"เปอติ๊ด ญาดา" เมื่อคราบน้ำตาจากความรัก จุดประกายมินิอัลบั้มแรกในชีวิต
ในปี 2017 นั้นเป็นอีกปีที่มีศิลปินหน้าใหม่แจ้งเกิดเป็นจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนัั้นก็คือ เปอติ๊ด - ญาดา โกเมศ นักร้องสาวสุดเท่จากเวที The Voice ซีซั่น 4 ซึ่งหลังจากที่ปล่อยซิงเกิลเพลง "AI" ออกมาให้แฟนเพลงได้ฟังในเดือนกันยายนปี 2017 ล่าสุดเธอก็มาพร้อมมินิอัลบั้มชุด High Soul และเอ็มวีตัวที่สองอย่างเพลง "Next" ในเดือนพฤศจิกายน
โดยการร่วมงานของ เปอติ๊ด กับค่ายเพลง Smallroom นั้นเริ่มต้นจากการชักชวนของ นะ - รัตน จันทร์ประสิทธิ์ นักร้องนำวง Polycat ซึ่งหลังจากที่ทำงานเพลงมาเกือบปี ผลงานมินิอัลบั้มชุด High Soul ก็ถูกปล่อยออกมาให้แฟนๆได้ฟังกันในที่สุด
ล่าสุดหลังจากที่ผลงานอัลบั้มชุด High Soul ได้ถูกวางขาย ทาง Sanook Music เองก็มีโอกาสได้สัมภาษณ์ เปอติ๊ด ถึงเบื้องหลังการทำงานในอัลบั้ม รวมถึงความฝันในการโกอินเตอร์ของเธอด้วย
เพลง “Next” จากชีวิตจริงที่เป็นภาคต่อของซิงเกิลแรก
“เพลงนี้เหมือนเป็นภาคต่อของเพลง “AI” ค่ะ เพลงแรกจะมีเนื้อหาด่าคนรัก ส่วนเพลงนี้จะพูดถึงเหตุการณ์ก่อนที่จะเจอคนรักใหม่ เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งเราร้องไห้เพราะแฟนเก่า แล้วแฟนเก่าถามว่า “ร้องไห้เพราะเสียดายผู้ชายอย่างเขาเหรอ” เราก็ตอบกลับไปว่า "ไม่ใช่ เพราะคนรักดีๆเราหาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เสียดายความทรงจำดีๆที่ผ่านมามากกว่า" ก็เลยอยากทำเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ขึ้นมา
ผลงานเพลงนี้การทำงานเหมือนเพลงที่ผ่านมาเลย เพราะทำออกมาพร้อมๆกัน เนื้อหาทุกอย่างก็มาจากชีวิตจริงเรา แต่จะยากหน่อยเพราะมันเป็นเพลงช้า ซึ่งเพลงอื่นจะเร็วๆ เพลงนี้ก็ได้พี่ นะ Polycat มาร่วมเขียนด้วย การทำงานกับพี่เขาก็สนุกมากเพราะเวลาเปอมีไอเดียอะไร พี่เขาจะเข้าใจโดยทันที มันเหมือนทำงานกับตัวเองอีกคนหนึ่งเลย”
มิวสิควีดิโอ ที่กำกับด้วยตัวเอง
“เอ็มวีเพลงนี้เปอติ๊ดกำกับเอง เลือกนักแสดงเองหมดเลย อยากให้มันใกล้เคียงกับชีวิตจริง ว่าเวลาเราหาแฟนใหม่บางทีในใจเราก็ยังนึกถึงคนเก่าอยู่ค่ะ พอปล่อยเอ็มวีเพลงนี้ก็กระแสดีมาก เวลาไปเล่นที่ไหนคนก็ร้องตามได้ คือจริงๆแล้วผลงานเพลงเปอติ๊ดกระแสดีมากตั้งแต่ซิงเกิลแรก “AI” ที่ขึ้นอันดับ 1 ชาร์ต Cat Radio และที่ปล่อยเพลง "Next" ออกมาเพลงนี้ก็ติดชาร์ต Cat Radio เหมือนกัน”
