(รีวิว) ในค่ำคืนที่เซ็ตลิสต์ของหมาทันสมัย ไม่มีเพลง “บุษบา”
จะมีกี่สักวงดนตรีที่สามารถก้าวข้ามยุคสมัย ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่าน และยังยืนหยัดอยู่ในวงการดนตรีบ้านเราได้อย่างแข็งแกร่ง สง่างาม แน่นอนว่าต้องมีชื่อของ Moderndog อยู่ในลิสต์ดังกล่าวอย่างแน่นอน ระยะเวลา 23 ปีที่ หมาทันสมัย โลดแล่นอยู่ในแวดวงดนตรี พร้อมปรากฏการณ์มากมายที่ 3 สมาชิก ป๊อด-ธนชัย อุชชิน (ร้องนำ, กีตาร์), เมธี น้อยจินดา (กีตาร์) และ โป้ง-ปวิณ สุวรรณชีพ (กลอง) ได้สร้างเอาไว้ โดยเฉพาะการที่พวกเขาได้บุกเบิกดนตรีอัลเทอร์เนทีฟให้กลายเป็นที่รู้จักแก่คอดนตรีชาวไทยเมื่อครั้งที่อัลบั้ม เสริมสุขภาพ เมื่อปี พ.ศ. 2537 ออกวางจำหน่าย ชีวิตของใครหลายคนก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ท่ามกลางกระแสแห่งโลกอนาล็อกที่ค่อยๆ โบกมือจากลา พร้อมทั้งการก้าวเข้ามาของยุคดิจิตัลอย่างเต็มตัว สำหรับวงการเพลง เทคโนโลยีทำให้ ‘ทุกคน’ กลายเป็นศิลปินได้ โลกออนไลน์กลายเป็นช่องทางสำคัญในการเผยแพร่ผลงาน ศิลปินยุคก่อนหน้านี้อาจต้องมีการปรับตัวบ้างไม่มากก็น้อย เพื่อให้ยังคงสามารถทำในสิ่งที่พวกเขาหลงใหลออกมาสู่คนฟังได้เช่นเดิม
แล้ว Moderndog ล่ะ?
คำตอบคงหนีไม่พ้นสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 6 อย่าง ป๊อด/โป้ง/เมธี ที่ปล่อยออกมาเมื่อปีที่แล้ว พวกเขายังตั้งอกตั้งใจผลิตผลงานในรูปแบบอัลบั้มเต็มเฉกเช่นที่ผ่านมา แม้จะมีการปรับกลยุทธ์ในการโปรโมตให้เข้ากับยุคสมัยอยู่บ้าง แต่ตัวตนอันแตกต่าง ชัดเจน และก้าวเดินที่นำหน้าผู้อื่นเสมอยังคงไม่แปรเปลี่ยน
ค่ำคืนของวันอังคารที่ 19 ธันวาคม 2560 ณ ร้าน PLAY YARD by Studio Bar ลาดพร้าวซอย 8 ค่ำคืนซึ่งงานที่มีชื่อว่า “โม • เดอ • เน็ต • ม้า” จะระเบิดความมันขึ้น โดยมี Moderndog เป็นวงไฮไลท์ ร่วมด้วยวงเปิดอย่าง ร้อยแรงม้าแบนด์, Safeplanet และ De Flamingo หลายคนอาจจะรู้สึกว่า ดูโชว์ของหมาทันสมัยมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง คอนเสิร์ตใหญ่ก็มีมาให้ชมกันอยู่เป็นระยะ (ล่าสุดกับ Moderndog 22 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา) จะมีอะไรแปลกใหม่มาให้รับชมกันหรืออย่างไร
แต่หากเราจะบอกว่า นี่คือโชว์ที่หาดูได้ยากของ Moderndog ล่ะ… ทำไมน่ะเหรอ? ก็เซ็ตลิสต์ที่พวกเขาเลือกมาไร้ชื่อของ “บุษบา”, “…ก่อน”, “ติ๋ม”, “บางสิ่ง”, “ขอบคุณ” ซึ่งทุกคนต่างก็รู้ดีว่าฮอตฮิตขนาดไหนในหมู่นักฟังเพลง และสร้างความตื่นเต้นให้กับการแสดงสดในครั้งนี้ด้วยเพลง Side B ที่ไม่สามารถหาดูได้ตามร้านรวงหรือมิวสิคเฟสติวัลโดยทั่วไป
น่าเสียดายที่เราเดินทางมาดู ร้อยแรงม้าแบนด์ และ Safeplanet ไม่ทัน ส่วน De Flamingo กำลังจะเริ่มต้นโชว์ของพวกเขา บอกตามตรงว่า เรามีโอกาสได้ชมการแสดงสดของวงดนตรีแห่งค่าย What the Duck วงนี้มาแล้วบ่อยครั้ง จึงค่อนข้างคุ้นชินกับการไล่เรียงเพลงในโชว์พอสมควร ซิงเกิลอย่าง “ยัง”, “กลัว”, “ฟังก่อน” รวมถึงเพลงแจ้งเกิดอย่าง “รั้น” และ “คนสำคัญ” ก็ได้ฟังกันครบถ้วนเช่นเดิม ส่วนเพลงคัฟเวอร์ผลงานจากเจ้าของงานเมื่อคืนนี้อย่าง “บุษบา” เราก็เคยฟังเคยชมแล้วเช่นกัน แต่ที่แอบเซอร์ไพรส์ก็คือ “อยู่ต่อเลยได้ไหม” ออริจินัลเวอร์ชั่นโดย สิงโต นำโชค และ “แค่เพียง” ผลงานจาก Yellow Fang ที่ 4 หนุ่ม โบนัส-จา-ปอม-บีม สร้างสรรค์ไลน์ดนตรีออกมาได้เท่ทีเดียว
De Flamingo
น่าจับตาพัฒนาการการเล่นสดของ De Flamingo อยู่ไม่น้อย ทีมเวิร์กของพวกเขาเริ่มแข็งแกร่ง จัดจ้าน และคมขึ้น เช่นเดียวกับเสน่ห์บนเวทีของฟร้อนต์แมนอย่าง โบนัส ก็มีความแพรวพราวและเอาอยู่มากขึ้น แม้จะมีปัญหาเรื่องกีตาร์ของ ปอม ที่ติดๆ ดับๆ อยู่บ้าง แต่โดยรวมเรารู้สึกว่า De Flamingo เริ่มพิสูจน์ตัวเองในการเป็นวงดนตรีรุ่นใหม่ที่พูดได้เต็มปากว่าเป็น ‘ตัวจริง’ มากกว่าจะเป็นวงดนตรีขายแค่ลุคอย่างที่ใครหลายคนคิด
เวลาล่วงเลยถึงเที่ยงคืน (ช้ากว่ากำหนดการที่ประกาศออกมาไปร่วมชั่วโมง) แต่พื้นที่ภายในร้าน PLAY YARD by Studio ยังคงเนืองแน่นไปด้วยแฟนด็อกพันธุ์แท้ร่วม 200 คนที่ยังคงรอลุ้นว่า คืนนี้จะได้ฟังเพลงอะไรจาก Moderndog บ้าง ภาพอันคุ้นชินของทีมเทคนิเชียนที่สวมเสื้อกั๊กสีส้มสดยืนเรียงรายอยู่บนเวที รอเสียงเคาะระฆังความเดือดจะเริ่มต้นเสียที
Moderndog
ป๊อด, โป้ง และ เมธี ก้าวขึ้นสู่เวทีท่ามกลางเสียงโห่ร้องดีใจของแฟนๆ ที่อยู่ด้านล่าง ประเดิมความคึกคักด้วย “ขอบคุณ โชคดี” และ “แดดส่อง” ที่ทำเอาเราน้ำตารื้น โดยเฉพาะเพลงหลังหากไม่ใช่คอนเสิร์ตใหญ่ก็ไม่รู้จะไปหาฟังจากที่ไหนได้ พร้อมด้วยเสียงร้องตามดังกระหึ่มจนไม่รู้สึกว่าบทเพลงเหล่านี้อยู่หน้า B แม้สักนิด ถึงขนาด ป๊อด อุทานผ่านไมโครโฟนว่า “ว้าว ซาบซึ้งมากๆ” หลังจบเพลงกันเลยทีเดียว
ต่อด้วย “วันนี้เมื่อปีก่อน” ที่ยังคงโดดเด่นด้วยจังหวะจะโคน กับเนื้อหาที่โดนใจเอามากๆ ก่อนจะกลับเข้าสู่โหมดเดือดกันสองเพลงติดกับ “ลอยมา ลอยไป” และ “รูปไม่หล่อ” ที่พาคนดูโดดกันยับ พักเบรกด้วยเพลงในดวงใจของใครหลายคนอย่าง “ที่จริงในใจ” ที่เสียงคนดูดังสนั่นอีกครั้ง ต่อด้วยอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์อย่าง “อีสานคลาสสิค” และ “Happiness is…..” ที่ทำเอาป๊อดอึ้งอยู่ไม่น้อย เพราะแม้จะเป็นเพลงบรรเลง แต่ผู้ชมต่างก็ส่งเสียงร้องตามเมโลดี้กันอย่างพร้อมเพรียง ณ ตอนนี้เราแอบเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของป๊อดที่เรารู้สึกได้จริงๆ ว่า เขาคงรู้แล้วว่า ‘ความสุข’ คืออะไร
ระอุกันต่อเนื่องด้วย “เวตาล”, “นิยาย” และ “โอน้อยออก” ที่ค่อยๆ ไต่ระดับความพีคสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ช่วงสุดท้ายของโชว์ก็มีทั้ง “สิ่งที่ไม่เคยบอก”, “ทบทวน”, “มา” อีกทั้งหมาทันสมัยยังแถมเพลงฮิตตลอดกาลอย่าง “ตาสว่าง” ที่แอบเอาเนื้อร้องเพลง “สกาล่า” มาแจมในช่วงท้ายเป็นการส่งคนดูกลับบ้าน พร้อมความรู้สึกที่พื้นของร้านสะเทือนเนื่องจากทุกคนพร้อมใจกันกระโดดในท่อนฮุก… ทั้งปลื้มปริ่ม มีความสุข ในตอนนั้นเราไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลย
หากไม่นับ “ตาสว่าง” อีก 13 เพลงที่เหลือนับเป็นเพลง Side B ของ Moderndog ที่หากพูดกันตามตรงก็คือ ไม่ได้โด่งดังในวงกว้างมากนัก แต่สำหรับงาน “โม • เดอ • เน็ต • ม้า” แล้ว บทเพลงเหล่านี้กลายเป็นเพลงฮิตของทุกคนในงานอย่างแท้จริง ไม่มีช่วงเวลาไหนเลยที่คนดูยืนชมแบบนิ่งๆ แม้กระทั่งเพลง “Happiness is…..” ยังส่งเสียงโห่ร้องกึกก้อง
ก่อนรับชมไม่ได้คาดหวังกับเรื่องซาวนด์มากนัก เนื่องด้วยพื้นที่ของร้านที่ค่อนข้างเล็ก อาจส่งผลต่อสิ่งที่คนฟังได้ยินอยู่บ้าง แต่บอกเลยว่ากลับยอดเยี่ยมเกินความคาดหมาย (แม้ย่านเสียงแหลมจะมีบทบาทเด่นกว่าย่านอื่นๆ ในบางช่วงก็ตาม) ยิ่งเมื่อผสานกับระบบแสงที่ทีมงาน Moderndog จัดเตรียมมาเอง ก็ยิ่งทำให้ทุกองค์ประกอบบนเวทีนั้นลงตัวเอามากๆ
แม้ว่าอายุของสามสมาชิก ป๊อด, โป้ง และ เมธี จะเพิ่มมากขึ้นตามกาลเวลา แต่ไม่น่าเชื่อว่าตลอดหนึ่งชั่วโมงของโชว์พลังงานของพวกเขาไม่ลดน้อยถอยลงเลย เอเนอร์จี้ของ ป๊อด ยังคงล้นเหลือ สรรพเสียงจากกีตาร์ของ เมธี ยังเต็มไปด้วยเสน่ห์ ส่วนกระดูกสันหลังของวงอย่าง โป้ง ก็ทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยมเช่นเคย ถึงจะเป็นเพลงที่แทบไม่ค่อยมีโอกาสได้เล่นด้วยกัน แต่นี่คือ ‘เพื่อน’ ที่เล่นดนตรีด้วยกันมา 23 ปี แค่มองตาก็ไม่แปลกที่จะรู้ใจ และที่สำคัญ เราแอบเห็นแววตาและรอยยิ้มเปื้อนใบหน้าของนักร้องนำของวงอย่าง ป๊อด ตลอดเวลา ราวกับว่า คงไม่ได้คาดคิดเช่นกันว่า จะมีคนรู้จักและร้องตามบทเพลง Side B ที่อาจจะเลือนหายไปตามกาลเวลาได้มากมายขนาดนี้ ในขณะเดียวกัน พวกเขาอาจอยากจะเก็บความทรงจำของเมื่อคืนนี้เอาไว้ เพราะคงรู้ดีว่า คงไม่มีโอกาสได้เล่นเพลงเหล่านี้บ่อยเท่าใดนักอยู่แล้ว
ย้อนกลับไปที่ประโยคที่ว่า ในค่ำคืนที่เซ็ตลิสต์ของหมาทันสมัย ไม่มีเพลง “บุษบา” มันจะออกมาเป็นเช่นไร โชว์จะยังสนุกไหม มันไหม ทุกคนที่อยู่ด้วยกันเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาคงรู้คำตอบอยู่ในใจ รวมถึงข้อสงสัยที่ว่า Moderndog จะยังคงครองใจนักฟังเพลงรุ่นใหม่ได้หรือไม่ ภาพที่เห็นเมื่อคืนคือคอดนตรีทุกรุ่นไปรวมตัวกัน ร้องเพลงด้วยกัน กระโดดไปด้วยกัน และสำหรับเรา ไม่ว่า Moderndog จะเลือกหยิบเพลงไหนมาเล่น เพลงฮิต ไม่ฮิต ทดลองสุดโต่ง หรือแมสสุดทาง Moderndog ก็ยังคือ Moderndog วันยังค่ำ และความรักที่มีต่อวงดนตรีวงนี้ก็ยังไม่เสื่อมคลาย ไม่ว่าจะเวลาจะผ่านมา 23 ปี หรือจะผ่านไปกี่ยุคสมัยก็ตาม
Story by: Chanon B.