(รีวิว) Day&Night สตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 3 กับ 10 ปีบนเส้นทางสายดนตรีของ The Musketeers
The Musketeers กลับมาอีกครั้งพร้อมกับสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 3 ที่มีชื่อว่า “Day & Night” หลังจากห่างหายไปเป็นเวลากว่า 5 ปี หลังจากอัลบั้มที่แล้ว “Uprising (2555) “ ซึ่งในปีนี้ถือได้ว่าเป็นปีที่ The Musketeers ยืนหยัดอยู่บนเส้นทางดนตรีครบทศวรรษแล้ว 3 อัลบั้มในหนึ่งทศวรรษถือได้ว่าเป็นบทพิสูจน์ความเป็นผู้สร้างสรรค์งานดนตรีคุณภาพ ซึ่งทางวงก็เพิ่งมีคอนเสิร์ตครบรอบ 10 ปี “10 Years Musketeers Concert” ไปเมื่อวันเสาร์ที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา
“Day & Night” ประกอบไปด้วยเพลงทั้งหมด 7 เพลง รวมความยาวทั้งหมด 28 นาที ซึ่งกว่าครึ่งของอัลบั้มนั้นก็ค่อยๆถูกทยอยปล่อยออกมาเป็นซิงเกิลก่อนหน้านี้แล้ว
โดยภาพรวมงานเพลงในอัลบั้มนี้ยังคงมีความเป็นร็อคที่มีเมโลดี้ที่สวยงาม ไลน์ดนตรีเรียบง่ายและไพเราะ ตัวเพลงฟังง่าย ติดหู ซึ่งก็คือเอกลักษณ์ของ The Musketeers แต่ดูเหมือนว่างานเพลงในอัลบั้มนี้จะไม่มีเพลงไหนเลยที่รู้สึกว่าโดดเด่นและเป็นที่จดจำจนเป็นเพลงเอกของวงได้อย่างที่เคยมีมาในอัลบั้มก่อนๆอาทิเช่น ไกล , ของขวัญ จาก Left Right and Something (2552) แค่คุณ (เพลงนี้กลายเป็นหนึ่งในเพลงประจำงานแต่งงานไปแล้ว), อยากให้เธอลอง จาก Uprising (2555) แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่างานเพลงในอัลบั้มนี้ไม่ได้มีความน่าสนใจแต่อย่างใด
มาฟังทางวงพูดถึง Concept ของงานเพลงในอัลบั้มนี้กันก่อนครับ
มาดูบทเพลงทั้ง 7 ในอัลบั้มนี้กันครับ
Day & Night
เปิดมาด้วยเพลงแรกที่มีชื่อเดียวกันกับอัลบั้ม เป็นเพลงจังหวะกลางๆ ท่วงทำนองสว่างใส ปลุกใจให้มีพลัง มีความหวัง เหมาะแก่การเป็นเพลงเปิดอัลบั้ม
“ ทุกที่ยังมีเรื่องราวให้ต้องช้ำใจ
ทุกเช้ายังคงจะมีแสงของวันใหม่
เปิดใจเธอไว้ก่อน อดทนรอไว้ก่อน
เพื่อรอวันที่สวยงาม”
Time Machine
“ทะยานไปกับฉัน สนุกไปกับทุกๆที่ทุกเรื่องที่เราไป
ความไร้เดียงสาจะนำพาเราทิ้งความเป็นผู้ใหญ่“
เพลงนี้ปล่อยออกมาตั้งแต่สิงหาคม 2015 แล้ว เป็นซิงเกิลแรกของอัลบั้มนี้ ” พูดถึงการย้อนเวลากลับไปสู่ช่วงเวลาที่เราได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ได้เล่นสนุก ได้ทำตามใจโดยที่ไม่ต้องมีความรับผิดชอบใดๆ เพลงนี้เป็นครั้งแรกที่ The Musketeers ได้โปรดิวซ์เพลงกันเองในทุกขั้นตอนโดยมี ว่าน วงดีเทล เข้ามาช่วยเป็นโคโปรดิวเซอร์ให้ จังหวะของเพลงเป็นจังหวะ shuffle สนุกสนาน สามารถโยกไปกับจังหวะดนตรีและซาวด์ที่ครีเอทขึ้นมาได้อย่างลงตัว และ Time Machine ก็เป็นเพลงแรกที่ทางวงใช้จังหวะ Shuffle
นาฬิกา
“ยังคงคิดถึงเรื่องราวดีๆที่มี ความทรงจำ ภาพเธอคนดีคนเดิม
เธอยังคิดถึงฉันรึเปล่า ในคืนที่เหน็บหนาวไม่มีแม้แสงดาว
เธอยังคิดถึงฉันบ้างไหมในวันที่เราไม่อยู่ด้วยกัน
อยากจะรู้เหมือนกัน ผ่านคืนและวัน เธอเองนั้นยังคิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า”
“นาฬิกา” เพลงช้าซึ้งที่สุดของอัลบั้มนี้ เพลงนี้แต่งออกมาจากความรู้สึกของเท็น นักร้องนำ พูดถึงบางช่วงเวลาที่เรานึกถึงคนรักเก่า แต่ไม่สามารถบอกใครได้ ทำได้เพียงเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดีๆ ช่วงเวลาพาคนบางคนเข้ามาในชีวิต หลายคนเข้ามาและจากไป แต่จะมีเพียงไม่กี่คนที่เรารู้สึกพิเศษด้วย ถึงแม้จะมีเหตุให้ต้องจากกันแต่เราจะยังคิดถึงคนคนนั้นอยู่เสมอ เพลงนี้เนื้อหาเศร้าแต่แฝงด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่อบอุ่น
ฉันคนเดียวที่รู้
“ แค่อยากให้เธอรู้ไว้ วันนี้เธอไม่มีใคร
เธอลุกขึ้นยืนไม่ไหว ให้ฉันนั้นคอยเฝ้าดู
ไม่แคร์ว่าใครจะมอง ฉันรู้ว่าเธอคือใคร
ความรักของเธอยิ่งใหญ่ และฉันคนเดียวที่รู้”
ซิงเกิลที่ 2 ของอัลบั้มนี้ ปล่อยออกมาเมื่อเดือนตุลาคม 2015 เนื้อหาเป็นการพูดปลอบใจคนๆหนึ่งที่ตั้งใจทุกอย่างให้มันออกมาดีแต่ก็ยังไร้ความหมาย ไม่มีใครเห็นค่า ซึ่งสิ่งที่ทำมาทั้งหมดคนที่เราตั้งใจอยากให้เห็น ให้รับรู้ความตั้งใจเขาจะมองไม่เห็น แต่สุดท้ายแล้วยังมีคน มองเห็นความดีความตั้งใจของเราอยู่
บทเพลงนี้มาพร้อมจังหวะกลางๆที่เข้ากับบรรยากาศและเรื่องราวของเพลงท่ามกลางท่วงทำนองที่สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและความห่วงใยที่เรามีให้กับใครสักคนที่เราใส่ใจ “เมื่อใดที่เธอรู้สึกโดดเดี่ยว อยู่เพียงลำพัง มองไปไม่เห็นใคร ขอให้จำเอาไว้ว่าเธอยังมีฉันที่คอยเฝ้าดูเธออยู่เสมอ ฉันคนนี้ที่เห็นคุณค่าในความรักเธอ และมีฉัน ‘เพียงคนเดียว’ เท่านั้นที่รู้”
ปล่อยไว้อย่างนั้น
“ปล่อยมือจากฉัน หยุดความผูกพัน ก่อนคืนและวันที่แสนดีสายเกินไป
ให้สิ่งที่เห็นเพียง สิ่งที่แสงเงา ส่องกระทบสะท้อนในดวงตา
ปล่อยไว้อย่างนั้น เก็บความผูกพัน ว่ามีหนึ่งวันที่รักกันมากที่สุด
ให้เรื่องราวของเราเกิดแค่ในหัวใจ”
ซิงเกิลล่าสุดของอัลบั้มนี้ ถ่ายทอดเรื่องราวของความรักที่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเธอนั้นมีใครอีกคน ซึ่งเราอาจเป็นคนที่มาทีหลัง มาเมื่อในเวลาที่มันสายไป การจากไปอาจดีเสียกว่า เพราะหากเดินหน้าต่อไป อย่างไรคงต้องมีคนที่เสียใจอย่างแน่นอน หากจากกันไปแบบนี้ความรักที่มีจะยังคงงดงามอยู่เสมอ และเป็นความรักที่ไม่ทำร้ายใคร เก็บเรื่องราวดีๆเอาไว้เพียงในหัวใจของเราดีกว่า
What’s Happened
“มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ มีอะไรทำไมน่ากลัว
อะไรที่เกิดขึ้นในหัว ทิ้งมันไปกับความกลัว”
เพลงชื่อภาษาอังกฤษหนึ่งเดียวของอัลบั้ม เป็นเพลงที่ร็อคหนักหน่วงที่สุดของอัลบั้มนี้แล้ว เนื้อหาของเพลงพูดถึงการเปลี่ยนผ่านของช่วงเวลา ถ่ายทอดอารมณ์ของการตกอยู่ท่ามกลางบรรยากาศรอบตัวที่ไม่น่าไว้วางใจ รวมไปถึงความหวาดกลัวที่ก่อเกิดขึ้นข้างในจิตใจ ไม่ว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าเราจะกลัวเพียงใด เราก็คงต้องทิ้งมันไว้ และก้าวออกไป
ยอม
“ ถ้าหากเป็นเธอฉันจะยอม
ช้ำก็จะยอม ทุกข์ก็จะยอม
ฉันจะไม่กลัวถ้าหากต้องเสียใจ”
จริงๆแล้วเพลงนี้เป็นเพลงที่ผมชอบมากที่สุดของอัลบั้ม เพราะว่ามันมีความแตกต่างจากเพลงอื่นๆในอัลบั้มและแตกต่างจากงานเพลงของ The Musketeers ที่เคยทำมา เพลงนี้มีกลิ่นอายของความโรแมนติคและเซ็กซี่ ช่วงท้ายของเพลงมีการเติมเสียงเครื่องเป่าช่วยเพิ่มบรรยากาศอีกด้วย บทเพลงถ่ายทอดความรู้สึกของความหลงใหลที่เรามีต่อใครคนหนึ่ง ที่ไม่ว่าจะต้องเสียอะไรไป ทุกข์เพียงใด เหนื่อยหนักแค่ไหน เราก็พร้อมที่จะ “ยอม”
ถึงแม้ว่า Day & Night อาจจะไม่ใช่ผลงานมาสเตอร์พีซของ The Musketeers และอาจจะรู้สึกไม่สมกับความคาดหวังใน 5 ปีที่รอคอยอัลบั้มนี้ แต่อย่างไรก็ตาม Day & Night ก็เป็นอีกหนึ่งย่างก้าวของวง เป็นผลงานที่ไม่ควรมองข้าม และไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนของ The Musketeers หรือไม่ก็ตาม
คลิกเพื่อฟัง The Musketeers อัลบั้ม Day & Night