็ให้ซื้ออัลบั้มเขาเถอะ เพราะอัลบั้มหนึ่งกว่าจะเกิดมามันใช้เวลานานมากและมันก็ไม่ได้แพงอะไร คือไม่ใช่แค่เราแต่อยากให้พูดถึงวงอื่นด้วย อย่างอัลบั้มชุดนี้เรายังเชื่อในอัลบั้มที่จับต้องได้ ถ้าใครดูอัลบั้มชุดนี้จะเห็นอะไรซ่อนอยู่อีกเยอะครับ
ในยุคนี้คนจะใช้ชีวิตเร่งรีบมากขึ้น และมักจะเสพสื่อที่มีความรวดเร็ว ซึ่งมันค่อนข้างต่างจากงานของคุณที่ต้องใช้เวลาในการซึมซับ การเสพสื่อของยุคนี้มีผลกับการทำงานคุณบ้างไหม
เล็ก Greasy Café : ไม่ครับ เราไม่ได้มองและคิดเรื่องนี้ ยิ่งคนที่เราทำงานของตัวเองและเป็นตัวเองสูงจะทำให้คนฟังมีตัวเลือกมากขึ้น ถึงเพลงมันจะโตเร็วหรือช้าถ้าเรามีความสุขกับมันก็ทำไปเถอะ อย่าไปคิดว่าอัลบั้มนี้ต้องดังในสามวัน ความสำเร็จของคนมันมีหลากหลายรูปแบบ อย่าไปกลัวความล้มเหลว สมมุติถ้าอัลบั้ม Technicolor มันล้มเหลวผมก็ยังดีใจที่ได้ทำมัน
ตอนนี้คุณเล็กก็เป็นไอดอลของเด็กแนวหลายๆคนในการใช้ชีวิต คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งที่คนรุ่นใหม่ชอบในตัวคุณ
เล็ก Greasy Café : ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันจริงๆ แต่อย่างที่บอกว่าใครทำอะไรก็ให้ชัดเจนในสิ่งที่ทำ ก็เหมือนกับว่าทำไมเราต้องทานร้านข้าวมันไก่เดิมๆ ทั้งที่มีร้านใหม่ มันมีอะไรที่ดึงเรากลับไปกินร้านนั้น มันเป็นเรื่องของความชัดเจนครับที่ทำให้ร้านร้านนั้นไม่เหมือนใคร แต่บางทีสิ่งที่ทำให้ร้านนั้นชัดเจนมันก็เป็นสิ่งที่เจ้าของร้านเองอาจไม่รู้ มันอาจจะเป็นสิ่งที่เราเจอมาที่ทำให้เราถูกใจกับสิ่งๆนั้น อันนี้คือความคิดผมนะครับ
ใครที่ติดตามเพจของคุณเล็กจะเห็นภาพถ่ายสวยๆ และคำกลอนออกมา อะไรคือความรู้สึกที่ทำให้คุณเลือกโพสต์ภาพหรือสเตตัสเหล่านั้น
เล็ก Greasy Café : มันเป็นเรื่องและความรู้สึกที่เราอยากบอกครับ คือเราไม่ได้เป็นกวี แต่เราอยากบอกบางอย่างด้วยคำที่สั้นที่สุดแต่ให้กินใจที่สุด เหมือนเราเขียนว่า สิ่งที่มันได้จากไป ถ้าเพียงแค่ปล่อยมันไปแค่นั้น มันไม่ได้เป็นกวีเลย แต่มันขึ้นกับคนที่รับสาร บางคนอาจจะมองว่า “พูดบ้าอะไร” บางคนอาจจะเก็บไปคิดว่าเราควรปล่อยวาง คือถ้าสารที่เราส่งไปมันทำให้บางคนรู้สึกสะกิดใจได้เราก็ดีใจนะ แต่ไม่ได้รู้สึกอยากให้คนมาฟัง แต่เป็นช่วงเวลาที่เราอยากบอกอะไรบางอย่าง รุปบางรูปที่ถ่ายบางทีเราก็อยากให้คนเห็นว่ามีอะไรซ่อนอยู่ อย่างซอกตึกหรือรูปมันมีอะไรซ่อนอยู่ เราอาจจะไม่ต้องการแคปชั่น เราแค่อยากให้คนเข้าใจ แต่ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรครับ
ปัจจุบันนี้คุณเล็กก็เป็นรุ่นพี่และไอดอลของศิลปินรุ่นใหม่หลายๆคน รู้สึกอย่างไรกับศิลปินที่เข้าวงการมาในปัจจุบันนี้
เล็ก Greasy Café : ก็เก่งๆกันเยอะนะครับ มีความเป็นตัวเองสูง ก็อยากฝากให้เขาอย่าไปกลัวว่าจะเท่ไหม อยากให้ลืมไปให้หมดเลย ทำงานให้มันเสร็จก่อน อย่าไปกลัวว่าทำแนวป๊อปแนวนั้นแนวนี้มันจะดีไหม เอาเรื่องพวกนั้นออกไปเลย อยากให้ทำงานให้เสร็จ ให้ชอบมันจริงๆ ก็ค่อยมาดูสิ่งที่ตามมาดีกว่า
สุดท้ายนี้มีอะไรคุณอยากฝากกับแฟนเพลงบ้างไหม
เล็ก Greasy Café : ก็อยากฝากล่วงหน้าก็อยากให้ทุกคนมีจิตใจที่เข้มแข็งไม่ว่าจะเจออะไร อยากให้ค่อยเป็นค่อยไป ปัญหาบางอย่างไม่ต้องรีบแก้ ให้แก้ปัญหาที่จำเป็นก่อน อยากให้มีสติ เรื่องนี้อยากฝากเพราะไม่ว่าจะมีอายุเท่าไหร่บางทีปัญหาก็เข้ามา 3-4 อย่างในเวลาเดียวกัน มันยากมากที่จะแก้ปัญหาพร้อมๆกัน ก็อยากให้ทุกคนค่อยๆคิด และเขียนดูว่าอะไรควรแก้ก่อนหรือหลังดีกว่าครับ
คลิกฟังเพลงจากอัลบั้ม Technicolor ได้ที่นี่
เรียกได้ว่าถึงแม้จะเป็นไอดอลด้านความเท่ของหลายๆคน แต่จุดเริ่มต้นของคุณเล็กนั้นมาจากความเป็นตัวเองที่ชัดเจน ซึ่งใครที่อยากรู้จักตัวตนเขาผ่านบทเพลงสามารถฟังผลงานของเขาได้ที่ Sanook! Music และ JOOX และติดตามเขาได้ที่เพจ Facebook Greasy Café ได้เช่นกันครับ
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