(รีวิว) ล่องลอย ดำดิ่ง หนักแน่น ไปกับ “POND Live in Bangkok” | Sanook Music

(รีวิว) ล่องลอย ดำดิ่ง หนักแน่น ไปกับ “POND Live in Bangkok”

(รีวิว) ล่องลอย ดำดิ่ง หนักแน่น ไปกับ “POND Live in Bangkok”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทุกสรรพเสียงยังคงดังก้องในโสตประสาท ... ผ่านมา 2 ชั่วโมงกว่าแล้วนับจากคอนเสิร์ตจบลงจนกระทั่งมาอยู่หน้าจอโน้ตบุ๊ค ณ ขณะที่กำลังปั่นต้นฉบับ ภาพการแสดงสดของวงดนตรีที่ชื่อ POND (พอนด์) ยังคงตราตรึงอยู่อย่างชัดเจน

          หากจะเรียกว่าเป็นคอนเสิร์ตส่งท้ายปี 2017 ของผู้จัด VIJI CORP ก็ว่าได้สำหรับ “POND Live in Bangkok” ซึ่งจัดขึ้น ณ นครินทร์สเปซ ย่านศรีนครินทร์ เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา (21 พ.ย. 2560) และยังถือได้ว่าเป็นโชว์ที่คอดนตรีที่คลั่งไคล้ซาวนด์ไซคิเดลิกร็อคต่างเฝ้ารอคอย เพราะ POND ถือได้ว่าเป็นวงดนตรีในแนวทางดังกล่าวที่ได้รับการยอมรับในฝีไม้ลายมือ ขึ้นโชว์ตามเทศกาลดนตรีชื่อดังทั่วโลกมาแล้วมากมาย

          อีกหนึ่งความน่าสนใจของวงดนตรีสัญชาติออสเตรเลียวงนี้ก็คือ การที่มีสมาชิกจากวงไซคิเดลิกร็อคบ้านเดียวกันที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีอย่าง Tame Impala (เทม อิมพาลา) มาร่วมวงไพบูลย์ความมันด้วยนั่นก็คือ เจย์ วัตสัน (เบส, ซินธิไซเซอร์, ร้อง) ร่วมด้วยอีก 3 สมาชิก นิค ออลบรุ๊ค (ร้องนำ, กีตาร์, ฟลูต), ไชนี โจ ไรอัน (กีตาร์, ร้อง), จมี่ เทอร์รี่ (ซินธิไซเซอร์) และมือกลองแบ็คอัพร่วมทัวร์อย่าง จมส์ ไอส์แลนด์ ภายในระยะเวลากว่า 8 ปี POND มีสตูดิโออัลบั้มมาแล้วทั้งหมด 7 ชุด ซึ่งอัลบั้มล่าสุดอย่าง The Weather ที่เพิ่งปล่อยออกมาเมื่อเดือนพฤษภาคม 2017 ที่ผ่านมาก็ได้ เควิน ปาร์คเกอร์ ฟร้อนต์แมนแห่ง Tame Impala รับหน้าที่โปรดิวซ์ให้อีกต่างหาก

          เปิดโชว์เมื่อคืนนี้ด้วยความมืดหม่น กดดัน และความรู้สึกต่างๆ นานาที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้งจาก โคอิชิ ชิมิสึ ศิลปินชาวญี่ปุ่นที่มาตั้งรกรากในผืนแผ่นดินไทยตั้งแต่ 14 ปีที่แล้ว เขาคือผู้ก่อตั้งค่ายเพลงอินดี้ที่สร้างสีสันความแปลกใหม่ให้วงการดนตรีไทยอย่าง SO::ON Dry FLOWER ซึ่งปิดตัวลงไปเมื่อปลายปี 2016 กับรายชื่อศิลปินในค่ายที่ถือเป็นหัวหอกในวงการเพลงอินดี้อย่าง Goose และ Desktop Error นั่นเอง รวมถึงเขายังทำงานด้านเสียงในศิลปะแขนงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์, โฆษณา, การแสดงดนตรีสด และการเป็นโปรดิวเซอร์ให้ศิลปินไทยหลายวง เป็นต้น

 

โคอิชิ ชิมิสึ

          เราไม่เคยดูโชว์จาก โคอิชิ มาก่อน แต่แค่ชื่อเสียงเรียงนามก็สร้างความคาดหวังอยู่มากพอตัว ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง พาคนดูหลุดเข้าไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งซึ่งเขาสร้างขึ้นจากเครื่องมือเพียงไม่กี่ชิ้นที่วางอยู่บนบูธเล็กๆ บนเวที แสงไฟสีแดงตัดกับความมืดสลัวของพื้นที่ส่วนอื่น ส่งต่ออารมณ์ไปสู่ความลึกลับภายใต้บีตหนักๆ ที่เต็มไปด้วย Noise หยาบๆ ซาวนด์อิเล็กทรอนิกส์แอมเบียนต์ที่กดประสาทคนฟังไม่ใช่เล่น ดูเหมือนว่า โคอิชิ กำลังสนุกมือกับการทำให้ทุกคนในฮอลล์หายใจไม่ทั่วท้องไปจนถึงจุดที่พีคสุดๆ ก่อนที่จะค่อยๆ คลี่คลายด้วยบีตที่มีจังหวะจะโคนมากขึ้น รวมถึงท่อนร้องที่โผล่มาในช่วงหลังของโชว์ จนทำให้มีคนขยับแข้งขยับขาตามบีตอยู่พอสมควรแม้ว่าจะยังคงแอบซ่อนความหนักหนาสาหัสของซาวนด์เอาไว้ประมาณหนึ่ง และเมื่อโชว์สิ้นสุด เสียงปรบมือกึกก้อง หลุดออกจากภวังค์ที่ “นักผสมเสียง” ผู้นี้ได้สร้างไว้ ราวกับว่าเราเพิ่งดูหนังระทึกขวัญสั่นประสาทจบไปเรื่องหนึ่ง แต่เรากลับอยากดูตอนต่อไปของหนังเรื่องนี้เสียเหลือเกิน

          พักเซ็ตเวทีกันไม่นานนัก 4 สมาชิกวง POND ก็ก้าวขึ้นสู่เวทีด้วยท่าทีสบายๆ ทักทายแฟนๆ พอหอมปากหอมคอ ก่อนจะซัด 2 เพลงจากอัลบั้มล่าสุดเป็นการประเดิมทั้ง "30,000 Megatons" และ "Sweep Me Off My Feet" มาพร้อมวิชวลด้านหลังและไลท์ติ้งซึ่งให้ฟีลลิ่งไซคิเดลิกจ๋าๆ ก่อนจะไล่เรียงแทร็คจากอัลบั้มต่างๆ มาเล่นให้ฟังแบบต่อเนื่องทั้ง "Elvis’ Flaming Star", "Waiting Around for Grace", "Zen Automaton" สังเกตได้ว่านักร้องนำอย่าง นิค ค่อนข้างเอเนอร์จี้ล้นเหลืออยู่ไม่น้อย ทั้งสาดน้ำลงมาให้ผู้ชมได้เปียกปอนกัน รวมถึงลงจากเวทีมาใกล้ชิดแฟนๆ ด้านล่างกันตั้งแต่ช่วงแรกกันเลย

         POND

          ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ POND ใส่ไม่ยั้งกันต่อกับเพลงอย่าง "Fire in the Water", "Don’t Look at the Sun or You’ll Go Blind" ที่เพิ่มดีกรีความเดือดให้กับโชว์ของพวกเขาไปอีกระดับด้วยกรู๊ฟเท่ๆ ไดนามิคเจ๋งๆ ที่ทำเอาหลายคนรอบข้างถึงกับอุทานออกมากันคนละคำสองคำ ผ่อนอารมณ์ไปล่องลอยกันสักนิดกับ "Sitting Up on Our Crane" ที่ เจย์ วัตสัน โชว์สกิลการร้องด้วยตนเอง ก่อนจะเพิ่มบีตให้ได้โยกกันเบาๆ แบบเรโทรเล็กน้อยกับ "Paint Me Silver" หรือแม้แต่ "All I Want for Xmas (Is a Tascam 388)" ก็ยังพาคนดูมีอารมณ์ร่วมอย่างต่อเนื่อง

          ใช่ว่าจะได้ฟังกันแต่ไซคิเดลิกร็อคที่มีจังหวะ POND นำพาเข้าสู่โหมดดำดิ่งแบบสุดๆ กับ "Edge of the World" ทั้ง Pt. 1 และ Pt. 2 ที่ยิ่งหลับตาฟังยิ่งอินหนัก ก่อนจะเปลี่ยนโหมดกลับเข้าสู่ความคึกคักอีกครั้งกับ "Giant Tortoise" ที่กลิ่นอายดนตรีร็อคและริฟฟ์กีตาร์โดดเด้งจนบรรยากาศในฮอลล์นั้นพร้อมเพรียงไปด้วยการโยกหัว ปิดท้ายด้วย "The Weather" ไตเติ้ลแทร็คจากอัลบั้มชุดล่าสุดของพวกเขา และตามธรรมเนียม POND ก็ออกมาแถมให้อีก 3 เพลง แต่เดี๋ยวก่อน... เพลงแรกลีดกีตาร์อยู่ไม่กี่โน้ต เพลงสองจัดให้หนึ่งท่อน (กวนไหมล่ะ ฮ่าฮ่า) ก่อนจะจัดกันเต็มๆ กับ "Man It Feels Like Space Again" ที่สัดส่วนเพลงนั้นเท่ได้ใจเหลือเกิน จบโชว์ไปแบบขอคารวะงามๆ สักที

 

          ใครว่าดนตรีไซคิเดลิกฟังยาก ลองมาฟังและชมการแสดงสดของ POND สักครั้งแล้วจะติดใจ พวกเขานำเอาซาวนด์เฉพาะทางของไซคิเดลิกที่ล่องลอย Noise เพียบๆ Reverb หรือ Delay มาเต็ม มาผสมผสานกับแนวทางของดนตรีร็อคได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ยิ่งเมื่ออัพเกรดเป็นการแสดงสด จังหวะจะโคนจากความเป็นร็อคยิ่งส่งให้เพลงมีพลังมากยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ ทีมเวิร์กแข็งแกร่ง ไดนามิค จังหวะผ่อน จังหวะพีค พวกเขาเอาอยู่หมด ยิ่งทึ่งเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นมือกลองอย่าง เจมส์ พกพาเครื่องทองเหลือมาเพียง 2 ชิ้นก็คือ Hi-hat กับ Ride ส่วนนักร้องนำที่คึกตั้งแต่ต้นจนจบโชว์อย่าง นิค ก็เป่าฟลูตที่ใส่เอฟเฟกต์บางอย่างลงไปให้ซาวนด์ฟังดูมีมิติและน่าสนใจทีเดียว

          ยิ่งเมื่อมาผสมผสานกับระบบซาวนด์ที่ดีมากๆ ได้ยินชัดทุกเม็ด ทุกเครื่องดนตรี (ทราบจากผู้จัดภายหลังว่า ซาวนด์เอนจิเนียร์นั้นอยู่เบื้องหลังการแสดงสดของวง Tame Impala ด้วย) กลายเป็นว่าดนตรีไซคิเดลิกร็อคของ POND ฟังอร่อยหูเหลือเกิน วิชวลด้านหลังและระบบแสงก็เน้นสีสันจัดจ้านสไตล์ไซคิเดลิก เป็นความลงตัวที่น่าปรบมือให้ดังๆ

 

          ส่วนสถานที่อย่าง นครินทร์สเปซ ก็น่าสนใจไม่น้อยกับการเป็นทางเลือกใหม่ให้กับคอนเสิร์ตสเกลที่ไม่ใหญ่โตมาก แม้ที่จอดรถจะมีไม่มากนัก แต่ด้วยตัวอาคาร รวมถึงภายในฮอลล์ก็ดูเหมาะสมกับการจัดคอนเสิร์ตทีเดียว แม้ว่าอากาศด้านในฮอลล์สำหรับเมื่อคืนจะร้อนไปสักหน่อย มีบางช่วงที่หายใจไม่สะดวก เข้าใจว่าอากาศอาจจะถ่ายเทได้ไม่มากนัก

          และที่ต้องเอ่ยปากชมก็คือการบริหารจัดการของผู้จัด VIJI CORP อันยอดเยี่ยม ทั้งการให้บริการในการแนะนำเส้นทางไปยังลานจอดรถที่อำนวยความสะดวกทั้งขาไปขากลับ รถพยาบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มารักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่แม้ว่าจะเป็นคอนเสิร์ตที่โอกาสจะเกิดการปะทะกันมีน้อยถึงน้อยมาก แต่ทางผู้จัดก็ยังใส่ใจในจุดนี้ รวมถึงฝ่ายแม่บ้าน (ที่ไม่รู้ว่ามาจากทางผู้จัดหรือฝ่ายอาคารสถานที่) ซึ่งมาเช็ดทำความสะอาดพื้นที่เปียกในหลายๆ จุดระหว่างที่โชว์กำลังแสดงอยู่กันเลยทีเดียว

          บางครั้งการทำความรู้จักกับวงดนตรีที่เราอาจแค่ผ่านหู หรือไม่เคยดูการแสดงสดของพวกเขามาก่อน อาจมอบของขวัญล้ำค่าสุดเซอร์ไพรส์ที่ทำให้เราหลงรักได้อย่างง่ายดายภายในระยะเวลาเพียง 1-2 ชั่วโมง ซึ่ง POND สามารถทำได้อย่างไร้ข้อกังขาจากโชว์เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ฟินขั้นสุดกับ POND ไปแล้วก็ได้แต่หวังเอาไว้ลึกๆ ว่า นี่อาจเป็นสัญญาณอันดีว่าความใกล้ชิดของวงดนตรีวงนี้กับ Tame Impala ก็อาจทำให้พวกเขากลับไปชักชวนอีกหนึ่งวงไซคิเดลิกร็อคขวัญใจชาวไทยให้มาแสดงสดที่นี่สักครั้งในอนาคตอันใกล้

คลิกฟังเพลงของ POND ได้ที่นี่

 

Story : Chanon B.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook