(รีวิว) Ed Sheeran หนุ่มอารมณ์ดีกับกีต้าร์ตัวเดียว เอาคนดูอยู่ทั้งฮอลล์
สีฟ้า และเครื่องหมายคณิตศาสตร์ ÷ กลายเป็นภาพติดตาของคอเพลงสากลชาวไทยหลายคนในระยะเดือนหลังๆ มานี้ เพราะนอกจากเพลงเด่นเพลงดังชนิดที่อินโทรขึ้นแค่ 3 วินาทีก็รู้ว่าเพลงอะไรอย่าง “Shape of You” แล้ว Ed Sheeran ยังเป็นศิลปินที่มาพร้อมกับรูปร่างหน้าตาที่ไม่ได้เป็นพิมพ์นิยมมากนัก แต่กลับเป็นที่ชื่นชอบของแฟนเพลงทั่วโลกจากงานเพลง และความเก่งกาจในการแต่งเพลงของเขาอย่างชัดเจน
เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2560 เป็นวันที่แฟนเพลงชาวไทยได้สัมผัสกับความอัจฉริยะทางดนตรีของเขาอีกด้าน นั่นคือการแสดงสดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา การแสดงสดเพียงคนเดียว ทั้งร้อง ทั้งเล่น แถมยังมีกีต้าร์เป็นเครื่องดนตรีชนิดเดียวบนเวที (มีเปียโนเล็กๆ บางช่วง) มีตัวช่วยเจ๋งๆ อย่าง loop pedal ที่ช่วยให้เขาทำหน้าที่เป็นทั้งศิลปิน นักดนตรี และนักร้องคอรัสได้สดๆ คนเดียวบนเวทีตลอดการแสดงเกือบ 2 ชั่วโมง ใน Ed Sheeran Live in Bangkok 2017 โดยผู้จัดคนเดิม BEC-TERO Entertainment ต้องขอบอกว่าแม้เราจะได้ชมความสามารถนี้ของเขาในบันทึกการแสดงสด และเบื้องหลังคอนเสิร์ตที่ Wembley ใน Jumpers for Goalposts แล้ว แต่การได้มาเห็น และได้ยินด้วยตัวเองในฮอลล์ค่ำคืนนี้มันทำให้เรารับรู้ได้ถึงความเก่งฉกาจ ไหวพริบเป็นเลิศ และความเป็นศิลปินอย่างแท้จริงของเขาได้อย่างเต็มที่ที่สุด
19.45 น. การแสดงของ LAUV (ลาฟ) ศิลปิน opening act เริ่มอุ่นเครื่องให้กับแฟนๆ ด้วยดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ป็อบฟังสบายอย่าง “Comfortable” ,“Question”, “Reforget” และ “Breathe” จากนั้นก็ค่อยๆ เร่งจังหวะให้แฟนๆ ได้โยกตัวเบาๆ กับ “A Different Way” ที่ขาแดนซ์อาจจะเริ่มคุ้นหู เพราะได้ DJ Snake มาร่วม featuring ด้วย จากนั้นก็ได้ฤกษ์เปิดตัวซิงเกิลล่าสุด “Easy Love” ตามด้วย “I Like Me Better” เพลงหวานๆ ที่ช่วยสร้างบรรยากาศดีๆ ในฮอลล์ได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงปิดโชว์ด้วย “The Other” ก่อนจะโบกมือลา และบอกว่าจะลงไปสนุกกับ Ed Sheeran ด้วยกันกับแฟนเพลงด้านล่าง
รอเซ็ตอัพอุปกรณ์ไม่นาน 21.05 น. Ed Sheeran ก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางเสียงกรี๊ด และเสียงเชียร์จากบรรดาแฟนเพลงผู้หญิง และผู้ชาย (นานๆ ทีจะเห็นคอนเสิร์ตที่สัดส่วนแฟนเพลงผู้ชายผู้หญิงใกล้เคียงกัน) หนุ่ม Ed ไม่พูดพร่ำทำเพลงมาก เริ่มต้นปลุกอะดรีนาลีนของทุกคนในฮอลล์ด้วย “Castle on the Hill” ที่เหล่าแฟนเพลงร้องตามกันได้แทบจะทุกคำ นอกจากจะตื่นเต้นกับการปรากฏตัวของศิลปินหนุ่มที่แฟนๆ รอคอยกันมานานหลายปีแล้ว ยังตะลึงกับกราฟิกบนจอด้านหลัง ที่ภาพสวย สีสด และเวทีที่มีดีไซน์แปลกตาราวกับพลุขนาดใหญ่ เป็นทั้งฉากหลังประกอบเพลง และจอมอนิเตอร์ให้กับผู้ชมด้านหลัง
