เพื่อร็อค เพื่อโลก เพื่อเสือดำ! “Heart of the Panther” ความเดือดแห่งปีจาก Retrospect
10 กุมภาพันธ์ 2561 มีประโยคหนึ่งดังกึกก้องทั่วราชมังคลากีฬาสถาน “g19 เอ๊ย! จำเอาไว้ ร็อคไม่มีวันตาย แต่ถ้าเสือดำตาย ใครจะรับผิดชอบ” ผู้ที่กล่าวประโยคๆ นั้นก็คือ แน็ป-ชนัทธา สายศิลา นักร้องนำวง Retrospect ในเทศกาลดนตรี Chang Music Connection Presents “genie fest 19 ปี กว่าจะร็อคเท่าวันนี้” สู่เจตนารมณ์ต่อมาในการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ของ Retrospect เพื่อระดมทุนช่วยเหลือป่าไม้ของเมืองไทย และในที่สุด ปรากฏการณ์ความดุเดือดเลือดพล่านที่ได้รวมพลชาวเรโทรเรี่ยน (คำที่ใช้เรียกสาวกของวง Retrospect) ทั่วประเทศก็เกิดขึ้นจริงเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมากับ “Retrospect : Heart of the Panther หัวใจเสือดำ” จากความร่วมมือของค่าย genie records และ ZAAP นั่นเอง
เดินทางไปถึงสถานที่จัดงานอย่าง Live Park พระราม 9 ก่อนกำหนดการที่ Retrospect จะขึ้นเล่นเพียงไม่นาน แอบเสียดายนิดๆ ที่ไม่ได้ยลฝีมือของ 2 วงเปิดอย่าง Overdose วงร็อครุ่นจิ๋วที่ฝีมือไม่ธรรมดา และ Paper Planes อีกหนึ่งวงร็อคน่าจับตาที่เคยปล่อยเพลง “ก่อนเสียเธอไป” ออกมากระแทกหูคนฟัง ระหว่างนั้นเราจึงใช้เวลาเดินชมนิทรรศการ Art of the Panther ที่ให้ผู้เข้าร่วมงานมีโอกาสร่วมประมูล และนำเงินไปบริจาค ซึ่งแม้ว่าอุณหภูมิในช่วงค่ำของวันยังคงร้อนอบอ้าว แต่ชาวเรโทรเรี่ยนที่รวมใจกันใส่เสื้อดำมากว่า 95% ก็หนาแน่นเต็มพื้นที่เรียบร้อยแล้ว
หนึ่งทุ่มตรงเป๊ะ ความมันก็ได้เริ่มต้นขึ้น สมาชิก 5 คนของ Retrospect อย่าง แน็ป-ชนัทธา สายศิลา (ร้องนำ), น็อต-ธนพล ศรีกาญจนา (กีตาร์), บอม-ณพวัชร คชาชีวะ (เบส), เบิร์ธ-ศุทธิพันธ์ สังข์ยุทธ (กลอง) และ รัน-ศรัณย์เขษ เจริญสรรพ์ (ซินธิไซเซอร์) ไล่เรียงเซ็ตความเดือดแรกแบบไม่ให้พัก ไม่ว่าจะเป็น “ลุกขึ้นสู้”, “ความฝันของเรา”, “ขอ”, “คนบนฟ้า” ปิดช่วงแรกด้วย “เพราะว่ารัก” เพลงดังของวงที่สามารถทำให้คอนเสิร์ตพีคได้ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก! เราที่อยู่บริเวณด้านหลังแถวๆ แผงคอนโทรลมองมาเบื้องหน้าก็เห็นพลพรรคเสื้อดำโยกหัวกันยับ เริ่มมี mosh pit กันบ้างประปราย เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า ความระอุในค่ำคืนนี้ไม่มีใครยอมกั๊กแน่นอน
Retrospect
อันที่จริง “Retrospect : Heart of the Panther หัวใจเสือดำ” ก็เป็นคอนเสิร์ตสูตรสำเร็จประมาณหนึ่ง วงเล่นดนตรีตามเซ็ตลิสต์ที่เตรียมไว้ มีแขกรับเชิญขึ้นมาเซอร์ไพรส์บนเวที มีช่วงพีค มีช่วงพัก แต่สิ่งที่เรารู้สึกว่าใช้คำว่า “สูตรสำเร็จ” ไม่ได้เลยก็คือ ความจัดเต็มทุกวินาทีจากเจ้าของคอนเสิร์ตอย่าง Retrospect ที่ส่งลงมาให้เหล่าสาวกของพวกเขา ก่อเกิดเป็นพลังอันมหาศาลไปทั่วอาณาบริเวณ Live Park พระราม 9 อย่างปฏิเสธไม่ได้