อัลบั้ม High Soul ที่ทำให้ทุกคนเเตะต้องตัวเปอติ๊ดได้ง่ายขึ้น
“มินิอัลบั้มชุดนี้ใช้เวลาทำตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว จะใช้เวลาทำนานหน่อยเพราะพี่นะ งานเยอะมาก ต้องทำอัลบั้มภาษาญี่ปุ่น การหาเวลามาเจอกันมันยาก แต่พอทำเพลงกับพี่เขาเสร็จตอนนั้นก็ดีใจมาก คือในเวลาปีเดียวฝันเราเป็นจริงในที่สุด
ผลงานอัลบั้มนี้ เปอติ๊ดใส่ความเป็นตัวเองไปเยอะมาก เป็นผลงานที่ทำให้ทุกคนแตะต้องตัวเปอติ๊ดได้มากขึ้น ผ่านตัวอัลบั้มนี้ เพราะตอนแรกที่เเข่ง The Voice Thailand มันเป็นรายการสั้นๆ คนจะคิดว่าเราเป็นคนเรียบร้อย แต่ตัวตนจริงๆจะเป็นคนห้าวๆดิบๆหน่อย ไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อย ก็จะมีคนที่เห็นผลงานเพลงแล้วตกใจ เพราะคิดว่าเราเปลี่ยนไป แต่จริงๆเราเป็นคนเดิมค่ะ
ในอัลบั้มนี้เพลงที่ยากสุดคือเพลง “It’s Complicated” เพราะอยากให้มีท่อนแร็ป แต่ตัวเราเเร็ปไม่เป็น (หัวเราะ) อีกอย่างเพลงนี้พี่นะไม่ได้มาช่วยเขียนในตอนแรก คนที่ช่วยในตอนแรกจะเป็นพี่ แมว - ชยานนท์ เครือเอี่ยม มือกลองวง The Jukks ทำให้ตอนที่แต่งเพลงนี้แรกๆมันเครียดมาก โชคดีว่ามีอยู่วันหนึ่งพี่นะแวะมาที่ค่ายพอดีก็เลยได้มาช่วย ผลงานเพลงนี้ก็มาจากชีวิตจริงเพื่อนเปอติ๊ดที่อยู่ในความสัมพันธ์ที่ไร้สถานะ ในอนาคตก็อาจจะมีเอ็มวีเพลงนี้ตามมา เพราะหลายคนก็ชอบเพลงนี้มากค่ะ
เพลงในอัลบั้มชุดนี้ที่เปอติ๊ดได้ตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษหมดเพราะว่า ใจหนึ่งอยากโกอินเตอร์ด้วย และอยากให้คนเสิร์ชหาฟังเพลงเราได้ง่ายๆ แล้วเราก็ชอบที่คำภาษาอังกฤษหนึ่งคำ สามารถตีความได้หลายแบบ อย่างชื่อเพลง "Blanket" ถ้าเป็นภาษาไทยก็แปลว่าผ้าห่มอย่างเดียว แต่ถ้าเป็นภาษาอังกฤษก็สามารถตีความได้ว่า เป็นการอยู่ด้วยกันของคนรักก็ได้ค่ะ”
แพลนการทำเพลงสากล
“ตอนนี้ตั้งใจจะคุยกับพี่ รุ่ง - รุ่งโรจน์ อุปถัมภ์โพธิวัฒน์ เจ้าของค่าย Smallroom ถึงการทำเพลงสากล เพราะวง Polycat เองก็ได้ทำงานที่ญี่ปุ่นแล้ว และพี่ๆเขาเอาเพลงเปอไปเปิดที่นั่้นด้วย จนมีดีเจชาวญี่ปุ่นซื้อลิขสิทธิ์เพลงเราไปทำ Remix ก็เลยรู้สึกอยากลองโกอินเตอร์ อยากไปแสดงที่ต่างประเทศ มันเป็นความฝันอีกขั้นของเปอติ๊ดเลยหลังจากที่ได้ทำอัลบั้ม แต่การที่เราร้องเพลงสากลได้ดีก็ทำให้เรามีข้อจำกัดตอนร้องเพลงไทย แต่เดี๋ยวนี้การร้องเพลงไทยก็พัฒนาขึ้นเยอะมากแล้วค่ะ”
การทำเพลงแบบไร้ความกังวล ในแบบฉบับเปอติ๊ด