ทวีความเข้มข้นอีกนิด ด้วยแทร็กแรกจากอัลบั้ม Divide อย่าง “Eraser” แฟนเพลงผู้ชายหลายคนชอบเพลงนี้ จากดนตรีที่หนักแน่น ซาวด์กีต้าร์เท่ๆ และทำนองการร้องที่ทรงพลัง จากนั้นพี่ Ed ก็ชวนให้ทุกคนเปิดไฟแฟลชจากสมาร์ทโฟนคลอตามไปกับเพลงซึ้งๆ ย้อนกลับไปที่ซิงเกิลแรก อัลบั้มแรก + ในเพลง “The A Team” ที่แฟนๆ ร่วมกันทำโปรเจ็คต้อนรับหนุ่ม Ed ด้วยการเปิดหน้าจอสมาร์ทโฟนเป็นสีส้ม สีของอัลบั้ม + ทำให้เราได้เห็นทะเลไฟแฟลชสลับสีส้มสวยงามปรากฏอยู่บนจอมอนิเตอร์บนเวที และสาบานได้ว่าเราเห็นหนุ่ม Ed ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับโปรเจ็คนี้ด้วย
แม้ Ed Sheeran จะเป็นหนึ่งในศิลปินที่พูดน้อยต่อยหนัก ระหว่างโชว์ไม่ได้มีบทสนทนายาวๆ อะไรมาก แต่เพียงแค่การทักทายอย่างเขินๆ ว่าเขาไม่เคยคิดว่าจะมีแฟนเพลงที่ไทยมากมายขนาดนี้ ทุกคนร้องตามเพลงของเขาได้ และการที่เขามาจากเมืองเล็กๆ ของอังกฤษ ได้เดินทางทั่วโลก แล้วมาเจอกับแฟนเพลงที่เมืองไทยอีกซีกโลกหนึ่งแบบนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจมาก เท่านี้ก็ได้ใจแฟนเพลงไปเต็มๆ
พี่ Ed ขอเร่งจังหวะอีกนิดด้วย “Don’t” ที่มิกซ์รวมกันกับ “New Man” ที่เป็นเพลงที่เราฟังแล้วนึกถึงจังหวะเพลง “Don’t” อยู่เหมือนกัน การแมชอัพสดๆ บนเวทีจึงทำได้อย่างถูกที่ถูกทาง จังหวะเข้ากันได้ดี และทำให้เพลงมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือการร้อง 2 เพลงผสมกัน และเล่นดนตรีไปด้วย ใช้ loop pedal ไปด้วย มันไม่ง่ายเลย นี่มันอัจฉริยะชัดๆ อยากรู้จริงๆ ว่าเอาช่วงเสี้ยววินาทีไหนมาหายใจได้ทัน
จากนั้นมาลดจังหวะลงกับเพลงซึ้งๆ อย่าง “Dive” พร้อมทะเลสีฟ้าจากหน้าจอสมาร์ทโฟนที่เป็นโปรเจ็คอีกชิ้นหนึ่งของแฟนเพลง ต่อด้วย “Bloodstream” และ “Tenerife Sea” ที่เป็นอีกหนึ่งเพลงเซอร์ไพรส์ที่หนุ่ม Ed บอกว่าเป็นเพลงโปรดของเขาอีกเพลง แต่ไม่ค่อยได้เล่นบ่อยนัก และอาจจะไม่มีใครรู้จักกันมาก แต่ที่ไหนได้แฟนเพลงด้านหน้าร้องตามกันได้ทั้งเพลงอย่างไม่มีขัดเขินใดๆ (บอกแล้วเพลงช้าๆ แฟนคลับสู้ตาย ส่วนเพลงเร็วๆ ให้พี่เขานำไปก่อน แล้วเราค่อยไปเจอกันที่ท่อนฮุค) จากนั้นมาซึ้งกันอย่างต่อเนื่องด้วย “Happier” ก่อนจะเร่งจังหวะชวนแดนซ์กันด้วยเพลงซาวด์ไอริชอย่าง “Galway Girl” ที่ได้ยินคนข้างๆ แซวว่า เริ่มต้นเสียงดนตรีอย่างกับหมอลำ (ฮา)
