6 วงอินดี้ที่คุณอาจไม่รู้ว่าได้ชื่อมาจากหนัง
Bands from Film
ไม่น่าแปลกถ้าศิลปินหลายคนจะได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสักเรื่อง มันเต็มไปด้วยจินตนาการอันโอชะที่นำมาดัดแปลงหรือต่อยอดอะไรใหม่ๆ ให้กับดนตรีของตัวเองได้เสมอ บางวงก็ตั้งชื่อตามหนังไปเลยก็มี ไม่ว่าจะหนังเรื่องดังที่ทุกคนรู้จัก หรือหนังบางเรื่องที่เราอาจไม่รู้ว่าเคยมีอยู่บนโลกใบนี้ก็ได้ อย่างวง My Bloody Valentine ก็ได้ชื่อมาจากหนังสยองขวัญเกรด B หรือวง Mudhoney, Faster Pussycat และ Motorpsycho ก็น่าจะบอกได้เลยว่าพวกเขาน่าจะชอบหนังของผู้กำกับระดับตำนานอย่าง Russ Meyer มากๆ
บางวงยังได้ชื่อมาจากตัวละครในหนังเช่นวง Veruca Salt คือชื่อของยัยเด็กผู้หญิงเอาแต่ใจในหนังเรื่อง Willie Wonka & the Chocolate Factory ซึ่งพบกับชะตากรรมที่ไม่สวยหรูนักก็น่าจะอธิบายตัวตนของวงได้อย่างดี หรือวง Save Ferris ที่พูดถึงวันป่วงของๆ Ferris Bueller ในหนังคอมเมดี้สุดคลาสสิกอย่าง Ferris Bueller’s Day Off แถมมีวงที่ได้แรงบันดาลใจจากหนังสุดดังอย่าง James Bond ด้วยคือวง Pussy Galore ที่ตั้งชื่อตามสาวบอนด์ในภาค Goldfinger ถึงขนาดมีวงที่ใช้ชื่อภาคนี้เป็นชื่อวงอีกด้วยนะ นอกจากจะได้ฟังเพลงเจ๋งๆ แล้ว มันยังชักชวนให้เราไปตามหาหนังที่เป็นแรงบันดาลใจของพวกเขามาดูให้ได้ เพื่อเข้าถึงตัวตนของพวกเขามากขึ้นและเพื่อเปิดโลกมุมใหม่ๆ ในหัวเราไปพร้อมกัน เลยอยากชวนไปทำความรู้จักวงอินดี้อีก 6 วงที่ได้แรงบันดาลใจในการตั้งชื่อจากหนัง เพราะมันดีทั้งเพลงและหนังที่พวกเขาหลงใหลเลย
Duran Duran
ถ้าพูดถึงหนังเรื่อง Barbarella หลายคนอาจส่ายหัวไม่รู้จัก แต่ถ้าพูดถึงวง Duran Duran บางคนน่าจะอยากเต้นขึ้นมาทันที ใครจะรู้ว่าวงป็อปจากเกาะอังกฤษที่เป็นหนึ่งในวงที่ขับเคลื่อนแนวเพลง new wave ในช่วงยุค 80s วงนี้จะได้ชื่อมาจากหนังเหมือนกันจากเรื่อง Barbarella หนังไซไฟสุดคลาสสิคจากปี 1968 พูดถึง ‘บาบาเรลล่า’ นักสู้สาวผู้พิทักษ์จักรวาลที่ได้รับคำขอร้องจากประธานาธิบดีบนดาวโลกให้ไปช่วย Dr. Duran Duran ซึ่งเป็นผู้คิดค้นปืนเลเซอร์ทำลายล้างที่มีอำนาจสูงมาก โลกกังวลว่าถ้าตกไปอยู่ในมือคนผิดจะทำให้จักรวาลเกิดสงครามได้ บาบาเรลล่าจึงอาสาช่วยกอบกู้กาแล็กซี่ในครั้งนี้ให้ได้ แต่ความจริงแล้วด็อกเตอร์ดูแรนดูแรนมีแผนจะยึดครองกาแล็กซี่ต่างหาก บาบาเรลล่าจึงต้องเจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อที่สุดในจักรวาล ซึ่งชื่อวงก็มาจากตัวร้ายในหนังเรื่องนี้นั่นเอง ซึ่งถ่ายทอดความเจ้าเล่ห์และชั่วร้ายผ่านเพลงที่สนุกสนานและชวนโยกแบบนี้ออกมาได้อย่างแยบยล วงนี้ยังได้แรงบันดาลใจจากหนังอีกหลายเรื่องเลย ทั้งไซด์โปรเจกต์ของวงอย่าง A View to a Kill ก็ได้ชื่อมาจากหนึ่งในภาคต่อเจมส์บอนที่ Roger Moore เล่น
Noah and the Whale
พูดได้เต็มปากว่าหนังของ Wes Anderson คือแรงบันดาลใจชั้นดีให้กับใครหลายคนทั่วโลก ด้วยสไตล์การกำกับภาพอันมีเอกลักษณ์และเนื้อเรื่องสุดแปลกของเขา ถ้าจะมีวงดนตรีสักวงที่อยากเอางานของเขามาตั้งเป็นชื่อวงก็คงไม่แปลกใจ Noah and the Whale วงอินดี้โฟล์คจากลอนดอนก็ได้ชื่อมาจากการผสมกันของชื่อ Noah Baumbach นักเขียนบทคู่บุญของ Wes Anderson กับหนังที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตของโนอาห์อย่าง The Squid and the Whale ที่เขาเป็นคนกำกับเองด้วย เล่าเรื่องเด็กหนุ่มสองคนที่ต้องเผชิญหน้ากับการหย่าร้างของพ่อแม่ พวกเขาจะเก็บเกี่ยววัยเด็กและยึดเหนี่ยวความรักของพ่อแม่ต่อไปอย่างไรเมื่อทั้งโลกของเขาแตกเป็นสองเสี่ยง เป็นหนัง coming of age ที่อบอุ่นปนเศร้าเคล้าน้ำตามากๆ อยากให้วัยรุ่นทุกคนได้ดูหนังเรื่องนี้ และวงนี้น่าจะยังเป็นแฟนหนังแอนเดอร์สันตัวจริงแน่นอน สังเกตได้จากมิวสิควิดีโอหลายๆ ตัวของพวกเขาก็มักจะมีกลิ่นอายของหนังแอนเดอร์สันอยู่เสมอ
Godspeed You! Black Emperor
วงอินสทรูเมนทัลร็อคจากแคนาดาที่ใครเห็นชื่อวงนี้ครั้งแรกก็อาจจะแปลกใจเหมือนกันๆ ว่าได้มาอย่างไร จริงๆ มันคือชื่อภาษาอังกฤษของหนังสารคดีขาวดำของญี่ปุ่นที่มีชื่อดั้งเดิมว่า ゴッド・スピード・ユー! BLACK EMPEROR ซึ่งออกฉายในปี 1976 โดยผู้กำกับ Mitsuo Yanagimachi ซึ่งเล่าเรื่องเด็กแว้นในแก๊ง ‘Black Emperor’ ที่มีอยู่จริงและสร้างเรื่องปวดหัวอยู่บนท้องถนนญี่ปุ่นจริงๆ โดยหนังตามติดชีวิตของวัยรุ่นคนหนึ่งในแก๊งที่มีปัญหากับตำรวจจนลำบากถึงครอบครัว ซึ่งหนังก็พาเราลงไปสำรวจบรรยากาศของชีวิตวัยรุ่นเลือดร้อนที่แก๊งคือบ้านอีกหลังหนึ่ง พร้อมกลับไปสำรวจบ้านที่พวกเขาเติบโตมาว่ามีปัญหาอะไรภายในครอบครัวที่ทำให้วัยรุ่นเหล่านี้โหยหาอิสรภาพและความเข้าใจ หยิบมาดูตอนนี้ก็ยังต้องทึ่งที่หนังสารคดีสมัยนั้นก็เก็บรายละเอียดและขับเน้นความกดดันในสังคมที่ส่งผลต่อสถาบันครอบครัวเป็นปัญหาลูกโซ่ จนกลายเป็นหนังสารคดีที่ถ่ายทอดชีวิตวัยรุ่นในมุมที่บอบช้ำออกมาได้อย่างน่าสนใจ ในส่วนดนตรีของวงก็ออกไปทางดนตรีทดลองหรือ chamber rock เสียมากกว่า อัดแน่นไปด้วยซาวด์สุดปราณีตและดุดันกับเครื่องดนตรีเกือบสิบชิ้น ถ้าต้องแนะนำก็อยากให้ลองฟังเพลง "Storm" แทร็คความยาว 22 นาทีครึ่งที่รุนแรงเหมือนพายุก็ไม่ปาน แถมยังแสดงถึงความเป็นวง Godspeed You! Black Emperor และฝีมือของพวกเขาได้ชัดเจนที่สุด
Alphaville
วงซินธ์ป็อปเยอรมันจากยุค 80 ที่ดนตรียังคงโดดเด่นมาจนถึงยุคนี้ อาจไม่เป็นที่รู้จักมากนักในหมู่นักฟังเพลง แต่ถ้าถามว่ารู้จัก Alphaville ไหมกับคนรักหนัง ทุกคนน่าจะตอบว่ารู้จักเพราะเป็นหนังของผู้กำกับฝรั่งเศสชื่อก้องโลกอย่าง Jean-Luc Godard เป็นหนังไซไฟดิสโทเปียเสียดสีการเมืองและแนวคิดแบบวิทยาศาสตร์จ๋า เมื่อในอนาคตอันใกล้เมือง Alphaville ที่ทุกคนต้องตัดอารมณ์ความรู้สึกไร้สาระสิ้นเปลืองออกไปให้หมด เหลือเพียงเหตุและผลกับทุกเรื่องเท่านั้น ตัวเอกของเราเป็นสายลับที่มีรหัสว่า 003 ต้องลักลอบเข้าไปในเมืองแห่งนี้เพื่อตามหาตัวด็อกเตอร์ผู้ประดิษฐ์ Alpha 60 จักรกลอัจฉริยะผู้ปกครองเมืองแห่งนี้อยู่ ตัวเอกของเราไม่เพียงตั้งคำถามแต่ยังต่อต้านกฎในเมืองนี้ทั้งหมดที่ไม่คล้อยตามก็มีแต่ต้องตายเท่านั้น ลองไปหาดูและมาเอาใจช่วย 003 ให้รอดปลอดภัยในภารกิจอันตรายอันนี้ให้ได้ ยังไงหนังของโกดาร์ดก็ควรค่าแก่การต้องสละเวลาดูอยู่แล้ว และเพลงของ Alphaville ก็ควรค่าแก่การลองฟังซักครั้งเหมือนกัน เพราะพวกเขาเข้าถึงศาสตร์แห่งซินธ์ดั้งเดิมได้อย่างแจ่มแจ้ง สร้างคลื่นเสียงชวนฝันที่ซาบซ้านไปทั่วใบหู
Mogwai
หลายคนน่าจะคุ้นชื่อและฝีมือของวงโพสต์ร็อกจากสกอตแลนด์วงนี้อยู่แล้ว เพราะพวกเขาก็เคยมาไทยด้วย แต่ใครรู้บ้างว่าชื่อวงจริงๆ แล้วมาจากหนังเรื่อง Gremlins ซึ่ง Mogwai ก็คือชื่อเรียกเจ้าสัตว์ประหลาดขนฟูในเรื่อง ไอ้เราก็เข้าใจว่ามันเรียกเกรมลินมาตลอดเลย คำว่าม็อกไกวเป็นภาษาจีนกวางตุ้ง 魔怪 แปลว่า monster นั่นเอง ใครเอาชื่อหนังไปเสิร์ชแล้วเห็นหน้าหนังแบบนี้ที่จริงเป็นหนังสยองขวัญ สัตว์ประหลาดในเรื่องแม้จะหน้าตาน่ารักน่ากอด แต่ก็มีข้อห้ามสุดอันตรายอยู่สามอย่างคือ ห้ามโดนแสงอาทิตย์ไม่อย่างนั้นมันจะตาย ห้ามให้มันเปียก และห้ามให้อาหารหลังเที่ยงคืนแน่นอนว่าก็ต้องมีอุบัติเหตุให้ต้องฝ่าฝืนข้อห้ามเหล่านั้นหมดเลยจนตัวเอกต้องพบกับความน่ากลัวของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ ซึ่งเป็นหนังที่ดังเหมือนกันในยุคนั้นเรียกได้ว่าเด็กยุค 80 น่าจะรู้จักกันทุกคน สำหรับวง Mogwai ก็ไม่ต้องพูดอะไรมาก ถ้าใครชอบซาวด์หม่นลอยชวนเคลิ้มจะต้องตกหลุมรักวงนี้แน่นอน
Pennywise
ทุกคนน่าจะรู้จักเจ้าตัวตลกกินเด็กในนาม Pennywise กันอยู่แล้วจาก It ที่เพิ่งรีเมกใหม่ล่าสุดจากปลายปากกาเจ้าพ่อแห่งหนังสยองขวัญอย่าง Stephen King ที่พูดถึงกลุ่มเด็กๆ ที่ต้องต่อสู้กับสิ่งชั่วร้ายที่มาในคราบของตัวตลกที่สามารถแปลงเป็นอะไรก็ได้ที่เหยื่อของมันกลัว ก่อนจะถูกรีเมกในปี 2017 มันเคยสร้างความสยองบนหน้าจอมาก่อนแล้วในเวอร์ชั่นมินิซีรีส์ปี 1990 ทำให้ Pennywise กลายเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายและเรื่องราวความเจ็บปวดส่วนบุคคลแบบรูปธรรม จึงมีวงพังก์จากอเมริกันหยิบยืมชื่อเจ้าตัวตลกน่ากลัวตัวนี้มาใช้เป็นชื่อวงเพื่อถ่ายทอดความเจ็บปวดของพวกเขาผ่านเสียงเพลง เมื่อเรื่องราวเลวร้ายในสังคมกลายเป็นกลัวที่พวกเขาจะต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเป็นบทเรียนชีวิตในอนาคตที่จะทำให้พวกเขาหายใจต่อไป เพลงของพวกเขาส่งพลังให้กับผู้ฟังได้ในมุมมองนั้น
หลายวงก็อาจจะเอาหนังที่ตัวเองชอบมาตั้งเป็นชื่อวงดนตรีของตัวเอง หรือบางคนก็อยากจะสื่อสารตัวตนของตัวเองผ่านหนังที่ลึกซึ้งสักเรื่อง แล้วถ้าคุณจะตั้งวงดนตรีขึ้นมาสักวงเนี่ย จะตั้งชื่อตามหนังเรื่องไหนดีล่ะ?