"Mayday Life Tour" คอนเสิร์ตวงร็อคจากไต้หวันที่ “ภาษา” ไม่อาจขวางกั้นเสียงดนตรี

*** ภาพประกอบในบทความนี้ ส่วนหนึ่งเป็นภาพบรรยากาศคอนเสิร์ตในประเทศจีนและประเทศไต้หวัน ***

 

จากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปยังจุดหมายปลายทางที่สนามบินชางงี ประเทศสิงคโปร์ ใช้เวลาบิน 2 ชั่วโมงเศษ ภายใต้ระยะทางรวม 1,419 กิโลเมตร และเดินทางต่อไปยังสนามกีฬาแห่งชาติ (National Stadium) อีก 17 นาที ในที่สุดก็มาถึงจุดหมายปลายทางกับคอนเสิร์ต "Life Tour" ของวง Mayday ศิลปินร็อคสัญชาติไต้หวัน ร่วมกับทีมงานของ Live Nation BEC-Tero ซึ่งการเดินมายังสนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ ซึ่งเป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตไม่ยากลำบากนัก เนื่องจากแฟนเพลงสามารถเดินทางมายังสถานที่จัดคอนเสิร์ตได้หลากหลายเส้นทาง ทั้งการขับรถส่วนตัว หรือรถไฟใต้ดินก็สามารถนำพาแฟนเพลงมาได้โดยง่าย

สารภาพตามตรงว่า ผู้เขียนไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของวง Mayday มาก่อน ทันทีที่ทราบว่าจะต้องเดินทางเพื่อมารับชมคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบของวงดนตรีที่ไม่มักคุ้นเช่นนี้ สองสิ่งที่ต้องทำอย่างแรก นั่นคือ ค้นหาข้อมูลของพวกเขาอย่างเร่งด่วน พร้อมกับลองฟังเพลงผ่านบริการสตรีมมิง แล้วก็ได้ทราบว่า สำนักข่าวยักษ์ใหญ่อย่าง CNN ได้เคยขนานนามวง Mayday ให้เป็น Chinese Beatles หรือ เดอะ บีทเทิลส์ แห่งประเทศจีน เลยทีเดียว ซึ่งการที่สื่อระดับโลก เปรียบวง Mayday ดั่งวงร็อคแอนด์โรลระดับตำนานเช่นนี้ ย่อมทำให้เกิดความสงสัยว่า จะเป็นอย่างที่ถูกยกย่องจริงหรือ?

Mayday ฟอร์มวงมานานกว่า 21 ปีแล้ว มีสตูดิโออัลบั้มทั้งหมด 9 ชุด โดยอัลบั้มล่าสุด History of Tomorrow ที่วางจำหน่ายในปี 2016 ก็เป็นอีกอัลบั้มที่ได้รับเสียงตอบรับค่อนข้างดี พร้อมกันนี้ Mayday ยังเป็นวงที่เคยได้รับรางวัล Golden Melody Awards ซึ่งเปรียบได้กับรางวัล Grammy Awards ของสหรัฐอเมริกามากถึง 4 ครั้ง ในปี 2001, 2004, 2009 และ 2012

(จากซ้ายไปขวา) ก่วนโหย่ว, สือโถว, อาซิ่น, ไกว้โซว่ และ หม่าซา

(จากซ้ายไปขวา) ก่วนโหย่ว, สือโถว, อาซิ่น, ไกว้โซว่ และ หม่าซา

 

ทางด้านแนวเพลงของวง Mayday จัดอยู่ในกลุ่มวงดนตรีร็อคที่มีเนื้อหาเติบโตไปตามช่วงวัยของวง ในช่วงอัลบั้มแรกๆ Mayday มักจะเขียนเนื้อเพลงเกี่ยวกับการตั้งคำถามต่อสังคม ความสับสนของชีวิตวัยรุ่น ก่อนที่เนื้อเพลงในอัลบั้มหลังๆ จะเปลี่ยนไป มีเนื้อหาที่เติบโตขึ้นตามอายุวัยของวง และแฝงไปด้วยปรัชญาที่ลุ่มลึก ซึ่งกลั่นมาจากประสบการณ์ของสมาชิก

เมื่อเหลือบมองดูนาฬิกาพบว่า เรามาถึงสนามกีฬาแห่งชาติก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่มต้นขึ้นราวๆ หนึ่งชั่วโมง หลังจากรับบัตรคอนเสิร์ตจากทีมงาน Live Nation BEC-Tero เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่พบเห็นเป็นอย่างแรกนั่นคือ ปริมาณแฟนเพลงที่กะด้วยสายตาแล้ว น่าจะเต็มความจุที่นั่งของสนามกีฬาแห่งนี้ ซึ่งในระหว่างที่กำลังรอให้นาฬิกาถึงเวลาที่คอนเสิร์ตเริ่มต้นขึ้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา จึงถือโอกาสนี้เดินสำรวจบริเวณโดยรอบ พร้อมกับพูดคุยกับแฟนเพลงที่กำลังรอให้ถึงห้วงเวลาของความสุขที่ 5 สมาชิก Mayday จะมอบให้ในค่ำคืนนี้ แฟนเพลงชาวสิงคโปร์กลุ่มหนึ่งที่เรามีโอกาสได้พูดคุยนั้น บอกว่าพวกเขาชื่นชอบในเนื้อเพลงของวง Mayday ที่เปี่ยมไปด้วยการให้กำลังใจ และการแสวงหาความหมายของชีวิต อีกทั้งยังเป็นวงที่มีมุขตลก และการใช้แสง สี เสียง ที่ตระการตา

ขณะเดียวกัน เมื่อกวาดสายตาไปโดยรอบมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่ประการหนึ่ง นั่นคือ แฟนเพลงที่มาร่วมคอนเสิร์ต Life Tour มีทุกเพศ และทุกช่วงอายุ แฟนเพลงบางคนเป็นเด็กวัยรุ่น กะเกณฑ์อายุก็น่าจะเรียนอยู่ระดับมหาวิทยาลัย มองไปอีกด้านหนึ่งก็เห็นแฟนเพลงที่มาเป็นคู่รัก มาเป็นครอบครัวพ่อ-แม่-ลูก ซึ่งจุดนี้ชวนให้หวนคิดว่า นี่อาจเป็นสิ่งหนึ่งที่วง Mayday คล้ายคลึงกับ The Beatles เพราะวงสี่เต่าทอง ก็ยังเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย และยังมีแฟนเพลงรุ่นใหม่ๆ ติดตามเพิ่มขึ้นตลอดเวลา เช่นเดียวกับวง Mayday ที่เป็นวงโปรดของคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ ก่อนที่จะส่งต่อความชอบไปยังรุ่นลูก และอาจไปถึงรุ่นหลาน ดังนั้นแล้ว ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่คอนเสิร์ต Life Tour ของ Mayday จะมีแฟนเพลงรุ่นเยาว์ให้เห็นหนาตา

สิ้นสุดการรอคอย Mayday ปรากฏตัวแล้ว!

สิ้นสุดการรอคอย Mayday ปรากฏตัวแล้ว!

 

คอนเสิร์ตของวง Mayday เริ่มต้นขึ้นตรงตามเวลาที่ประกาศไว้พอดี สมาชิก Mayday ทั้ง 5 คน ปรากฏตัวบนเวที ด้วยวิดีโอเปิดตัวในธีมซูเปอร์ฮีโร่ พร้อมกับแนะนำสมาชิกในวงทีละคน ก่วนโหย่ว (Ming) มือกลอง, หม่าซา (Masa) มือเบส, ไกว้โซว่ (Monster) และ สือโถว (Stone) มือกีตาร์ รวมถึง อาซิ่น (Ashin) ร้องนำ เมื่อจบสิ้นการแนะนำตัว 5 ศิลปิน Mayday ประเดิมเปิดคอนเสิร์ตด้วยเพลง “Party Animal” ซึ่งแค่เพลงแรกก็ทำให้ทั่วทั้งสนามกีฬาแห่งชาติโบกแท่งไฟโดยพร้อมเพรียงกัน ตามด้วยเสียงกระทืบเท้าที่ได้อารมณ์ตามจังหวะดนตรี โดยเฉพาะเสียงกระเดื่องของมือกลอง ก่วนโหย่ว ที่ทำให้เราแทบหยุดกระทืบเท้าไม่ได้เลย และความมันยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ Mayday ส่งเซ็ตลิสต์สุดมันอย่าง “OAOA” ที่มีเนื้อหากินใจ เป็นการเล่าถึงชีวิตที่แสนสั้น จงอย่าคิด อย่ากลัว มุ่งหน้าไปข้างหน้าด้วยความกล้า ตามมาด้วย “Ru Zhen Qu” และ “Chao Ren” ที่เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนเพลงด้วยเสียงโซโล่กีตาร์

แม้ว่า การแสดงสดของ Mayday ถูกจัดขึ้นในสนามกีฬาที่มีลักษณะเป็นหลังคาปิด จึงทำให้เกิดเสียงก้อง เสียงสะท้อนกระทบไปมาอยู่บ้าง แต่ก็เป็นแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งไม่ทำให้อรรถรสในการรับชมคอนเสิร์ตหายไป ตรงจุดนี้ต้องชื่นชมทีมโปรดักชั่นที่ทำให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจ

(เสื้อขาว) ก่วนโหย่ว มือกลองของวงลุกขึ้นมาโชว์พลังเสียง

(เสื้อขาว) ก่วนโหย่ว มือกลองของวงลุกขึ้นมาโชว์พลังเสียง

 

เซ็ตเพลงยังดำเนินต่อไป โดยลดดีกรีความเข้มข้นกลายเป็นเพลงที่ช้าลง เริ่มตั้งแต่ “Gan Bei”, “Xiong Di” และ “Ren Sheng You Xian Gong Si” ที่น่าสนใจ คือในเพลง “Gan Bei” เป็นเพลงที่เราได้ฟังเสียงร้องของสมาชิกทุกคนในวง ซึ่งน่าทึ่งเหลือเกินที่ทุกคนต่างมีเส้นเสียงที่ไพเราะไม่แพ้อาซิ่น นักร้องนำของวง

บนเวทีอลังการจริงๆ

บนเวทีอลังการจริงๆ

 

เมื่อบนเวทีดำเนินมาถึงครึ่งทาง การ Performance ของวงยังไม่มีทีท่าจะดร็อปลง แต่กลับค่อยๆ ทวีความร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังสามารถกระตุ้นให้แฟนเพลงกู่ร้องทุกบทเพลงของพวกเขาอย่างไร้ความเหน็ดเหนื่อย ที่น่าสนใจ Mayday เป็นวงที่ให้ความสำคัญกับวิชวล แสง สี เสียงครบ มีการใช้วิดีโอเป็นสื่อผสมช่วยในการเล่าเรื่อง และใช้ในการเปลี่ยนธีมเพลงได้อย่างไร้รอยต่อ

"I Will Carry You" เพลงที่ทำให้แฟนๆ ต้องลุกขึ้นมากระโดดไปตามจังหวะ

 

ก่อนที่คอนเสิร์ตจะเข้าถึงช่วงโค้งสุดท้าย Mayday ได้งัดไม้เด็ดส่งเพลงใหม่ “I Will Carry You” ที่เปลี่ยนให้ทั้งสนามกีฬาแห่งชาติเต็มไปด้วยไลท์ติ้งสีแดงสด ยิ่งเร่งปลุกเร้าอารมณ์มากขึ้น และทีเด็ดยังไม่หยุดเท่านั้น เพราะเซ็ตเพลงต่อมาอย่าง “Li Kai Di Qiu Biao Mian” และ “Fan Ren Ge” ได้ทำให้คนดูทั้งหมด ต่างพร้อมใจลุกจากเก้าอี้ กระโดดไปทุกจังหวะของเพลง ซึ่งเป็นภาพที่เห็นแล้วบอกได้คำเดียวว่า ทึ่ง!

ถึงที่สุดแล้ว งานเลี้ยงย่อมต้องมีวันเลิกรา จากจังหวะที่รัวและเร็ว ค่อยๆ ช้าลง “What a song”, “Ren Yi Men” และ “Ren Sheng Hai Hai” เป็นสามเพลงปิดท้ายค่ำคืนอันน่าประทับใจจนยากลืมเลือนนี้ แต่อารมณ์ของแฟนเพลงยังไม่อยากลาจากศิลปินที่พวกเขารัก สุ้มเสียงอังกอร์ดังขึ้นโดยมิได้นัดหมาย เช่นเดียวกับแสงจากแท่งไฟที่พลิ้วไหวเพื่อรอการกลับมาของศิลปิน ซึ่งการรอคอยที่แสนยาวนานของแฟนก็สิ้นสุดลง เมื่อ Mayday ออกมาเล่นต่ออีก 3 เพลงรวด “Zhong Yu Jie Shu De Qi Dian”, “Wo Bu Yuan Rang Ni Yi Ge Ren” และ “Zhuan Yan” แต่ใช่ว่า 3 เพลงจะเพียงพอ แฟนๆ ยังคงร้องตะโกนอังกอร์ต่อไป จน Mayday ต้องออกมาเล่นอีก 2 รอบ ก่อนที่ไฟคอนเสิร์ต จะค่อยๆ สว่างขึ้น พร้อมกับเพลงสุดท้ายที่แฟนเพลงทุกคนลุกยืนขึ้นพร้อมกัน เป็นการปิดฉาก Mayday Life Tour อย่างสมบูรณ์

ความอลังการของ Mayday

ความอลังการของ Mayday

 

ตลอดเวลากว่าสามชั่วโมงของคอนเสิร์ต Mayday Life Tour สิ่งที่น่าประทับใจมากที่สุด นั่นคือ ความสามารถในการแสดงสดของพวกเขาอยู่ในระดับที่เยี่ยมยอด ทำให้แฟนเพลงสนุกไปกับเสียงดนตรีตลอดทุกช่วงของคอนเสิร์ต มีการใช้สื่อจำพวกวิดีโอเข้ามาผสานกับการเล่นคอนเสิร์ตจนเกิดความลงตัว อีกทั้งงานโปรดักชั่นจัดหนักจัดเต็มครบทั้งแสง สี เสียง ทุกอย่างล้วนดูอลังการไปหมด เมื่อหวนกลับไปคิดถึงคำกล่าวยกย่องของ CNN แล้ว การที่ Mayday จะเป็น Chinese Beatles ในความเห็นผู้เขียนไม่ได้เป็นคำกล่าวที่เกินจริงแม้แต่น้อย

เหนือสิ่งอื่นใด แม้วง Mayday จะเป็นวงดนตรีที่ใช้ภาษาจีนเป็นสื่อกลางของเสียงดนตรี ซึ่งแม้เราจะไม่ได้มีความเข้าใจในภาษาจีน แต่ก็ยังรู้สึกสนุกไปกับ 3 ชั่วโมงของคอนเสิร์ต Life Tour ชนิดที่ว่า หลังจบคอนเสิร์ตก็ยังฟังเพลงของวง Mayday ผ่านบริการสตรีมมิง ไปจนถึงการค้นหาย้อนดูวิดีโอของพวกเขาในยูทูปอยู่บ่อยครั้ง ในมุมกลับหากคุณเป็นคนที่เข้าใจภาษาจีน ผู้เขียนเชื่อว่า วง Mayday สามารถเข้าไปนั่งเป็นศิลปินในดวงใจของคุณอย่างแน่นอน

คำกล่าวที่เคยได้ยินจนคุ้นชินหูว่า ภาษา มิได้เป็นอุปสรรคต่อประสบการณ์ทางดนตรี สำหรับผู้เขียนมันเป็นเรื่องจริงที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว

 

สำหรับคอดนตรีชาวไทยที่อยากพิสูจน์ว่า สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นจริงหรือไม่ วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม 2018 อยากให้ลองมาเปิดประสบการณ์ดนตรีด้วยกันกับวง Mayday ด้วยกัน โดยติดตามรายละเอียดและความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมได้ที่ www.bectero.com หรือที่เฟซบุ๊ก www.facebook.com/bectero

 

Story by: Wiwat R.
Photos by: Live Nation BEC-Tero