แน่นอนว่า 15 ปีกับ 4 อัลบั้มเต็ม ใช่ว่า Retrospect จะมีแต่ซิงเกิลฮิต เพลงที่แอบซ่อนอยู่หน้า B หรือแม้กระทั่งไม่ได้หยิบจับมาโปรโมตก็มีไม่น้อย เราจึงได้ฟังเพลงอย่าง “แค่นี้ไม่ตาย”, “พรุ่งนี้ไม่สำคัญ”, “ภาพซ้ำ”, “สังเวียนชีวิต” หรืออาจจะเป็นเพลงเก่าๆ ที่ไม่ได้ฟังกันมาเนิ่นนาน แต่อินโทรขึ้นนี่ร้องได้เต็มเพลง อาทิ “ให้ฉันลืมเธอ”, “กลับมา”, “ศรัทธาแห่งรัก”, “แค่นิยาย”, “ปล่อยฉัน”, “คือเธอใช่ไหม”, “เจ็บปวดที่งดงาม” เป็นต้น
และแน่นอน คอนเสิร์ตใหญ่จะขาดเพลงที่ทำให้ Retrospect เป็นที่รู้จักไปได้อย่างไร “เหนื่อยไหมหัวใจ”, “คืนแห่งความเหงา”, “สุดที่รัก” คือตัวอย่างเพลงที่แฟนๆ ร้องตามกันกระหึ่ม ซึ่งก็ได้ฟังกันครบถ้วนกระบวนความ ในขณะที่พาร์ตของแขกรับเชิญ แม้ว่าจะเป็นการเชิญขึ้นมาบนเวทีแบบปกติธรรมดาที่เราเคยเห็นกัน แต่สิ่งซึ่งประทับใจเอามากๆ คือการคัดเลือกเพลงที่แต่ละคนนำมาร้อง (หรือเล่น) นั่นเอง
Botcash
ปู Blackhead
Botcash (เอ้-สัณหภาส บุนนาค) ดีเจที่ทำให้เวทีร็อคกลายเป็นเทศกาลดนตรี EDM ไปในบัดดล กับการเลือกเพลง “เจ็บกว่าคือฉัน” และ “ไม่มีเธอ” มารีมิกซ์ สร้างประวัติศาสตร์ Wall of Death แรกของงานให้กับวงการอิเล็กทรอนิกส์, อานนท์ สายแสงจันทร์ หรือ ปู Blackhead ที่วง Retrospect ยกย่องให้เป็น “พ่อ” ที่มาพร้อมเพลง “ให้โลกรู้” ที่เขาเคยมาฟีทเจอริ่งในอัลบั้ม The Lost Souls เมื่อปี 2553, 4 แร็ปเปอร์รุ่นใหม่สายเดือด Maiyarap, BlacksheepRR, Liberate P และ Thudong จาก Rap is Now จัดหนักจัดเต็มกับเพลง “คน” และ “Kill Myself” ปิดท้ายด้วยการขึ้นมาร่วมแจมของ Retrospect ในเพลง “พนาไรห์ม” ที่ชัดเจนในเนื้อหาเกี่ยวกับการที่มนุษย์เข้าไปทำลายป่าเขาลำเนาไพร
Maiyarap, BlacksheepRR, Liberate P และ Thudong
ส่งต่อไปสู่เพลงพิเศษ “Rise of the Moon” กับการที่ น็อต บรรเลงกีตาร์คลาสสิคคลอเคล้าไปกับคณะประสานเสียงจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และต่อด้วยเพลงธีมของคอนเสิร์ตในครั้งนี้อย่าง “หัวใจเสือดำ” ที่บอกตรงๆ ว่าตอนนั้นขนลุกมาก ทั้งเนื้อหา บรรยากาศ ความตั้งใจอันแน่วแน่ที่ Retrospect แสดงให้เห็นมาตั้งแต่แรก โมเม้นต์นี้มันเต็มไปด้วย “ความรู้สึก” ที่ไม่ต้องเอ่ยปากอะไรมากนัก แต่ทุกคน ณ ที่ตรงนั้นรู้สึกร่วมกันว่า ปัญหาสัตว์ป่าและธรรมชาติ รวมถึง “ความอยุติธรรม” ในบ้านเมืองเราเป็นสิ่งที่ควรตระหนักถึงเป็นอย่างยิ่ง
ต้น Dezember
บี พีระพัฒน์ และ แน็ป Retrospect
ต้น Dezember (สยาม ชุมทอง) คืออีกหนึ่งแขกรับเชิญที่ขึ้นมาแจมลีดกีตาร์อย่างร้อนระอุในเพลง “โลก” จากอัลบั้มล่าสุด Pathfinder ที่เนื้อหากล่าวถึงสิ่งแวดล้อมที่หากไม่ช่วยกันดูแล โลกของเราก็คงย่ำแย่ไปมากกว่านี้ มีเพียง บี-พีระพัฒน์ เถรว่อง ที่อาจดูไม่เข้าพวกไปสักหน่อย แต่การที่ได้เห็นเขามาร่วมแจมในเพลง “เหงายิ่งกว่าเหงา” ก็ทำให้เรารู้ว่า เขาคือหนึ่งในศิลปินชายของเมืองไทยที่คุณภาพคับแก้วอย่างแท้จริง และอย่าลืมว่า นี่คือการโคจรมาเจอกันของ “หน้ากากเสือจากัวร์” และเหล่าพลพรรค “หัวใจเสือดำ” อีกด้วย
คอนเสิร์ตดำเนินมา 3 ชั่วโมงกว่า แต่หารู้ไม่ว่า Retrospect ยังเตรียมความเดือดไว้อีกร่วม 10 เพลง!!! เริ่มจาก “เจ็บกว่าคือฉัน” ที่ Retrospect ร่วมกับชาวเรโทรเรี่ยน สร้างประวัติศาสตร์ Wall of Death ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ภาพที่เห็นเบื้องล่างคือการแยกเป็น 2 ฝั่งที่กว้างมาก ใหญ่มาก พอถึงท่อน “แล้วใครคนนั้นต้องเจอ!” เท่านั้นล่ะ วิ่งเข้าใส่กันอย่างไม่ยั้ง ก่อนจะต่อด้วย circle pit ระดับมหึมาอีกหนึ่งวง ด้วยการวิ่งเป็นวงกลมแบบลืมตาย ยิ่งใหญ่มาก เดือดมาก นอกนั้นก็มีเพลงโหดๆ อย่าง “Yessir”, “สังเวียนชีวิต”, “หักหลัง” (แอบเสียดายนิดหน่อยที่เสียงไม่ออกลำโพงในท่อนพีค ด้วยเหตุผลบางประการ), “ลมหายใจสุดท้าย” ปิดท้ายด้วยเพลงที่ทำให้ทุกคนรู้จักวงดนตรีที่ชื่อ Retrospect อย่าง “ไม่มีเธอ” ตั้งแต่สมัยอัลบั้ม Showroom Vol.1 ที่เหล่าเรโทรเรี่ยนจัดหนัก Wall of Death อีกครั้งแบบไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนแรงลงแม้แต่น้อย บวกกับช่วงอังกอร์ที่หยิบเอาเพลง “เพราะว่ารัก” มาเล่นอีกครั้ง และเซอร์ไพรส์ประจำคอนเสิร์ตในเพลง “เปลือก” ที่ในช่วงกลางเพลง แน็ป ร้องขอให้จัด Wall of Death อีกครั้ง แต่เมื่อกำลังจะเข้าสู่ท่อนที่ทุกคนจะวิ่งเข้าหากัน อินโทรเพลง “รบกวนมารักกัน” ของ ทาทา ยัง ก็ดังขึ้น เบรกหัวทิ่มกันทั่วทั้งงาน การจากลาพร้อมรอยยิ้ม และที่สำคัญ ชาวร็อคร่วมกันเต้นเพลงป็อปดังกล่าวไปพร้อมๆ กัน เห็นแล้วก็น่ารักน่าชังไปอีกแบบ
นอกจากธีมของคอนเสิร์ตที่ทวงคืนความยุติธรรมให้ “เสือดำ” ที่เป็นประเด็นร้อนทางสังคมในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เรื่องราวของปัญหาสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติแล้ว สิ่งที่ Retrospect พยายามเน้นย้ำตลอดคอนเสิร์ตอีกประเด็นนั่นก็คือ “ดนตรีไม่มีพรมแดน” โดยเฉพาะการที่พวกเขาเชิญดีเจอย่าง Botcash, ชาวฮิปฮอปรุ่นใหม่, หยอดเรื่องไอดอลที่หลายๆ คนชอบแซวตลอดทั้งงาน หรือแม้แต่การปิดโชว์ด้วยเพลง “รบกวนมารักกัน” นั่นแสดงให้เห็นการเติบโตของวงดนตรีวงนี้อย่างแท้จริง ดนตรีก็คือดนตรี คือสิ่งที่มอบความสุขให้คนฟังเสมอมาและตลอดไป โดยไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกว่าคุณเล่นแนวนั้น คุณชื่นชอบแนวนี้เสียเมื่อไหร่ รวมถึงความเป็น “เพื่อน” ที่ Retrospect ตะโกนผ่านไมค์ให้ดูแลซึ่งกันและกันมาตลอดเกือบ 20 ปีในวงการเพลง
ระบบแสง โปรดักชั่น รวมถึงวิชวลยิ่งใหญ่อลังการเหนือความคาดหมายไปเสียอีก ทว่าระบบเสียงอาจฟังดูไม่เสถียรนัก มีบางช่วงบางตอนที่ฟังดูแปร่งๆ ไม่หนักแน่นเต็มอิ่มในแนวทางของดนตรีร็อค อาจจะด้วยปัจจัยของสถานที่แบบเอาต์ดอร์ที่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการ แต่ก็อย่างที่กล่าวไปในข้างต้นว่า พลังงานบนเวทีของ Retrospect ไม่มีตก แม้ว่าจะเล่นไปกว่า 40 เพลงตลอดโชว์ แม้ว่าอายุอานามจะเพิ่มขึ้น ไม่ได้เดือดแบบสุดพลังแบบสมัยวัยรุ่นเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน แม้ว่า แน็ป จะต้องไปฉีดยาคืนก่อนหน้าคอนเสิร์ตเพราะป่วยหนัก หรือแม้ว่า บอม จะตะคริวขึ้นระหว่างเล่น แถมยังต้องเข้าไปให้ออกซิเจนในรถพยาบาลเพราะหายใจไม่ทันหลังคอนเสิร์ตจบ นี่คือสิ่งที่ทำให้ “Retrospect : Heart of the Panther หัวใจเสือดำ” เต็มไปด้วยบรรยากาศที่ชาวร็อคโหยหามาเนิ่นนาน กับ 4 ชั่วโมงเศษที่ได้เดือดดาลกันตลอดเวลา
และนี่คือบทพิสูจน์ชั้นเยี่ยมว่า ดนตรีร็อคหนักๆ โหดๆ ไม่ใช่สาเหตุของการตีกันของผู้ชมในคอนเสิร์ตดนตรีร็อคอย่างแน่นอน
การวิ่งเข้าใส่กันแบบ Wall of Death เหวี่ยงมัดไม่มียั้งสไตล์ mosh pit หรือวิ่งวนมันเข้าไปแบบ circle pit ล้วนแล้วแต่เป็นวัฒนธรรมของดนตรีเมทัลคอร์หรือแนวใกล้เคียงที่บรรดาสาวกได้ปลดปล่อยร่างกายและจิตใจไปตามท่วงทำนองอันหนักหน่วง ดุดัน และภาพที่เห็นเมื่อคืนคือ “ความงดงามของดนตรีร็อค” ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย
และสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ที่วันรุ่งขึ้นหลังจากคอนเสิร์ต ซึ่งก็คือวันนี้ (22 เมษายน 2561) จะเป็นวัน Earth Day หรือวันคุ้มครองโลกพอดิบพอดี พลันทำให้เรานึกกลับไปถึงคอนเสิร์ต Earth Day ที่จัดกันเป็นประจำในช่วงยุค 90s อยู่ไม่น้อย
ซึ่ง “Retrospect : Heart of the Panther หัวใจเสือดำ” ก็อาจเป็นคอนเสิร์ต Earth Day แห่งยุคสมัยนี้ ที่คอยเน้นย้ำให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม โลกใบนี้ โดยมี “ดนตรี” เป็นแรงขับเคลื่อน กับความหวังในวันนี้ที่ว่า ...
“เสือดำ ต้องไม่ตายฟรี”
Story by: Chanon b.
Photos by: genie records
*** รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย รวมกับรายได้จากการประมูลของใช้ส่วนตัวของสมาชิกวง Retrospect จำนวน 171,000 บาท และรายได้จากการประมูลภาพวาดศิลปะเพื่อเสือดำ 140,000 บาท จะนำไปบริจาคให้กับมูลนิธิ สืบ นาคะเสถียร, โครงการพ่อแม่ อุปถัมป์สัตว์ป่า ในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช รวมถึง กองทุนสวัสดิการกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ต่อไป *
อ่านเพิ่มเติม
Retrospect เปิดตัวเพลงพิเศษ "หัวใจเสือดำ" รับคอนเสิร์ตใหญ่
"g19" งานเลี้ยงรุ่นศิลปินแถวหน้า ที่มาพร้อมเซอร์ไพรส์จนนาทีสุดท้าย
เจาะลึกจิตใจ “นายพรานไฮโซ” – ตอบคำถาม “เสือตายตัวเดียว จะอะไรหนักหนา”
Retrospect จากใต้ดิน สู่ต่างแดน
อัลบั้มภาพ 25 ภาพ