The Script เซอร์ไพรส์แฟนเพลงถึงที่นั่งชั้นบนระยะประชิด ยันทัวร์หน้ามาอีกแน่
อิมแพ็ค อารีน่าที่ว่าใหญ่แค่ไหน เมื่อได้เป็นสถานที่จัดงาน The Script Live in Bangkok 2018 ของ BEC-TERO Entertainment ในครั้งนี้กลับดูแคบลงถนัดตา เพราะสามหนุ่ม The Script เอาใจแฟนเพลงขั้นหนัก กับการเข้าถึงแฟนเพลงอย่างใกล้ชิดด้วยตัวเองระหว่างโชว์ ไม่ใช่แค่วิ่งผ่านเร็วๆ แค่เพลงเดียว แต่ถึงขั้นเล่นสดใกล้ๆ ระยะประชิดอยู่หลายเพลง ทำเอาแฟนเพลงชาวไทยประทับใจความใส่ใจใน The Script Family ของพวกเขาเป็นอย่างมาก ดูจากจำนวน The Script Family ที่ไปรอรับพวกเขาที่สนามบิน ก็น่าจะพอทราบแล้วว่าแฟนเพลง The Script ในไทยมีจำนวนมาก และรักพวกเขามากขนาดไหน นอกจากนี้ที่น่าตื่นเต้นยิ่งเข้าไปอีก คือการที่พวกเขาให้สัมภาษณ์ว่า การแสดงในครั้งนี้จะเป็นการแสดงที่แฟนเพลงไม่เคยเห็นมาก่อน และเป็นการแสดงเพื่อแฟนเพลงอย่างแท้จริง หลายคนได้ยินอย่างนี้แล้วก็อดตื่นเต้นที่จะชมคอนเสิร์ตในวันถัดไปไม่ได้
28 เม.ย. 2018 เย็นวันฝนฉ่ำที่ตารางทัวร์ Freedom Child ในประเทศไทยครั้งนี้เป็นใจให้มีคอนเสิร์ตในวันเสาร์พอดี จึงทำให้การเดินทางไม่ได้ยากลำบากเท่าที่ควร และบรรยากาศเข้ากันกับเพลงใหม่ในอัลบั้มอย่าง “Rain” พอดิบพอดี หากใครจำกันได้ พวกเขาเคยมาสร้างความประทับใจให้กับแฟนเพลงชาวไทยไปเมื่อปี 2015 มาในปี 2018 นี้แฟนเพลงชาวไทยยังคงให้การสนับสนุนพวกเขาแน่นขนัดเหมือนเดิม บูธขายของ official merchandises ก็คึกคักไม่แพ้กัน
ไม่ปล่อยให้แฟนๆ รอนาน 20.15 น. สามหนุ่ม The Script พร้อมนักดนตรีแบ็คอัพอีกสองคนโผล่ขึ้นมาบนเวทีอย่างเรียบง่าย แต่ทรงพลังกับเพลงปลุกใจที่เป็นหนึ่งในเพลงชาติของวงอย่าง “Superheroes” นาทีนี้ทุกคนพร้อมใจกันตะโกนร้องเพลงตามหนุ่ม Danny O'Donoghue นักร้องนำกันอย่างคล่องปาก ทางด้านมือกีตาร์อย่าง Mark Sheehan และมือกลอง Glen Power ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมโชว์ท่าไหว้สวยๆ ให้แฟนๆ ตั้งแต่เริ่มต้นเช่นกัน เรื่องเอาใจแฟนเพลงต้องยกให้พวกเขาจริงๆ
อุ่นเครื่องเพลงเดียวยังไม่พอ The Script จัดเพลงหนักๆ ต่อด้วย “Rock the World” ที่ทำให้คนดูเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้ แฟนเพลงที่ยืนอยู่ด้านล่างก็ไม่ต้องพูดถึง พร้อมใจกันกระโดดไปตามจังหวะเพลงกันอย่างสนุกสนาน จนมาถึงช่วง “Paint the Town Green” ที่แสงสีเสียงเปลี่ยนเป็นสีเขียวไปทั่วทั้งฮอลล์ รวมถึงโปรเจกต์โชว์หน้าจอสีเขียวที่แฟนเพลงชาวไทยเคยทำเอาไว้เมื่อปี 2015 คราวนี้แม้ว่าจะพบเห็นได้น้อยกว่าเดิม แต่ก็ยังถือว่าเห็นอยู่บ้าง กำลังส่องความงามของโปรเจกต์สีเขียวของแฟนๆ อยู่ดีๆ บนเวทีก็มีเสียงกลองหนังอันคุ้นหู รวมไปถึงการแสดงหนังตะลุงจากทีมงาน องศาศิลป์ ของไทย ทำเอาแฟนเพลงคว้ามือถือมาอัดวิดีโอกันแทบไม่ทัน นี่คือหนึ่งในการแสดงประจำประเทศที่ The Script ตั้งใจเตรียมไว้เซอร์ไพรส์แฟนเพลงทุกประเทศที่พวกเขาไป เพื่อทำให้แฟนเพลงรู้สึกว่าพวกเขามาถึงประเทศไทยแล้วจริงๆ
รายชื่อเพลงที่ The Script เตรียมมาให้เราในครั้งนี้ มีทั้งเพลงเก่าเล่าใหม่กี่ครั้งก็ยังไม่เบื่อ และแฟนเพลงร้องได้ตั้งแต่ท่อนแรกยันท่อนสุดท้ายอย่าง “The Man Who Can’t Be Moved”, “Nothing”, “If You Could See Me Now”, “For the First Time” รวมไปถึงเพลงในอัลบั้มล่าสุดอย่าง “Wonders”, “Arms Open” และ “No Man Is an Island” ที่ Danny O'Donoghue เอนเตอร์เทนคนดูทั้งฮอลล์ได้ดี ทั้งให้ส่งเสียงตาม แยกเป็นฝั่ง แยกร้องเป็นเพศ รวมไปถึงการให้ทุกคนโอบไหล่ และกระโดดซ้ายขวาไปด้วยกัน เป็นอีกช่วงที่หนุ่มๆ The Script บอกว่าเป็นหนึ่งในช่วงที่สนุกที่สุดของโชว์ ซึ่งเราก็เห็นด้วยตามนั้น
เรื่องของเซอร์ไพรส์ยังไม่จบ ตามที่ได้เกริ่นเอาไว้ในย่อหน้าแรก จู่ๆ หนุ่มๆ The Script ก็วิ่งมาที่โซนคนดูชั้นบนฝั่งเยื้องขวามือของเวที และหยิบเครื่องดนตรีมาเล่นเพลง “If You Ever Come Back” เวอร์ชั่นอะคูสติกกันในระยะประชิด แฟนเพลงได้ฟังเสียงพวกเขากันใกล้ๆ ไม่เกิน 2 เมตร บ้างก็ได้จับไม้จับมือ ถ่ายเซลฟี่กันพอเป็นพิธี จากสีหน้าของแฟนเพลงที่อยู่ใกล้พวกเขาแล้ว รู้ได้ทันทีว่าแต่ละคนปลื้มปริ่มขนาดไหน และไม่ใช่เพลงเดียว แต่พวกเขาอยู่กับแฟนเพลงตรงนั้นถึงสองเพลง กับ “Never Seen Anything ‘Quite Like You’ ” ร่วมพูดคุยกับแฟนเพลง แฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้แฟนเพลงสั้นๆ จากนั้นถึงกลับขึ้นเวทีหลัก
แต่เซอร์ไพรส์ครั้งยิ่งใหญ่ก็ยังไม่จบแต่เพียงเท่านั้น เพราะเมื่ออินโทรเพลง “The Energy Never Dies” ขึ้นปุ๊บ Danny O'Donoghue นักร้องนำก็โผล่ขึ้นกลางโซนที่นั่งคนดูชั้นบนตรงกลางอีกครั้ง แล้ววิ่งไล่จับมือไป ร้องเพลงไป ถ่ายรูปกับแฟนเพลงไปตลอดทั้งเพลง น่าเสียดายมากที่โซนที่เราอยู่เป็นโซนที่ถูกเว้นช่วงเอาไว้พอดี แถมพอจะวิ่งไปหาก็โดนเจ้าหน้าที่ห้ามไม่ให้ลุกออกจากเก้าอี้ จึงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับหนุ่ม Danny มากนัก แต่เห็นแฟนเพลงมีความสุขที่ได้ใกล้ชิดกับพวกเขามากขนาดนี้ ก็คือว่าพวกเขาบรรลุจุดประสงค์ในการมาแสดงคอนเสิร์ตที่ไทยในครั้งนี้เรียบร้อยแล้ว เรารับรู้ได้ถึงรอยยิ้ม พลังการเล่นดนตรี รวมไปถึงท่าไหว้สวยๆ ของแต่ละคนที่มีมาให้พวกเราเห็นกันเรื่อยๆ ตลอดโชว์
The Script กลับมาพร้อมกับผลงานอัลบั้มที่ 5 ที่มาพร้อมดนตรีที่มีสีสันมากขึ้นกับอิเล็กทรอนิกซาวด์เบาๆ พอชวนเต้น ซึ่งเราเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าจะต้องเป็นเพลงที่เอาไว้ร้องสดในคอนเสิร์ตโดยเฉพาะแน่ๆ และเพลง “Rain” ก็ไม่ทำให้คนไทยผิดหวัง ต่างคนต่างลุกขึ้นยืนเต้นตามจังหวะเพลงกันอย่างรู้งาน ปิดโชว์ (ก่อน encore) ไปด้วยคำพูดขอบคุณซึ้งๆ จาก Danny O'Donoghue ที่บอกว่า การที่พวกเขากลับมาที่ไทยอีกครั้ง เพราะพวกเขาประทับใจในแฟนเพลงของพวกเขาที่นี่ ที่ทั้งร้องทั้งเต้นทั้งโบกมือไปกับพวกเขาตลอด พวกเขาไม่ได้กลับมาที่นี่เพราะเรื่องเงิน แต่เป็นเพราะใจของพวกเขาที่อยากกลับมาหาทุกคนจริงๆ และสัญญาว่าทัวร์คอนเสิร์ตครั้งหน้า พวกเขาจะกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน
แสงไฟในฮอลล์ดับมืดไม่กี่วินาทีก็เปิดสว่างด้วยไฟจากมือถือของแฟนเพลงที่พร้อมใจกันเปิดเพื่อต้อนรับช่วง encore ของ The Script พวกเขาเดินกลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้งพร้อมเพลงซึ้งๆ แต่ดนตรีทรงพลังอย่าง “No Good In Goodbye” ที่เราถือว่าเป็นอีกเพลงหนึ่งที่สมาชิกทุกคนใส่ไม่ยั้งทั้งเสียงร้อง กีตาร์ เบส คีย์บอร์ด และกลองกระแทกกระทั้นอย่างที่ควรจะเป็น รวมไปถึงแสงสีบนเวทีก็เปลี่ยนไปตามจังหวะได้อย่างลงตัว ใจยังเต้นตุบๆ กับเพลงก่อนหน้านี้ไม่หาย ก็ต้องกรี๊ดต่อกับเพลงเก่งในอัลบั้มแรกที่หลายคนร้องตามกันได้เช่นเคยอย่าง “Breakeven” และก่อนที่จะจบเพลงสุดท้าย หนุ่ม Danny ชวนให้แฟนเพลงตะโกนว่า “I can!” พวกเราทุกคนทำได้ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดๆ ก็ตาม และร้องเพลง “Hall of Fame” จบการแสดงในค่ำคืนนี้ไปอย่างน่าประทับใจ
แม้ว่าโปรดักชั่นแสงสีเสียงของเวทีจะไม่ได้มีอะไรหวือหวามากนัก แต่ก็มากพอที่จะเพิ่มสีสันให้กับการแสดงในหลายๆ เพลงได้ เช่นเดียวกับระบบเสียงที่ถือว่าทำได้ดีในมาตรฐานของทีมงานผู้จัดเดิมที่คุ้นเคยกับอุปกรณ์ และสถานที่เป็นอย่างดี ในส่วนของศิลปินนอกจากจะน่ารักเป็นกันเอง และเอนเตอร์เทนได้ดีตลอดทั้งโชว์แล้ว Danny O'Donoghue ยังปล่อยพลังเสียงชัดเจนดีไม่มีตก แม้ว่าในส่วนของท่อนเสียงสูงๆ จะเลี่ยงไปใช้โทนเสียงที่ต่ำลงแทน เลยทำให้ท่อนเพลงบางท่อนที่เราอยากให้สุด แต่มันไม่สุด 100% ดังคาด นอกจากนี้ด้วยเซ็ตลิสต์เพลงเพียง 16 เพลง ประกอบกับการแสดงที่เล่นติดต่อกันตลอด จึงทำให้โชว์จบลงในเวลาราวๆ 1.30 ชั่วโมง โดยส่วนตัวเรายังอยากฟังเพลงอีกหลายเพลง ไม่ว่าจะเป็นเพลงในอัลบั้มเก่าๆ หรือเพลงในอัลบั้ม Freedom Child ล่าสุดนี้ก็ตาม จะบอกว่าอารมณ์ค้าง ยังอยากให้ร้องต่ออีกหน่อยก็คงจะใช่
อย่างไรก็ตาม จากคำสัญญาที่พวกเขามีให้กับ The Script Family ประเทศไทย ว่าพวกเขาพร้อมที่จะกลับมาในทัวร์คอนเสิร์ตครั้งหน้าแน่นอน ก็ทำให้เราใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง ว่าเราคงจะได้พบพวกเขาอีก และพวกเขาคงมาพร้อมเซอร์ไพรส์พิเศษที่เตรียมไว้ให้กับแฟนเพลงอีกเช่นเคย ไม่ว่าจะอีกกี่ปี แฟนเพลงชาวไทยคงรอพวกเขาอยู่ตรงนี้ ที่นี่ที่เดิม เหมือนในเพลง “The Man Who Can’t Be Moved” นั่นแหละ
____________________
Story : Jurairat N.
Photos : BEC-TERO Entertainment
อัลบั้มภาพ 31 ภาพ