Mandy Moore คอนเฟิร์ม! เตรียมออกอัลบั้มใหม่ปี 2018 แน่นอน
หลังจากวนเวียนอยู่ในวงการแสดงมานาน ทั้งซีรี่ส์ This Is Us และในภาพยนตร์ฟอร์มยัก 47 Meters Down สาวเสียงใสตลอดกาล Mandy Moore ให้สัมภาษณ์อันน่าตื่นเต้น (ต่อแฟนเพลงยุค 90s อย่างเรา) ในนิตยสาร People ไว้ว่า “ฉันอยากกลับมาทำงานเพลงนะ ตอนนี้ฉันยังไม่ได้อยู่ใต้สังกัดค่ายเพลงไหนหรอก แต่ฉันก็มีเพลงที่เขียนเอาไว้แล้วมากมาย และในปีหน้า (2018) ฉันก็ตัดสินใจแล้วว่าจะปล่อยเพลงใหม่ๆ ให้ทุกคนได้ฟังกัน”
Mandy Moore ในซีรี่ส์ This Is Us
Mandy Moore ใน 47 Meters Down
นับเป็นข่าวดีที่แฟนเพลงยุค 90s-2000s หลายคนจะได้กลับมาฟังเสียงใสๆ ของเธออีกครั้ง หลังจากที่สาว Mandy Moore ดังเป็นพลุแตกตั้งแต่ช่วงเดบิวต์อัลบั้มแรก So Real ในปี 1999 คว้ายอดขายระดับแพลตตินั่มด้วย 950,000 แผ่น มีเพลงน่ารักๆ อย่าง “So Real” และ “Candy” (แต่เพลงโปรดของเราคือ “Walk Me Home”) สานต่อความสำเร็จด้วยอัลบั้ม I Wanna Be With You ในปี 2000 ที่มีเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้มเป็นที่รู้จักในไทยมากที่สุดเพลงหนึ่งของเธอ
ใสๆ วัยรุ่นชอบ
อีกอัลบั้มที่แฟนเพลงชาวไทยน่าจะเคยได้ยินกันคืออัลบั้ม Mandy Moore ในปี 2001 กับเพลงเปิดตัวสุดแดนซ์ “In My Pocket” แต่แน่นอนว่าเพลงที่คุ้นหูบ้านเราก็ต้องเป็นเพลงช้าๆ เพราะๆ อย่าง “Cry” และ “Crush”
นอกจากเพลงเพราะๆ ในอัลบั้มที่พวกเราคุ้นหูกันดีแล้ว ยังมีหนังวัยรุ่นดราม่าโรแมนติกอย่างเรื่อง A Walk To Remember ของนักเขียนชื่อดัง Nicholas Sparks ที่สาว Mandy Moore ทั้งนำแสดง และร้องเพลงประกอบด้วย แค่ได้ยินชื่อเพลงแฟนเพลงสายป็อปก็น่าจะร้องอ๋อ นั่นคือเพลง “Only Hope” “It’s Gonna Be Love” เพลง “Cry” เพลงของเธอเองในอัลบั้ม Mandy Moore และ “Someday We’ll Know” เพลงคู่ชายหญิงกับ Jonathan Foreman ผลงานคัฟเวอร์จากวง New Radicals
A Walk To Remember ใครดูก็ต้องร้องไห้
ในปี 2003 เธอกลับมากับอัลบั้มรวมเพลงคัฟเวอร์ยุค 70s-80s ชื่อว่า Coverage กระแสของ Mandy Moore ในบ้านเราก็เริ่มจะซาๆ ลง แต่ยังมีเพลงเพราะๆ อย่าง “Have A Little Faith In Me” เปิดตามหน้าปัดวิทยุบ้าง จากนั้นเธอก็หายไป 4 ปี แล้วกลับมากับ Wild Hope ปี 2007 ที่คราวนี้เธอลงมือแต่งเพลงเองทุกเพลงในอัลบั้ม หลังจากที่แซมๆ ช่วยแต่งไปบ้างเพลงสองเพลงเมื่ออัลบั้มก่อนๆ เปลี่ยนซาวนด์จากวัยรุ่น puppy love เป็นเพลงป็อบที่โตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ซาวนด์หม่นๆ ถูกมาแทนที่ดนตรีหวานใส โดย Billboard ลงความเห็นว่าฟังแล้วนึกถึง Sarah McLachlan (เจ้าของเพลง “Angel”) อัลบั้มนี้จึงนับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงทางแนวดนตรีก้าวสำคัญของเธอเช่นกัน
อัลบั้มสุดท้ายก่อนจะหายไปจากวงการเพลง แล้วเข้าสู่วงการแสดงเต็มตัวอีกครั้ง คือ Amanda Leigh ในปี 2009 โดยเธอเลือกที่จะใช้ชื่อจริง และชื่อกลางของเธอเป็นชื่ออัลบั้ม กลับมาที่แนวดนตรีป็อปโฟล์คสมัยใหม่ ที่มีกลิ่นอายคันทรี่ย์เล็กๆ มีซิงเกิลเพราะๆ ชื่อยาวๆ อย่าง "I Could Break Your Heart Any Day of the Week" โปรโมตอัลบั้มนี้อยู่ปีสองปี เธอก็หายไปจากวงการเพลง
หวังว่ากลับมาคราวนี้ เราจะได้ฟังเสียงใสๆ เพลงเพราะๆ จากสาวคนนี้อีกนะ เพราะเราเชื่อว่าน่าจะมีแฟนเพลงชาวไทยหลายคนน่าจะยังอยากฟังเพลงของเธออยู่ และเรามั่นใจในฝีมือของ Mandy Moore ว่าจะต้องเป็นเพลงป็อบชั้นดีแน่นอน