Wanna One ผลผลิตจากความสำเร็จ (เกินคาด) ของวงการ K-POP | Sanook Music

Wanna One ผลผลิตจากความสำเร็จ (เกินคาด) ของวงการ K-POP

Wanna One ผลผลิตจากความสำเร็จ (เกินคาด) ของวงการ K-POP
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผ่านมาแค่เพียง 10 เดือนเท่านั้นที่เหล่าสมาชิกทั้ง 11 คนจากวง Wanna One ได้เปิดตัวและเดบิวต์ แต่ฐานแฟนคลับของเขานั้นกลับล้นหลามอย่างไม่น่าเชื่อ อะไรคือสิ่งที่ทำให้พวกเขาทั้ง 11 คนประสบความสำเร็จและยึดครองพื้นที่หัวใจของแฟนๆ ทั่วโลกได้ถึงเพียงนี้กันนะ

 

จุดเริ่มต้นของ Wanna One

เริ่มต้นมาจากรายการ Produce 101 Season 2 ในปี 2017 ซึ่งออกอากาศทางช่อง Mnet  โดยจะรวบรวมเด็กฝึกที่เป็นผู้ชายจากค่ายต่างๆ ทั้งหมด 101 คน เพื่อเฟ้นหาสุดยอดไอดอลมากความสามารถเพียง 11 คนที่จะได้เดบิวต์ตามความฝันของพวกเขา โดยจะตัดสินจากผลโหวตของโปรดิวเซอร์ทั่วโลกหรือผู้ชมซึ่งเป็นผู้ตัดสินเลือกผู้ที่จะได้แข่งขันต่อในรายการ (ต่อยอดความสำเร็จจาก Season 1 ที่เปิดรับสมัครเด็กฝึกผู้หญิง และผู้ชนะได้เดบิวต์ในฐานะสมาชิกวง I.O.I. ชื่อวงพ้องรูปมาจากเลข 101 ส่วนชื่อวง Wanna One พ้องเสียงมาจากเลข 101 (วันโอวัน) เช่นกัน) สมาชิกทั้ง 11 คนที่ชนะใจเหล่าโปรดิวเซอร์ทั่วโลกนั้นก็คือ เบจินยอง (Bae Jin Young), ฮาซองอุน (Ha Sung Woon), ฮวังมินฮยอน (Hwang Minhyun), คังแดเนียล (Kang Daniel), คิมแจฮวาน (Kim Jae Hwan), ไลควานลิน (Lai Kuan Lin), อีแดฮวี (Lee Dae Hwi), องซองอู (Ong Seong Wu), ปาร์คจีฮุน (Park Ji Hoon), ปาร์คอูจิน (Park Woo Jin) และ ยุนจีซอง (Yoon Ji Sung) พวกเขาได้เดบิวต์ไปเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2017 และจะสิ้นสุดช่วงการโปรโมต วันที่ 31 ธันวาคม 2018 เป็นเวลาประมาณ 1 ปี 6 เดือน ภายใต้บริษัท YMC Entertainment และ CJ E&M ที่เป็นต้นสังกัด ไม่นานหลังจากพวกเขาทั้ง 11 คน ได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะ พวกเขาก็ได้ปล่อยซิงเกิล “Energetic”  ซึ่งถือเป็นเดบิวต์ซิงเกิลของพวกเขาที่เรียกได้ว่าท็อปฟอร์มอย่างยิ่ง สามารถกวาดเอารางวัลจากรายการเพลงชื่อดังในเกาหลีไม่ว่าจะเป็น Show Champion, Music Bank, Show! Music Core, Inkigayo และ The Show ทั้งยังครองอันดับหนึ่งทุกชาร์ตเพลงไม่ว่าจะเป็น MelOn, Mnet, Naver, Genie, Soribada และ Bugs อีกด้วย

 

 

ต่อมาพวกเขาได้ออกมินิอัลบั้มออกมาอีกถึงสี่อัลบั้ม 1ST MINI ALBUM 1X1=1 (TO BE ONE), 1-1=0 (NOTHING WITHOUT YOU, 0+1=1 (I PROMISE YOU) และ 1÷X=1 (UNDIVIDED) ซึ่งมีเพลงฮิตติดชาร์ตมากมายอีกเช่นเคย อย่าง “Beautiful”, “BOOMERANG และ “I PROMISE YOU (I.P.U)”

