"Pause" ความจริงจังของศิลปินรุ่นใหญ่ และสีสันใหม่ที่คาดไม่ถึง | Sanook Music

"Pause" ความจริงจังของศิลปินรุ่นใหญ่ และสีสันใหม่ที่คาดไม่ถึง

"Pause" ความจริงจังของศิลปินรุ่นใหญ่ และสีสันใหม่ที่คาดไม่ถึง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากที่ โจ้ - อัมรินทร์ เหลืองบริบูรณ์ นักร้องนำวง Pause ได้เสียชีวิตในปี พ.ศ 2545 วงดนตรีดังในยุค 90s เจ้าของเพลงฮิต "ที่ว่าง", "รักเธอทั้งหมดของหัวใจ" และอีกหลายบทเพลงอย่าง Pause ก็ได้พักงานอย่างไม่มีกำหนด จนกระทั่งพวกเขาได้กลับมาพร้อมผลงานพิเศษ "รักอยู่รอบกาย" ในปี  พ.ศ 2559 ก่อนจะตามมาด้วยผลงานเพลงใหม่  “แค่ได้เป็นคนสุดท้ายที่เธอคิดถึง” และ “รักจริงจัง” ที่ขับร้องโดยนักร้องนำคนใหม่ เฟ้น - ประภาพ ตันเจริญ

 

โดยล่าสุดทาง Sanook! Music ก็มีโอกาสได้พูดคุยกับวง Pause ซึ่งสมาชิกเองก็มาพร้อมเรื่องราวที่น่าสนใจของเพลง “รักจริงจัง” เเละเรื่องราวเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงทางดนตรีของวง ซึ่งงานนี้นอกจากผมจะได้รู้จักนักร้องนำคนใหม่อย่าง เฟ้น มากขึ้นเเล้ว ยังได้เรียนรู้เรื่องราวการทำงานของ 3 สมาชิกดั้งเดิม เอ - พลกฤษณ์ วิริยานุภาพ (กีตาร์), นอ - นรเทพ มาแสง (เบส) และ บอส - นิรุจ เดชบุญ (กลอง) อย่างเป็นกันเองด้วย 

 

จากซ้ายไปขวา นอ นรเทพ, บอส นิรุจ, เฟ้นท์ - ประภาพ และ เอ พลกฤษณ์ 

 

จุดเริ่มต้นเพลง “รักจริงจัง” ที่กลายเป็นโปรเจ็คอันน่าจดจำ

ในผลงานเพลง “รักจริงจัง” นั้น นอกจากจะมีการเปลี่ยนซาวด์ให้มีความสนุกสนานแล้ว ผลงานเพลงนี้ทางวงยังได้ร่วมงานกับรายการ The Face Men Thailand ในการทำมิวสิควิดิโอด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ฮือฮามากเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา

นอ : "เพลงนี้ทางคุณ ฟองเบียร์ - ปฏิเวธ อุทัยเฉลิม ผู้บริหารค่ายเพลง ME Records เขาได้แต่งขึ้นมาให้พวกเราครับ และเป็นช่วงที่พวกเราต้องมีซิงเกิ้ลใหม่ หลังจากปล่อยเพลง “แค่ได้เป็นคนสุดท้ายที่เธอคิดถึง” มาหนึ่งปีพอดีครับ ก็เป็นเพลงที่เหมาะกับเรา และจังหวะตอนนั้นเราก็ทำให้เราได้ร่วมงานกับทางรายการ The Face Men Thailand ด้วย เพื่อคัดเลือกผู้ชนะที่จะได้แสดงมิวสิควีดีโอเพลง “รักจริงจัง”  ครับ 

การเข้าร่วมรายการก็เป็นประสบการณ์แปลกใหม่มาก ตอนแรกก็กังวลเพราะรายการคนดูเยอะ และทางวงเองก็ไม่เคยเลือกนักแสดงมิวสิควีดีโอเองมาก่อน และเป็นครั้งแรกที่เราได้ทำอะไรแบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้เราไม่เคยมีเอ็มวีที่มีเรื่องราวแบบนี้ เอ็มวีตัวเอง “แค่ได้เป็นคนสุดท้ายที่เธอคิดถึง” ก็เป็นเฟ้นท์เล่นเองครับ 

ผลงานซิงเกิลนี้พวกเราอยากให้เป็นตัวเเทนของวงในยุคใหม่ที่ต่างจากเดิม มีมือคีย์บอร์ดและทีมงานเข้ามาร่วมงานจนทำให้ดนตรีมีความสดใสมากขึ้น มันจะต่างจากเพลง “แค่ได้เป็นคนสุดท้ายที่เธอคิดถึง” ที่ทางวงจะอิงดนตรีแบบเก่าที่เน้นความเรียบง่าย"

 

 

ความประทับใจกับรายการ The Face men

 

นอ : "เพลงนี้น้อง ฟิลลิปส์ ทินโรจน์ เขาก็แสดงได้ดีและทำให้พวกเราเชื่อว่าเขาอยากขอแต่งงานจริงๆ ครับ คือนักแสดงทุกคนนอกจากรูปร่างหน้าตาแล้ว หลายคนก็มีความสามารถ คือพวกเราตอนแรกก็เลือกไว้หลายคนเลยครับ  อีกอย่างตอนที่ถ่ายทำรายการผม ได้พูดคุยกับคุณ ลูกเกด เมทินี กิ่งโพยม ด้วย เขาเคยเขียนขอเพลง “ดาว” ตอนที่ผมเล่นดนตรีด้วยที่ Brown Sugar RCA ซึ่งเป็นร้านนั่งชิลล์ที่โด่งดังมากสมัยก่อน วันที่ถ่ายรายการคุณลูกเกดก็บอกว่า เขาจำวันที่เขียนเพลงโน้ตได้ ก็รู้สึกประทับใจมากครับ"

 

ลูกเกด เมทินี และ นอ นรเทพ

 

การทำงานแบบไม่คาดหวังอัลบั้ม

 

นอ :  "ตอนแรกที่ปล่อยเพลงมีกระแสตามมาจากรายการเยอะ อย่างแฟนคลับของฟิลลิปส์ แต่พอปล่อยออกมาเรื่อยๆคนก็ชมความไพเราะของเพลงมากขึ้น เวลาไปเล่นต่างจังหวัดคนก็ร้องได้ครับ  ส่วนเรื่องอัลบั้มพวกเรายังไม่ได้วางแผนครับ เพราะเราก็ทำหน้าที่ปล่อยซิงเกิ้ลไปเรื่อยๆ ถ้ากระแสดีทางค่ายอาจจะมีแพลนทำเป็นอัลบั้มออกมาครับ"

 

การร่วมงานแบบประคองกันไปของน้องใหม่และสมาชิกเดิม

ซิงเกิลเพลง “รักจริงจัง”  นั้นเป็นผลงานที่สองที่นักร้องนำคนใหม่อย่าง เฟ้น ได้ถ่ายทอดในฐานะนักร้อง ซึ่งทางเราก็มีโอกาสได้ถามเฟ้นท์ถึงการทำงานกับรุ่นพี่ในวงด้วย 

เฟ้นท์ : "ผมเคยมีโอกาสทำเพลง ก่อนมาร่วมงานกับวง Pause ครับ แต่พอมาทำงานกับพี่ๆ การทำงานก็ไม่ยาก เพราะเขามีแพลนการทำงานอยู่แล้ว การทำงานของพวกเราจะเป็นการผสมผสาน บางทีผมก็เรียนรู้จากพี่ๆในวงเรื่องการตีความเพลง ตอนแรกผมทำงานก็กดดันบ้าง เพราะมีคนคอมเม้นท์เปรียบเทียบ แต่อยู่กับพี่ๆเเล้วไม่กดดัน และไม่เครียดครับ" 

นอ : "การทำงานของวงจะเป็นการผสมผสานความใหม่และเก่าครับ พวกผมบางอย่างก็ต้องการความคิดใหม่ๆของน้อง รวมถึงการดีไซน์เสียงร้อง พวกผมก็ให้น้องออกแบบเอง เพราะน้องเขามีความรู้ด้านนี้มากกว่าพวกเรา แต่บางทีเราก็แนะนำเรื่องการทำงาน หรือการตีความเพลงน้องเฟ้นท์บ้าง การทำงานของวงจะเป็นการประคองกันไปครับ"