“เปอไม่เคยมีความรู้สึกกังวลเวลาทำงานเพลงเลยว่าคนจะชอบไหม อย่างการนำเสนอผลงานเพลงแนวใหม่ ก็มีความคิดว่าโลกใบนี้มันก็มีเพลงแนวใหม่ตลอดและคนเดี๋ยวนี้ก็เปิดรับอะไรง่ายขึ้น จริงๆก็เคยเห็นคนมาบอกว่าฟังเพลงเปอไม่รู้เรื่อง แต่เราก็คิดว่าเดี๋ยวเขาฟังไปสักพักอาจจะชินเอง เปอเป็นคนคิดว่าชีวิตเรามันสั้น ก็เลยจะพยายามไม่กังวลหรือคิดมากและทำสิ่งที่เราทำแล้วมีความสุข อย่างถ้ามีเวลาว่างจากการทำเพลงก็จะไปเที่ยวไปต่างจังหวัดดูธรรมชาติ เวลาเราได้อยู่กับตัวเองและชมธรรมชาติสงบๆ มันจะทำให้เราได้รู้จักตัวเองและได้เติมพลังชีวิตค่ะ”
มุมมองความรัก ที่ต่างจากค่านิยมสังคมทั่วไป
“สำหรับตัวเปอติ๊ดเอง เปอไม่ค่อยมีความคิดเรื่องความรักเหมือนคนอื่นที่ต้องแต่งงานมีลูก คิดว่ามันไม่เหมือนสมัยก่อนที่ทำงาน แต่งงานมีลูก แต่เราชอบทำงานและเที่ยว การมีความรักมันก็เป็นเรื่องที่ดีนะคะ แต่มันต้องเป็นความรักที่ไม่ทำให้เราเจ็บปวด คือถ้าต้องเจอความรักแบบนั้นอยู่เป็นโสดดีกว่า เปอไม่ได้ซีเรียสเรื่องความรักตามอุดมคติแต่งงานมีลูก คือในอนาคตก็คิดว่าอาจจะรับเด็กมาเลี้ยงค่ะ แต่ถ้าตอนนั้นยังเข้ากับเด็กไม่ได้เหมือนตอนนี้ ก็อาจจะเที่ยวรอบโลกแทน (หัวเราะ)”
อนาคตในวงการเพลง
“อนาคตอันใกล้คืออยากไปเล่นที่ต่างประเทศและมีเพลงสากลของตัวเอง คืออยากให้คนได้เห็นศักยภาพศิลปินไทย ถ้าไปเล่นคอนเสิร์ตก็อยากไปเที่ยวและเรียนภาษาเพิ่มเติมประสบการณ์ชีวิตด้วย ส่วนในอนาคตก็อยากร่วมงานกับศิลปินหลายคน อย่างเช่นในค่าย Smallroom ก็มีพี่ๆ Tattoo Colour ที่เปอโตมากับเพลงพี่ๆเขา”
ในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ ทาง Sanook Music เองก็มีโอกาสได้พูดคุยกับเปอติ๊ด ถึงรายการ The Voice Thailand ซีซั่น 6 ซึ่งในฐานะรุ่นพี่ เธอได้ฝากถึงผู้เข้าแข่งขันว่า “ใครที่มีโอกาสได้แข่งหรือประกวดร้องเพลง ก็ขอแนะนำว่าอย่ากดดันตัวเองค่ะ สมัยตอนที่แข่งเพื่อนเปอติ๊ดหลายคนก็กดดันตัวเองมากไป แต่เปอคิดว่าเราทำให้ดีที่สุดตามโจทย์ที่ได้รับดีกว่า คือถ้ายิ่งคาดหวังและกดดันมันอาจจะทำให้ความกังวลหลุดออกมา แทนที่จะได้แสดงเสน่ห์ความเป็นตัวเอง”
ถึงแม้ว่าจะเป็นศิลปินที่เพิ่งแจ้งเกิดเต็มตัวไม่นาน แต่เปอติ๊ดก็เป็นศิลปินที่มีแนวคิดการทำงานและการมองโลกที่น่าสนใจมาก ซึ่งสิ่งนี้ทำให้หลายคนจับตามองว่าในปี 2018 เธอจะมีผลงานหรือเซอร์ไพรส์อะไรออกมาให้แฟนเพลงได้ชมบ้าง
Story : Sidhipong W.