ฮีชอล Super Junior ยอมรับ อาการบาดเจ็บที่ขาแย่ลง อาจโปรโมทอัลบั้มได้ไม่เต็มที่
แฟนเพลงชาว E.L.F. ต่างใจหาย เมื่อเห็นโพสอันยาวเหยียดของฮีนิม หรือฮีชอล Super Junior ใน Instagram ส่วนตัว ที่กล่าวขอโทษแฟนเพลงอย่างใจจริงว่า เขาอาจไม่สามารถร่วมกิจกรรมโปรโมทเพลงในอัลบั้มใหม่ของ Super Junior ที่กำลังจะปล่อยให้เราได้ฟังกันในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ได้อย่างเต็มที่ เพราะอาการบาดเจ็บที่ขาจากเหตุการณ์อุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 11 ปีก่อนยังคงส่งผลเรื้อรังยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน และมีทีท่าว่าจะแย่ลง แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานจนหลายคนรอบตัวกล่าวอย่างติดตลกกับเขาว่า “ผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว น่าจะหายแล้ว ที่อ้างเรื่องนี้เพราะขี้เกียจเต้นใช่ไหม” แต่ความจริงกลับไม่ใช่อย่างนั้น ขาข้างซ้ายของเขาไม่สามารถขยับได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะข้อเท้าซ้ายที่มีอาการเจ็บมากเป็นพิเศษ
อ่านต่อ >> Super Junior เตรียมคัมแบ็คในรอบ 2 ปี พร้อมสมาชิก 7 คน
ฮีชอลยังเปิดเผยถึงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมาอีกว่า เขาพยายามที่จะคิดว่า “มันคงจะดีขึ้น” แต่ความจริงกลับไม่เป็นอย่างนั้น และเขารู้ตัวดีว่าเมื่อถึงวันที่ต้องโปรโมทอัลบั้มใหม่อย่างจริงจัง เขาคงร่วมเต้นร่วมร้องได้ไม่เต็มที่อย่างที่แฟนๆ คาดหวัง เขาจึงกล่าวขอโทษเหล่าแฟนเพลง และสมาชิกในวงที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยผลงานใหม่นี้มาอย่างยาวนาน แต่เขาจะขอแก้ตัวกับการโปรโมทเพลงผ่านรายการวาไรตี้โชว์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาถนัด และเขาจะไม่ลืมที่จะเข้ารับการรักษาต่ออย่างเต็มที่ต่อไป จากนั้นก็ลงท้ายให้แฟนๆ ที่อ่านจนถึงบรรทัดสุดท้ายว่า “รักษาสุขภาพให้ดี อย่าให้เป็นหวัด และไม่ว่าจะขี้เกียจแค่ไหน อย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่ขึ้นรถ”
ทั้งนี้ ฮีชอล ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 11 ปีก่อน (ปี 2006) ในขณะที่เขากำลังเดินทางไปร่วมงานศพของพ่อเพื่อนร่วมวงอย่าง ดงแฮ โดยเขาได้รับบาดเจ็บที่กระดูกโคนขา เข่า และข้อเท้าข้างซ้ายที่แตกหลายแห่ง ต้องเข้ารับผ่าตัดหลายครั้งเพื่อดามเหล็กไว้ในขา
ฮีชอลเคยให้สัมภาษณ์ติดตลกในรายการวาไรตี้ว่า เป็นเพราะเหล็กในขาของเขา ทำให้ทุกครั้งที่เข้าเครื่องตรวจโลหะที่สนามบิน มักมีเสียงเตือนดังออกมาตลอดเวลา และเขาต้องอธิบายกับเจ้าหน้าที่อย่างละเอียดทุกครั้ง แต่ใครจะรู้ว่าในสถานการณ์นั้นจริงๆ แล้ว อาจไม่ตลกอย่างที่เขาเล่าให้เราฟังก็ได้
อย่างไรก็ช่วยเข้าใจในตัวฮีชอล และเป็นกำลังใจให้เขา และ Super Junior ประสบความสำเร็จกับการคัมแบคในครั้งนี้กันด้วยนะ
___________________
Story : Jurairat N.