ฟังผลงานอัลบั้มทั้งหมดของเขาได้ที่นี่

 

 

 

ต้องพัฒนาความสามารถเฉพาะตัวของแต่ละคน ภายใต้ระยะเวลาที่จำกัด

เนื่องด้วยรูปแบบของรายการอยู่ในรูปแบบของการเอาชีวิตรอด (Survival) ทำให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องพยายามพัฒนาตัวเองให้มากที่สุดเพื่อที่จะชนะคู่ต่อสู้คนอื่นและชนะใจคนดูให้ได้ เช่นเดียวกับรายการ AF (Academy Fantasia) หรือรายการ The Star บ้านเราที่ทุกคนเฝ้าดูผู้เข้าแข่งขันตั้งแต่ก้าวแรกตอนออดิชัน การแข่งขัน การใช้ชีวิต ตลอดจนลุ้นไปกับพวกเขาในแต่ละตอนจนกระทั่งสิ้นสุดรายการ นอกจากนี้เด็กฝึกแต่ละคนยังมีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นและความสามารถที่ฉายแววให้เห็นออกมาเรื่อยๆ ในแต่ละตอนของรายการ เราได้เห็นถึงความพยายามของพวกเขา อีกทั้งยังมีผู้เข้าแข่งขันที่มีประสบการณ์ในวงการบันเทิงอย่าง ฮวังมินฮยอน (Hwang Minhyun) นั้นเขาคือ 1 ในสมาชิกวง NU’EST ที่ได้เดบิวต์ไปแล้วเมื่อปี 2012 และเขายังเคยไปปรากฎตัวในรายการ Korea's Got Talent Season 2 อีกด้วย ส่วน ปาร์คจีนฮุน (Park Ju Hoon) ที่เป็นนักแสดงเด็กนั้น เขาก็ได้ปรากฏตัวตามซีรีส์ต่างๆ เช่น Kimchi Cheese Smile และ The King & I และอีกหนึ่งสมาชิก ฮาซองอุน (Ha Sung Woon) ที่ได้ผ่านการเดบิวต์ในวง Hotshot มาแล้วในปี 2014 สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขามีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น

 

วงโปรโมตชั่วคราวที่ทุกนาทีมีค่า เพิ่ม high demand ให้แก่แฟนคลับ

ด้วยระยะเวลาที่จำกัดของพวกเขาทำให้ทุกวินาที และทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาล้วนแล้วแต่มีค่า เพราะคำว่าครั้งสุดท้าย และคำว่าไม่มีอีกแล้ว ทุกอย่างที่พวกเขาทำ และจัดขึ้นล้วนแล้วแต่เป็น Limited Edition คุณจะไม่มีทางได้เห็นศิลปินมากหน้าหลายตาจากหลากค่ายร้อง เล่น เต้นเพลงเดียวกันหรือออกงานเดียวกันแบบนี้ที่อื่นเป็นแน่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บัตรคอนเสิร์ตตลอดจนสินค้าต่างๆ ที่พวกเขาจำหน่ายล้วนแล้วแต่กลายเป็นของมีค่า ด้วยความที่พวกเขามีเวลาที่จำกัดก่อนที่โปรเจกต์วงชั่วคราวนี้จะต้องจบลง เพื่อให้สมาชิกแต่ละคนสานต่อความฝันในการเป็นศิลปินกันต่อตามแต่ละค่ายเพลงของตัวเอง ทำให้พวกเขาต้องเร่งทำผลงานต่างๆ ออกมาอยู่เสมอทำให้พวกเขาไม่เคยหายหน้าหายตาไปจากสายตาแฟนๆ พวกเขาได้ไปออกรายการดังๆ มากมายอย่าง Running Man และ Master Key นอกจากนี้ยังมีผลงานพรีเซนเตอร์และงานโฆษณามากมาย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนให้ Wanna One กลายเป็นวงที่เทียบเท่าวงรุ่นพี่ได้โดยไม่ยากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระแสความนิยมของ Wanna One ในไทย เห็นได้ชัดว่ามาแรงแซงศิลปินรุ่นพี่ไปหลายวง เห็นได้จากบัตรคอนเสิร์ต Wanna One World Tour in Bangkok ที่จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 4 และอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม 2561 ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานีนี้ บัตรขายหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่กี่นาที และเป็นศิลปินเกาหลีเพียงไม่กี่วงที่ทำลายสถิติบัตรคอนเสิร์ตที่จัดในอิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ขายหมดเกลี้ยงทั้ง 2 วัน

 

32090038_586932198331023_7931Wanna One World Tour in Bangkok 

 

ผลงานและความสำเร็จของ Wanna One

Wanna One นับเป็นหนึ่งวงไอดอลที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากด้วยผลรางวัลมากมายที่พวกเขาได้รับไม่ว่าจะเป็น 2017 SORIBADA BEST K-MUSIC AWARDS ในสาขา Rising Hot Star Award และ Best Rookie Award, 2017 Asian Artist Awards สาขา Super Rookie Award, รางวัลใหญ่อย่าง 2017 Mnet Asian Music Awards (MAMA2017) ในทั้งสามสาขา Best New Male Artist, Best Male Group และ Best of Next Award ไปจนถึง 32nd Golden Disc Awards ในสาขา New Artist of the Year แค่นี้ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความสามารถตลอดจนกระแสการตอบรับอันท่วมท้นของพวกเขาซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์หนึ่งแห่งวงการ K-POP ที่ใช้เวลาไม่ถึงปีในการสร้าง

 

 34321843_600039773686932_5122

34393956_599566253734284_3369

 

อนาคตของ Wanna One หลังหมดสัญญา

ถึงแม้ว่าอายุสัญญาของวงนี้จะเหลืออีกไม่นานแต่แฟนๆ ทุกคนก็อย่าเพิ่งเสียใจเพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็จะยังคงมีผลงานให้พวกเราได้ติดตามกันเป็นแน่ เพราะเมื่อพูดถึงวงรุ่นพี่อย่าง I.O.I หรือที่ย่อมาจาก Ideal of Idol ที่ผ่านการคัดเลือกจากโปรเจกต์ Produce 101 Season 1 ทุกคนล้วนแล้วแต่มีผลงานทางด้านต่างๆ ออกมาให้แฟนๆ ได้รับชม ไม่ว่าจะเป็นผลงานการแสดง งานโฆษณา หรือแม้แต่การเดบิวต์เป็นศิลปินเดี่ยวไปจนถึงวงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดัง เช่น gugudan, PRISTIN, Cosmic Girls ได้ยินแบบนี้แล้วแฟนๆ หลายคนน่าจะอุ่นใจขึ้นมาบ้าง เพราะถึงอย่างไรพวกเขาทุกคนก็ต้องกลับไปตามต้นสังกัดหรือเส้นทางที่พวกเขาเลือกเดิน ถึงแม้ว่ามันอาจจะทำให้แฟนๆ หลายคนเสียใจแต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแฟนๆ ทุกคนคงไม่ทิ้งพวกเขาทุกคนไปไหนเป็นแน่ (นอกจากผู้ชนะในรายการแล้ว ผู้เข้าแข่งขันรายอื่นๆ ก็ได้รับความนิยม และมีผลงานต่อยอดกันมากมายเช่นกัน)

 

ความสำเร็จของโปรเจค Produce 101 นำไปสู่ Produce48

จากความสำเร็จของโปรเจกต์ Produce 101 ที่ผ่านมาทั้งสองซีซั่นนำไปสู่การร่วมมือกันระหว่างแฟรนไชส์ยักษ์ใหญ่ของทั้งสองประเทศอย่าง J-POP ไอดอลกรุ๊ป AKB48 ของญี่ปุ่น และ Produce 101 ของเกาหลี กลายเป็นโปรเจกต์ใหญ่อย่าง Produce48 ผู้เข้าแข่งขันจะเป็นเด็กฝึกหัด รวมถึงไอดอลจากค่ายเพลงของเกาหลี และสมาชิกกรุ๊ป 48 ของญี่ปุ่น และสมาชิกที่ชนะจะได้รับการโปรโมทเป็นระยะเวลาสองปีครึ่งด้วยกัน

รายการ Produce48 มีกำหนดฉายในวันที่ 15 มิถุนายน 2018 นี้ ผ่านช่อง Mnet เหมือนเดิม แฟนคลับต้องคอยตามดูตามเชียร์กันต่อไปว่า การแข่งขันจะเข้มข้นมากขึ้น และจะประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามจนกลายเป็น talk of the town เหมือน 2 ซีซั่นที่ผ่านมาหรือไม่

 

________________________

Story : Thanaphon W.

ขอขอบคุณรูปภาพจาก Facebook: Wanna One 워너원

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook