"ตู่ นันทิดา" ทุกสิ่งที่ผ่านมาได้...เพราะเรียนรู้และยอมรับ
หากจะพูดถึงนักร้องดีว่าส์หญิงของเมืองไทย หลายๆ คนคงคุ้นเคยและรู้จักชื่อนี้เป็นอย่างดี "ตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย" กว่า 40 ปีแล้วที่เธอนั้นได้สร้างความสุขด้วยเสียงเพลง ทั้งยังเป็นเสมือนนักร้องต้นแบบให้แก่ศิลปินรุ่นหลัง เธอประสบความสำเร็จทั้งในเรื่องงานและการใช้ชีวิต แต่ทว่ากลับไม่ประสบความสำเร็จในด้านชีวิตรักเท่าใดนัก
และก็มักจะถูกผู้คนให้ความสนใจในเรื่องนี้อย่างมากมาย อีกทั้งยังมีบางบทเพลงถูกถ่ายทอดสะท้อนมาจากตัวตนและชีวิตจริง เธอจึงเป็นเหมือนตัวแทนของผู้หญิงเก่งและแกร่งเพราะไม่ว่าจะเจอเหตุการณ์ร้ายแรงเพียงใด เธอก็จะมีมุมมองที่เป็นบวกอยู่เสมอ สามารถเรียนรู้ ก้าวผ่านและใช้ชีวิตได้อย่างปล่อยวาง
ซึ่ง “ ตู่ นันทิดา” ได้บอกกับทีมงาน Sanook! Music ว่าทุกสิ่งที่ผ่านมาได้เพราะ “การเรียนรู้และยอมรับ ให้ชีวิตได้วางลงได้ ด้วยความเชื่อและความศรัทธา” พร้อมทั้งอัพเดทถึงมุมมองความรักที่เปลี่ยนไปได้อย่างอบอุ่นและเป็นกันเองมาก
สิ่งที่ทำให้ ตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย ดีใจและเสียใจที่สุดในช่วงชีวิตที่ผ่านมาคืออะไรคะ
ตู่ นันทิดา: ดีใจที่สุดคือวันที่น้องเพลงเกิด ไม่อยากหลับ ไม่อยากนอน อยากจะตื่นดูหน้าลูกอยู่อย่างนั้นทั้งวันทั้งคืน ท้องฟ้าเดียวกัน บ้านหลังเดียวกัน แต่มีความสุขจริงๆ ความรู้สึกของคนเป็นแม่มันเป็นแบบนี้นี่เอง ทุกวันนี้เรายังรู้สึกแบบนั้นไม่เปลี่ยน จำได้เสมอ สิ่งเสียใจที่สุดมีอยู่ 2 เหตุการณ์ คือหลานสาวอายุ 13 ปีลูกของพี่ชายเสียกะทันหัน คือ เจอกันวันนี้แล้วอีก 2 วันต่อมาหลานเสียชีวิต หลานบินไปเที่ยวสิงคโปร์กับคุณพ่อคุณแม่แล้วเสียชีวิตที่นั่น เส้นเลือดแตกในสมองเสียชีวิตทันที เป็นครั้งแรกที่สูญเสียคนในครอบครัวที่อายุยังน้อย เสียใจจนถึงทุกวันนี้ และอีกเหตุการณ์นึง
คือวันที่คุณพ่อป่วยเป็นมะเร็ง แล้วคุณหมอบอกว่า คุณพ่อจะอยู่ได้แค่ 4 เดือน ไปร้องเพลงขึ้นเวทีก็จะร้องไห้ อารมณ์มันอยากแต่จะร้องไห้ ตู่สนิทกับคุณพ่อมาก เวลาที่เราป่วยคุณพ่อก็จะอยู่ใกล้ๆ ช่วยไม่ให้เรากลัว ช่วงที่คุณพ่อป่วย เราสองคนพ่อลูกต่อสู้กับโรคมะเร็งด้วยกัน ท้ายที่สุดคุณพ่ออยู่ได้อีก 2 ปี จนกระทั่งคุณพ่อเสียชีวิต ทั้งสองเหตุการณ์นี้ คือการสูญเสียคนที่รักที่สุด ไม่มีวันลืม แต่เลือกจดจำสิ่งที่ดีๆ ไว้ แต่วันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างได้สอนเราให้เราเตรียมตัว เตรียมใจ กับสิ่งที่ไม่แน่นอน และพร้อมจะทำใจ
หากพูดชื่อ ตู่ นันทิดา เราจะนึกถึงมาตรฐานที่สูง ทั้งเรื่องผลงานเพลงและชีวิตของคุณ
ตู่ นันทิดา: ในชีวิตถ้าจะพูดจริงๆ แล้ว เราเริ่มต้นชีวิตทุกๆ วัน จะคิดอะไร จะทำอะไร จะพูดอะไร ก็เริ่มจากความรัก เพราะความรักเท่านั้นที่ทำให้เราก้าวผ่านมาตลอดช่วงเวลา 40 ปี ที่ทำงานในสายดนตรี ชีวิตที่ผ่านมาที่เริ่มด้วยความรักในตัวเองและความรักในคนรอบข้างที่มีให้กันและกัน เชื่อในความดีของความรัก ทุกอย่างลงมือทำด้วยความรัก
อะไรคือมาตรฐานของการเป็นศิลปินของ ตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย
ตู่ นันทิดา: ความซื่อสัตย์กับตัวเองและกับคนร่วมงาน การรู้จักทำหน้าที่ของตนเอง หน้าที่ศิลปิน ดูแลรักษาทั้งภาพลักษณ์และภาพพจน์ การดูแลตัวเองในเรื่องงาน การฝึกซ้อม การใส่ใจ รวมถึงความพากเพียร ความอดทน
คุณรู้สึกอย่างไรกับคำว่า "ดาวค้างฟ้าในวงการเพลงเมืองไทย" ที่ทุกคนมอบให้
ตู่ นันทิดา: ความหมายคำๆนี้มากมาย สร้างความภาคภูมิใจ เพราะคำๆ นี้ที่จะเติมพลังให้เราเดินต่อไป ทำงานต่อไป ตั้งใจทำให้ถึงที่สุด เป็นคำที่จะจุดประกายให้กับตัวเองหมายถึงความสว่าง ไม่มีที่สิ้นสุด ขอบคุณและขอบคุณที่สุด
หลายๆ คนคงอยากทราบว่า ตู่ นันทิดา เล่นโซเชียลมีเดียบ้างไหม
ตู่ นันทิดา: เอาจริง อย่างตู่นี่ไม่มี IG ไม่มี Facebook ที่ตัวเองทำขึ้นมา มี Facebook ที่เป็นของลูกๆ แฟนคลับทำให้เมื่อหลายปีผ่านมา จนน้องเพลงบอก mommy ต้องเล่นบ้างนะ ไม่งั้นตามไม่ทันแล้ว
คุณร้องเพลงมาเยอะ หลายบทเพลงที่สะท้อนชีวิตของคุณ มีเพลงไหนบ้างที่คุณรู้สึกว่าตรงกับความเป็น ตู่ นันทิดา มากที่สุด
ตู่ นันทิดา: “อัลบั้ม นันทิดา THE THEATRE” ด้วยแนวดนตรีที่เอาความเป็นสากลเข้ามามากกว่าในหลายๆ อัลบั้มของนันทิดา เป็นอัลบั้มที่ทำให้คนรุ่นใหม่หยิบอัลบั้มนี้มาฟัง แล้วทำให้ย้อนกลับไปฟังเพลงของนันทิดาในยุคต้นๆ ซึ่งอัลบั้มนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงแนวเพลงของนันทิดาในยุคนั้นๆ ให้มีความเป็นสากลมากขึ้น อย่างเห็นได้ชัดเจนในทุกเพลง จริงๆ แล้ว ความเป็นนันทิดาจะอยู่ในความชอบที่เป็นตัวเอง คือแนวเพลงโซล
การเป็นศิลปินในระดับแนวหน้าของเมืองไทย เวลาจะทำอะไรไม่ว่าเรื่องส่วนตัวหรือการทำงาน แต่ละครั้งคุณรู้สึกกดดันไหมเวลาที่มีคนเฝ้ารอหรือสนใจ
ตู่ นันทิดา: ถ้าเป็นเรื่องการทำงานมันกดดันอยู่แล้ว การความตั้งใจเกินมากเป็นการกดดันตัวเองมากเกินไป และมักจะเป็นทุกครั้งเสมอ จนความกดดันมันเกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว โชคดีนะที่ทำงานในสายงานดนตรี music therapy ก็มาคลายความกดดันในตัวของมันเอง ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวการทำสิ่งที่เหมาะสมและถูกต้องตามกาลเทศะเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงเสมอ แต่จะไม่กดดันตัวเอง จนขาดความเป็นตัวของตัวเองจนเกินไป
ถ้าคุณเจอกับความกดดัน หรือปัญหาต่างๆ คุณจัดการกับความรู้สึกหรือปัญหาเหล่านั้นอย่างไร จนกลายเป็นผู้หญิงแกร่งอย่างทุกวันนี้
ตู่ นันทิดา: การจัดการกับความรู้สึกของตัวเองสำคัญที่สุดและยากที่สุด สิ่งที่สำคัญคือ สร้างพลังบวกให้กับตัวเองให้มากๆ พลังบวกของตู่ คือ คุณพ่อ คุณแม่ และพระเจ้า ตั้งแต่เด็กๆ คุณพ่อคุณแม่เป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิต ที่มีมุมมองเป็นบวกเสมอ คุณพ่อคุณแม่ทำให้เราเห็นความอ่อนโยน ความมีสติ การให้อภัย และชีวิตที่อยู่กับความจริง เราเชื่อ เราปฎิบัติตาม เราเห็นผล มาถึงทุกวันนี้ อีกหนึ่งพลังบวก พระเจ้า เป็นความเชื่อความศรัทธาของตู่เอง ที่มีประสบการณ์กับพระเจ้าในช่วงหลังๆของชีวิตที่ผ่านมา ทำให้เราค่อยๆ ก้าวผ่าน
ทุกวันนี้มุมมองความรักของคุณเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง
ตู่ นันทิดา: ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของความรักมีทั้งด้านบวกและด้านลบ ตัวเราเองผ่านอะไรมามากมาย เราเข้าใจมากกว่าฝืนใจที่จะเข้าใจ เราจึงมองความรักให้เป็นแรงผลักดันมากกว่าเป็นแรงกดดัน ท้ายที่สุดความรักยังเป็น “พลัง” และยังเป็นเครื่องหมาย “บวก” ในความรู้สึกของตู่เสมอ
ผู้หญิงหลายๆ คนที่มีชีวิตคู่ที่ไม่สมหวัง ต้องทำอย่างไรในการดำเนินชีวิตให้อยู่ได้ด้วยตนเอง
ตู่ นันทิดา: ในส่วนตัวความคิดของตัวตู่เองอยู่ที่เราเลือก เลือกที่จะคิด หลายครั้งที่เราลืมนึกถึงความสุขว่าทุกครั้งที่เราเริ่มจะรักใคร มันเริ่มจากความรู้สึกที่มีความสุขเสมอ ให้เราเลือกคิดและจำแต่สิ่งที่มีความสุข ความทุกข์ที่ไม่สมหวังมันจะเบาบางลง ที่สำคัญที่สุด เราต้องเริ่มรักและเมตตาตัวเองให้มากๆ อย่าปล่อยให้ความเจ็บปวดมันทำร้ายตัวเราเองนานเกินไป เมื่อเรารักและเมตตาตัวเอง เราก็จะมีแรงเดินต่อไป
ในฐานะคุณแม่ คุณคิดว่าอะไรคือความเป็นตัวคุณที่เราจะเห็นได้จากน้องเพลง
ตู่ นันทิดา: น้องเพลงเริ่มทำงานในอายุที่เท่ากับตู่ คืออายุ 16 ปี มีความเป็นแม่มาก งานที่น้องเพลงทำงานแรกคือการเดินแบบ มาจนถึงละคร และแสดงภาพยนตร์ และครั้งหนึ่งได้แสดงละครเวที ความเป็นอาร์ตที่มีอยู่ในตัวลูกคือสิ่งที่แม่มองเห็น…ผ่านมาถึงตัวเรา
คุณหวงลูกสาวไหม มีวิธีสอนเรื่องความรักและคู่ครองกับลูกสาวอย่างไร
ตู่ นันทิดา: ห่วงลูกมากกว่า การเป็นแม่ระดับความสำคัญในการดูแลลูก มันมีมากมาย ตอนเป็นเด็กก็ดูแลอีกอย่างนึง เป็นวัยรุ่นก็อีกอย่างนึง ที่สำคัญการอยู่ใกล้ชิดลูก การดูแลความรู้สึกของลูกต้องไม่ให้ขาด ตอนนี้น้องเพลงเป็นวัยรุ่น ความเข้าใจ การเปิดใจ การรับฟังลูก เป็นสิ่งที่เราเป็นแม่ควรเป็นผู้รับฟัง และพร้อมเสมอเมื่อลูกต้องการเรา บางเรื่องเราเป็นแม่ก็ต้องปล่อยให้น้องเพลงไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง เรามีแผนที่ให้ลูก เป็นแผนที่ชีวิตที่ คุณตา คุณยาย และแม่ เรียนผ่านมาแล้ว ลูกมีจะออกนอกเส้นทางบ้าง ก็ขอให้ลูกเดินกลับมาแผนที่เดิมให้ถูก และให้ลูกรู้ตัวเองเสมอว่า ไม่ว่าลูกจะทำอะไร ให้รู้ว่า “ลูกเป็นลูกของใคร”
ทุกวันนี้อะไรคือสิ่งที่ทำให้ ตู่นันทิดา แก้วบัวสาย มีความสุขมากที่สุด
ตู่ นันทิดา: น้องเพลงค่ะ น้องเพลงเป็นความสุขของพวกเราทุกคนในครอบครัว เป็นของขวัญที่มีค่าของ "แก้วบัวสาย"
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