เริ่มเข้าสู่โหมดโรแมนติกที่ทำเอาคู่รักที่มาด้วยกันยืนกอดทำตาหวานซึ้งกันไปตลอดช่วง เพราะเป็นคอมโบเซ็ตเพลงสุดโรแมนติกแห่งปี 2017 มีทั้ง “How Would You Feel (Paean)” ที่ได้นักเปียโน PJ Smith มาร่วมแจมอิเล็กทริคเปียโนให้ ต่อด้วย “Photograph” ที่เพิ่มตอนท้ายของเพลงได้อย่างน่าฟัง และ “Perfect” ที่ก่อนเข้าเพลงนี้พี่ Ed พูดอย่างชื่นตาบานว่า มีข่าวดีอยากจะบอก เพลงนี้ขึ้นอันดับที่ 1 ในไทยแล้วนะ แถมที่เซอร์ไพรส์ไปกว่านั้นอีก คือมีคู่รักที่ขอแต่งงานกันระหว่างเพลงนี้ด้วย เล่นเอาคนในฮอลล์แตกตื่น (ปนอิจฉา) กันใหญ่ และแน่นอนพี่ Ed บนเวทีก็มองไปที่คู่บ่าวสาวในอนาคตระหว่างร้องเพลงนี้ไปด้วยเช่นกัน
คั่นเพลงหวานๆ ด้วยเพลงจังหวะสนุกๆ พร้อมกลิ่นอายดนตรีไอริชเช่นเคยใน “Nancy Mulligan” (สำหรับเราเหมือนเพลงภาคต่อของ Galway Girl) ก่อนจะเรียกเสียงกรี๊ดในฮอลล์ให้ดังขึ้นอีกครั้ง ด้วยเพลงประจำงานแต่งงานปี 2016-2017 อย่าง “Thinking Out Loud” ที่ต้องขอย้ำอีกรอบว่า กราฟิกบนเวทีสวยมากจริงๆ ทดแทนการเป็นศิลปินเดี่ยวพร้อมกีต้าร์ตัวเดียวที่ยืนนิ่งๆ ตลอดโชว์ได้ดีเลยทีเดียว
ปิดท้ายโชว์ก่อนอังกอร์ด้วยเพลงสนุกๆ จากอัลบั้ม X กับ “Sing” โดยพี่ Ed ชวนแฟนเพลงให้ร่วม Sing ไปกับเขาได้อย่างสนุกสนาน ก่อนจะโบกมือลาหายไปจากเวที ปล่อยให้แฟนๆ อังกอร์กันได้ไม่นาน เขาก็กลับมาพร้อมกับเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์เล็กๆ กดเพียงสองสามครั้ง ก็เป็นเสียงอินโทรเข้าเพลง “Shape of You” ที่ทุกคนคุ้นหู เพลงนี้จึงเป็นอีกเพลงที่ทุกคนในฮอลล์ร่วมร้องตามกันได้ทุกคำจนจบเพลง ปิดท้ายโชว์นี้จริงๆ ด้วยเพลงเก่งของพี่ Ed ใน “You Need Me, I Don’t Need You” เพลงเก่าแก่สมัยอัลบั้มแรกที่พี่ Ed ไม่เคยลืมที่จะหยิบเอามาแสดงสดด้วยทุกทัวร์ เพราะได้ปลดปล่อยอารมณ์ในการร้อง เล่น และแร็ปได้อย่างเต็มที่ ถึงขั้นวางกีต้าร์แล้วเดินแร็ปไปทั่วทั้งเวที แร็ปเร็วจนไม่มีใครแร็ปตามได้ทัน และลืมไปชั่วขณะหนึ่งว่านี่นักร้องป็อบนะ ไม่ใช่แร็ปเปอร์ฮิปฮอป
จบค่ำคืนนี้ไปด้วยความตื้นตันที่ได้ชม ได้ฟังการแสดงสดดีๆ จากศิลปินที่เราเรียกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเป็นศิลปินอย่างแท้จริง ร้อง และเล่นอยู่คนเดียวแทบจะตลอดโชว์ และเอาคนดูทั้งฮอลล์อยู่ได้อย่างสบายๆ บัตรคอนเสิร์ตในครั้งนี้คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ ออกมาจากฮอลล์ต้องรีบพุ่งตัวไปซื้อ official merchandise กันเลยทีเดียว
แฟนเพลงชาวไทยโชคดีมากที่ไม่โดนแคนเซิลคอนเสิร์ตไปก่อน (ด้วยอาการแขนหักจากอุบัติเหตุจักรยานล้ม) และมีโอกาสได้ชมคอนเสิร์ตอันน่าประทับใจส่งท้ายปี ขอจดเอาไว้เลยว่าเป็นคอนเสิร์ตที่ดีที่สุดงานหนึ่งของปี 2017 นี้ เพราะนอกจากศิลปิน เพลงดี และแสงสีเสียงยอดเยี่ยมแล้ว ยังมีการจัดการเรื่องบัตรคอนเสิร์ตที่ดีอีกด้วย
__________________
Story : Jurairat N.
Photos : BEC-TERO Entertainment
อัลบั้มภาพ 50 ภาพ