 

 

ความชื่นชอบในดนตรียุคเก่าของเฟ้น

 

เฟ้นท์ : "ผมโตมากับคนที่ชื่นชอบดนตรียุคเก่าครับ อย่างเช่นพี่ๆที่เคยเล่นดนตรีด้วยกัน รวมถึงเพลงของวง Pause และเพลงที่พี่โจ้ร้องกับคุณ ชรัส เฟื่องอารมย์ ผมมองว่าเพลงเก่าๆความหมายมันดีครับ เวลาไปเล่นร้านสมัยก่อนก็จะเน้นร้องเพลงเก่าๆ ใครมาขอเพลงใหม่ ผมก็บอกว่าผมเล่นไม่ได้ครับ (หัวเราะ) สำหรับผมภาษาและดนตรีสมัยก่อน สื่อสารง่ายมากครับ ศิลปินเขาใช้จิตวิญญาณในการร้องจริงๆครับ"

 

 

วง Pause ในยุค 2017 ที่ไม่เหมือนเดิม

 

นอ : "ตอนนี้พวกเราไม่ใช่วงเดิมแล้วครับ คือพวกเราไม่เหมือนตอนอายุ 20 เพราะพวกเราหายไปนาน แต่ได้กลับมาเล่นดนตรีด้วยกัน คือการทำงานมันเปลี่ยนไปมาก ถึงแม้จะใช้ชื่อวงเดิมครับ คือในปัจจุบันความคิดหลายอย่างเปลี่ยนไป การเปลี่ยนแปลงและรสนิยมเราก็เปลี่ยนไป การทำงานเพลงของพวกเรามีซาวด์ที่มีชีวิตชีวามากขึ้น โดยมีเพลง “แค่ได้เป็นคนสุดท้ายที่เธอคิดถึง” เป็นช่วงรอยต่อคือพวกเราไม่ได้พยายามจะฉีกแนว หรือตั้งใจทำเพลงเหมือนเดิม มันเป็นยุคสมัยที่เปลี่ยนไปที่ทำให้มุมมองพวกเราที่มีต่อดนตรีมันโตขึ้นและเปลี่ยนไปบ้าง" 

 

ภาพโปรโมตจากเพลง  “แค่ได้เป็นคนสุดท้ายที่เธอคิดถึง”

 

ชีวิตหลายบทบาท ของสมาชิกวง Pause  

 

บอส : "การทำงานพวกเราจะให้ความสำคัญกับวงเป็นอันดับแรกครับ งานอื่นจะรองไป การแบ่งงานก็ไม่ยาก คืองานวงเราไม่ได้มีทุกวัน เราก็พอจัดได้ครับ อย่างผมเองมีครอบครัวบางวันก็ไปรับส่งลูกเอง คือพวกเราอายุ 40 กันแล้ว การแบ่งเวลาไม่ใช่เรื่องยากที่สุดครับ

ผมเองก็รับหน้าที่ผู้จัดการวงมาด้วย ตอนแรกก็รู้สึกว่ามันยากมาก (หัวเราะ) และไม่รู้ด้วยซํ้าว่าต้องทำอะไร แต่โชคดีว่าเทคโนโลยีมันง่าย เลยสามารถลงบันทึกงานและส่งให้ทุกคนได้ แต่มันยากเรื่องการนัดคนเวลาไปทำงาน เพราะนอกจากสมาชิกแล้ว บางทีต้องนัดทีมงานเบื้องหลัง ในการจัดเครื่องเสียงทั้งหมด แต่ทุกคนเป็นผู้ใหญ่แล้ว การทำงานเลยง่าย พอตอนนี้เฟ้นท์เข้ามาก็ให้น้องมาช่วยทำด้วย (หัวเราะ) ก็ไม่เหนื่อยคนเดียวแล้วครับ (หัวเราะ)"

นอ : "บอสเขาจะลงตารางในมือถือให้ทุกคนครับ ว่าพวกเรามีงานเวลาไหนบ้าง คืองานนี้ต้องให้คนในวงทำเอง เพราะต้องเป็นคนไว้ใจได้ คาแร็คเตอร์ของบอส จะเหมาะกับงานนี้ที่สุดครับ เพราะการทำวงดนตรีวงหนึ่ง พวกเราไม่ได้เเค่เล่นดนตรี มันต้องมีการจัดการเรื่องเพลง และ ของที่ระลึก การเดินทางและคิวงานต่างๆครับ 

สมาชิกในวงเองส่วนใหญ่ก็ทำงานที่เป็นงานส่วนตัว การแบ่งเวลาเลยไม่ใช่เรื่องยากครับ เพราะพวกเราสามารถกำหนดการทำงานทุกอย่างได้เกือบทุกอย่างครับ อย่างเช่น ตอนนี้ผมก็พยายามเขียนหนังสืออยู่ เพราะมีแฟนเพลงเรียกร้องและทางค่ายเองก็สนับสนุน ตอนนี้ผมลองพยายามเขียนอยู่ วันไหนมีอารมณ์ก็เขียน วันไหนไม่อยากเขียนก็เอาเวลาไปทำอย่างอื่นครับ"

 

เคล็ดลับความยั่งยืนจากทฤษฎีรถขายไก่ 

 

นอ : "พวกเราเองก็ไม่ทราบเหมือนกันครับว่าทำไมอยู่ได้นาน เพราะในด้านความสามารถมันก็มีคนที่เก่งกว่าเราหลายคน แต่ถ้าให้ตอบก็คงเป็นเรื่องการทำไปเรื่อยๆ และไม่หยุดครับ ตามทฤษฎีรถขายไก่ครับ ที่มีรถคันหนึ่งขายทุกวันแล้วลูกค้าเยอะมาก ซึ่งเคล็ดลับเขาไม่มีอะไรเลย นอกจากการยืนหยัดไม่ไปไหน ขายทุกวันจนทำให้คนที่ตอนแรกไม่ซื้อ ตัดสินใจมาลองซื้อกินดูครับ คือถ้าเราทำไปเรื่อยๆ วันนึงเขาก็มาฟังผลงานเรา เลยทำให้วงมีกระแสและมีผลงานออกมาเรื่อยๆครับ"

 

เอ : "อีกอย่างที่พวกเรามีก็คือความสามัคคีครับ เพราะบางวงศิลปินออกเพลงแรกแล้วทะเลาะกันจนเลิกก็มีครับ มันมีศิลปินหลายคนมากที่สร้างสิ่งดีๆขึ้นมา แล้วก็ปล่อยให้ความขัดแย้งมาทำลายทุกอย่างครับ"

 

 

องค์ประกอบทำให้วง Pause เป็นตำนาน

 

เอ : "เสียงของโจ้ครับ เพราะหลายคนจดจำเสียงที่กินใจของเขา แต่ตอนนี้ก็คงเป็นเฟ้นท์ เพราะหลายคนเริ่มยอมรับน้องเขาแล้วและต้องขอบคุณทุกคนที่นำเพลงของวงไปเล่นตามที่ต่างๆ ด้วย จนทำให้เพลงมันดังมาถึงปัจจุบัน"

นอ : "สำหรับผมผมมองว่ามันเป็นทุกองค์ประกอบรวมกันเลยครับ ทั้งเสียงของโจ้ ผลงานเพลงที่มีคุณภาพ รวมถึงแฟนเพลงและเพื่อนนักดนตรีที่ยังคงฟังเเละเล่นเพลงของเราอยู่ครับ ต้องขอบคุณทุกคนจริงๆครับ"

 

 

การกลับมาพร้อมผลงานเพลง “รักจริงจัง” ทำให้แฟนเพลงได้เห็นทิศทางใหม่ที่ต่างออกไปของวง Pause ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เมื่อประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ จะทำให้ผลงานเพลงของศิลปินนั้นเปลี่ยนไปด้วย โดยแฟนๆ ที่ชื่นชอบผลงานเพลงฮิตในปัจจุบันของวง Pause และผลงานในอดีตที่อยู่ในความทรงจำของแฟนเพลง สามารถฟังผลงานของวงได้ที่เพลย์ลิสต์ Best of Pause ได้เลยครับ 

Story : Sidhipong W.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook