DJ Whatdatfrog ดีเจชาวไทย กับการก้าวสู่ระดับโลกบนเวที Red Bull 3Style | Sanook Music

DJ Whatdatfrog ดีเจชาวไทย กับการก้าวสู่ระดับโลกบนเวที Red Bull 3Style

DJ Whatdatfrog ดีเจชาวไทย กับการก้าวสู่ระดับโลกบนเวที Red Bull 3Style
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในปัจจุบันนี้ นอกจากการเป็นนักร้องและนักดนตรีแล้ว  คนรุ่นใหม่หลายคนก็ให้ความสนใจกับการเป็นดีเจด้วย เพราะนอกจากจะเป็นงานที่สามารถนำบทเพลงมาผสมผสานในแบบฉบับตัวเองเพื่อให้ความบันเทิงแล้ว ในปัจจุบันนี้ดีเจในไทยและทั่วโลกมีพื้นที่ให้แสดงความสามารถมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการแข่งขัน Red Bull 3Style Thailand ที่เปิดโอกาสให้ดีเจชาวไทยมาแสดงความสามารถ และได้ฝึกฝนความสามารถเพื่อที่จะได้ขึ้นแสดงในเวทีระดับโลกด้วย

 

ผู้เข้ารอบสุดท้าย Red Bull 3style Thailand 2017

 

การแข่งขัน Red Bull 3Style  นั้นเปิดโอกาสให้ผู้เข้าแข่งขันมาโชว์ความสามารถในการเป็นดีเจที่จุดประกายความสนุกให้กับผู้ฟัง ซึ่งมาพร้อมโจทย์สุดท้าทาย อย่างเช่นการเล่นเพลง 3 แนวเพลง ในเวลา 15 นาที ซึ่งผู้เข้าแข่งขันจะต้องให้ความบันเทิง และโชว์เทคนิคในการเชื่อมเพลงแต่ละเพลงเข้าด้วยกันแบบสดๆ ต่อหน้าผู้ฟัง จนทำให้รายการนี้เป็นเหมือนบททดสอบที่ท้าทายมากสำหรับดีเจทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก

 

คลิกชมบรรยากาศการแข่งขัน Red Bull 3style Thailand 2017 ได้ที่นี่

 

ซึ่งในวันนี้ทาง Sanook! Music ได้มีโอกาสพูดคุยกับ DJ WHATDATFROG (กบ-วสุธีร์ เปลี่ยนเชาว์) แชมป์รายการ Red Bull 3style Thailand 2017 ถึงการแข่งขัน และเส้นทางการเป็นดีเจของเขาในอดีต รวมถึงแผนการในอนาคตด้วย

 

 

จุดเริ่มต้นในการเป็นดีเจ

สมัยก่อนผมฟังเพลงปกติ ไม่รู้จักเครื่องดนตรีเลย ผมมีโอกาสได้ชมการแสดงของ ดีเจ Spydamonkee (เมธี ขวัญบุญจัน) ที่โรงเรียนเพราะเพื่อนพาไปดู ตอนที่ได้ชมก็รู้สึกว่าใช่เลย เพราะมันเป็นเสียงที่ผมตามหามานาน

การเรียนดีเจมันยากมาก เพราะสมัยก่อนไม่มี YouTube ต้องให้พี่ๆเขาสอนเอา ใช้เวลานานมากครับ เพราะผมไม่เคยเล่นเครื่องดนตรีมาก่อนเลย เด็กสมัยนี้โชคดีมากครับ เพราะมีโรงเรียนให้ฝึกหลายที่และผมเองก็เปิดสอนการเป็นดีเจอยู่ ถ้าคุณสามารถจับจังหวะได้ ก็สามารถเรียนได้ครับ แต่ต้องถามตัวเองก่อนว่าชอบมันจริงไหม ดูเป้าหมายตัวเอง และห้ามลืมฝึกซ้อมครับ

 

เอกลักษณ์ในการเป็นดีเจ

ผมชอบนำเพลงฮิปฮอปและฟังค์เก่าๆ  ที่ความหมายดีๆ มาใส่ในเพลงครับ การนำเพลงเหล่านี้มาใส่กับเพลง EDM มันจะต้องดูคีย์และเนื้อหามันเข้ากันไหม เวลาหาเพลงผมก็จะดูจากชาร์ตเพลงว่ามีเพลงไหนที่เหมาะสมบ้าง การเล่นของผมจะมีการนำเพลงใหม่และเก่ามาผสมกันเพื่อให้คนดูสนุกและร้องตามไปกับเพลงได้ครับ

ตอนเริ่มเล่นผมจะมีอินโทรเป็นเสียงกบครับ สไตล์การเป็นดีเจของผมคือการอยู่ไม่นิ่ง (หัวเราะ) คือไปได้เรื่อย จะมีการสแครช (เกาแผ่น) Juggling  (การเปลี่ยนไปมาระหว่างสองแผ่น) ครับ

 

 

การแข่งขัน Red Bull 3Style  Thailand 2017 

ผมมองว่ารายการนี้มันท้าทาย เพราะเป็นดีเจอยู่แล้ว และเป็นงานที่เราสามารถเล่นได้หลายแนวครับ ส่วนตัวเวลาผมไปโชว์จะไม่เล่นเพลงแนวเดียว ถ้าผมไปเล่นแนวเดียวสองชั่วโมงมันน่าเบื่อครับ ตอนมาแข่งปีนี้ผมก็เตรียมตัวดีขึ้น คือความตื่นเต้นยังมี แต่น้อยลงแล้ว ผมคิดว่าปีนี้ Setlist หรือ เพลงที่เลือกมาใช้ถูกใจคนดูครับ

ตอนที่ผมแข่งขันผมเตรียมเพลงแนว ฮิปฮอป, ร็อก, Trap, ฟังค์ บางเพลงที่ผมเตรียมไว้มันจะมีจังหวะหรือความเร็วเพลงเท่ากันเลยเชื่อมเพลงง่าย แต่ถ้าเพลงที่จังหวะต่างกันมาก ก็จะใช้เอฟเฟกต์ของเครื่องเล่นหรือความหมายเพลงเป็นตัวเชื่อมครับ ก็รู้สึกดีใจมากที่ชนะครับ

ตอนนี้ผมเองก็เตรียมการเพลงสำหรับแข่งระดับโลกอยู่ครับ ก็จะเตรียมเพลงที่มีความหลากหลายมากขึ้น เพราะผมไปแข่งที่โปแลนด์ คนที่นั่นจะฟังเพลงหลากหลายแนวครับ

 

อนาคตบนเส้นทางดีเจ

ผมอยากเดินทางไปแสดงรอบโลกครับ ตอนนี้ผมมีโปรไฟล์ระดับหนึ่ง ตามเทศกาลดนตรีต่างๆที่มีครับ ผมเองก็อยากให้วงการดีเจไทยโตขึ้น เพราะหลายคนเก่งมาก แต่ไม่มีโอกาสครับ

ผมมีแพลนที่จะทำเพลงของตัวเองครับ แต่ยังไม่เสร็จเลย (หัวเราะ) ก็จะเป็นการสแครชแผ่นอย่างเดียวเลยในเพลง เพราะเป็นสิ่งที่ผมถนัดสุดครับ เพราะผมสามารถทำเสียงแบบไหนก็ได้ อย่างเสียงกลองก็ทำได้ คือสร้างเสียงเอาไว้และเอามาบันทึกไว้ ไปซาวด์ต่างๆและจังหวะของเพลงครับ   

 

 

การเป็นดีเจนั้นเป็นบทบาทที่ท้าทายมาก เพราะนอกจากความสามารถแล้ว ดีเจต้องรู้จักบทเพลง และมีไหวพริบในการเลือกเพลงมามิกซ์และใช้ในโชว์ได้  รวมถึงต้องทำให้คนดูรู้สึกสนุกและอินไปกับโชว์ด้วย  ซึ่งแฟนๆชาวไทยสามารถติดตามเส้นทางการแข่งขันและเป็นกำลังใจให้ DJ Whatdatfrog ได้ที่แฟนเพจของการแข่ง Red Bull 3Style ได้เลยครับ

Story : Sidhipong W.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook