หวดกลอง ร้อง เล่น! ความเดือดไม่ยั้งครั้งแรกบนผืนแผ่นดินไทยของ “Anderson .Paak” | Sanook Music

หวดกลอง ร้อง เล่น! ความเดือดไม่ยั้งครั้งแรกบนผืนแผ่นดินไทยของ “Anderson .Paak”

หวดกลอง ร้อง เล่น! ความเดือดไม่ยั้งครั้งแรกบนผืนแผ่นดินไทยของ “Anderson .Paak”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อาจจะเรียกได้ว่าค่ำคืนที่ผ่านมา (23 กรกฎาคม 2561) เป็นวาระ Hip Hop Night” แห่งชาติไทยก็ว่าได้ เพราะฟากหน้าจอทีวีหรือสมาร์ทโฟนต่างลุ้นกันตัวโก่งสำหรับรอบสุดท้ายของรายการ The Rapper รวมถึงการทำเพลงใหม่ร่วมกันในรอบ 20 ปีของ โจอี้ บอย และ ขันเงิน Thaitanium แต่สำหรับคนที่อยากออกมาปาร์ตี้ Voice Space ถือได้ว่าเป็นแดนสวรรค์ เพราะนี่คือสถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ตครั้งแรกในเมืองไทยของ Anderson .Paak ศิลปินฮิปฮอป/นีโอโซลมาแรงแห่งยุคกับ Johnnie Walker presents Anderson .Paak & The Free Nationals โดยผู้จัด HAVE YOU HEARD? นั่นเอง

โปสเตอร์คอนเสิร์ตเด่นเป็นสง่า

ใครที่เคยชมการแสดงสดของหนุ่มจากแคลิฟอร์เนียผู้นี้มาแล้ว ไม่ว่าจะนั่งหรือนอนดูจากทางเว็บไซต์ยูทูป หรือแม้แต่มีโอกาสเดินทางไปดูตามมิวสิคเฟสติวัลต่างๆ คงทราบดีว่า โชว์บนเวทีนั้นเดือดดาลเพียงใด สาดใส่ความมันในฐานะนักร้องอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็แวบไปหวดสแนร์บ้าง กลับออกมาวาดลวดลายสเต็ปแดนซ์บ้าง รวมไปถึงวง The Free Nationals ที่เล่นดีเหลือหลาย กลายเป็นความคาดหวังอันล้นปรี่ที่มีต่อโชว์ของ Anderson .Paak ในครั้งนี้

เดินเข้าสู่ฮอลล์ด้านในพร้อมบีตคึกคักจาก DJYP หรือในชื่อเสียงเรียงนามจริงว่า ชาครีย์ ยุทธารักษ์-บุณยรัตพันธุ์ หรือ เอี่ยว ที่สายเต้นรำน่าจะพอคุ้นหน้าคุ้นตาจากการเป็นดีเจประจำให้กลุ่มปาร์ตี้ชื่อดังอย่าง Trasher ซึ่งมาวอร์มเครื่องผู้ชมทั้งไทยและเทศด้วยดนตรีอิเล็กทรอนิกส์หลากหลายแนว บ้างก็พาเข้าป่าด้วยซาวด์แบบชนเผ่า ย้อนยุคกลับไปในยุค 80s ด้วยดนตรีซินธ์ป็อป หรือหนักแน่นด้วยจังหวะจะโคนในสไตล์ Deep house เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา DJYP มอบความลื่นไหลแบบไร้ซึ่งการสะดุด พร้อมเทคนิคอันแพรวพราวหาตัวจับยาก บอกเลยว่าใครไม่เคยติดตามดีเจคนนี้ ขอให้ลองสักครั้งจะติดใจ

DJYP

อุ่นเครื่องกับ DJYP

 

แก๊ง SOYBAD

แก๊ง SOYBAD

 

DJYP ยังทำหน้าที่อยู่หลังบูธดีเจเช่นเดิม แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือบีตฮิปฮอป พร้อมการปรากฏตัวของ 3 หนุ่มชาวแก๊ง SOYBAD ซึ่งนำทีมมาโดย Limousine ที่รันวงการฮิปฮอปมายาวนาน ร่วมด้วย Zigga Rice และ Jason Creer ที่ชวนคนดูโยกไปกับเพลงอย่าง “Do It 4 Love”, “Pussi” รวมไปถึง “High Luv” ที่เพิ่มเอเนอร์จี้ให้งานได้อย่างดีเยี่ยม

ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น วงเปิดลำดับต่อไปน่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะหลังจาก DJYP คั่นอารมณ์คนดูด้วยการรีมิกซ์เพลงดังอย่าง “อยู่ดีๆก็...” จาก WonderFrame และ “ฝน” จาก Yaak Lab ก็ถึงเวลาของ JUU ซึ่งมี Rastafah 4E หรือ จารย์จู นำทัพ ร่วมด้วยอีก 3 แร็ปเปอร์ที่ทำให้เวทีสั่นสะเทือนไปด้วยซาวด์ฮิปฮอปเฉพาะตัว มีการนำเสียงดนตรีท้องถิ่นมาผสมผสาน ที่เรียกเสียงกรี๊ดได้เพียบก็คงหนีไม่พ้นการนำ sampling เพลง “ค้างคาวกินกล้วย” มาใส่ลงไปในเพลง “เนื้อกับน้า” หรือแม้แต่ “ชมนกชมไม้” ที่อยากจะออกลวดลายรำวงให้รู้แล้วรู้รอด นอกจากนั้นพวกเขายังผสมกลิ่นอายดนตรีแดนซ์ฮอลล์, ไซคีเดลิก รวมไปถึง Dub ที่สามารถโยกย้ายส่ายร่างกายกันได้อย่างเต็มที่อย่างเพลง “กัญชลี”, Smoke with Dad”, “ไร้การควบคุม”,  “หวาด”, “สุขไปทั่วกัญ” เป็นต้น ยอมรับว่าเพอร์ฟอร์แมนซ์ของ JUU นั้นเต็มไปด้วยพลัง และคอนเซ็ปต์ในการเล่าเรื่องนั้นชัดเจนและแข็งแรงมากในการเชื่อมโยงสู่พืชสมุนไพรบางชนิดที่ยังมีข้อถกเถียงอยู่ว่าควรจะเป็นสิ่งถูกกฎหมายหรือไม่ หากจะมีข้อติก็คงเป็นสมดุลระหว่างสมาชิกในวง ที่เห็นได้ชัดๆ ก็คือ น้ำเสียงของแร็ปเปอร์สาวที่อาจจะดูล้นเกินพอดี หรืออีก 2 หนุ่มที่บทบาทดูจะน้อยไปสักหน่อย

เคลิบเคลิ้มความสนุกจาก JUU

เคลิบเคลิ้มความสนุกจาก JUU

 

เอาล่ะ! ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย จากภายในฮอลล์ที่ยังไม่แน่นนัก ตอนนี้ด้านหน้าและหลังเต็มแทบจะทุกพื้นที่ ไฟดับลง จอด้านหลังปรากฏโลโก้ Anderson .Paak & The Free Nationals เด่นเป็นสง่า ชายหนุ่มวัย 32 ปีจากแคลิฟอร์เนียผู้มีนามจริงว่า Brandon Paak Anderson ขึ้นมาพร้อมผ้าโพกหัวสีฟ้า เสื้อยืดสีสด กระโดดโลดเต้นแบบลืมตายตั้งแต่เพลงแรกอย่าง Come Down” แถมยังต่อด้วย sampling เพลง “The Next Episode” ผลงานขึ้นหิ้งจาก Dr. Dre ที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ปลุกปั้น Anderson .Paak มากับมือก็ว่าได้ และจัดสเต็ปชวนโยกต่อเนื่องด้วย “The Waters” ที่เขาเอ่ยปากชวนคนดูให้เปิดอะไรก็ได้ที่ส่องแสง! และปิดเซ็ตแรกด้วย “Glowed Up”

Anderson .Paak มาแล้ว!

Anderson .Paak มาแล้ว!

 

ดูเหมือนว่า Anderson .Paak จะซ้อมภาษาไทยมาประโยคเดียวนั่นก็คือ “ซาหวาดดีค้าบ” แต่ก็เอาใจแฟนเพลงชาวไทยไปแบบเต็มๆ และเมื่อไล่เรียงเพลงชุดต่อมาที่เขาหยิบมาเล่นก็รู้ซึ้งทันทีว่า ช่วงแรกน่ะแค่อุ่นเครื่อง! เริ่มต้นจากซิงเกิลล่าสุด “Bubblin” ที่ทำเอาดีกรีความร้อนระอุพุ่งสูงในทันทีที่อินโทรขึ้น แถมในช่วงท้ายเขาก็เดินไปยังกลองชุดประจำตำแหน่ง และทำการหวดสแนร์แบบไม่ลืมหูลืมตา หลังจากนั้น Anderson .Paak ก็นั่งอยู่หลังกลองชุดยาว สลับกับถือไมค์ออกมาหน้าเวทีบ้าง กับเพลงอย่าง “The Season / Carry Me” และ “Put Me Thru”

สวมบทบาทมือกลอง

สวมบทบาทมือกลอง

 

Anderson .Paak คือมือกลองระดับเทพ … หลายคนอาจจะเคยเห็นในคลิปมาบ้างประปราย แต่สำหรับคนที่ได้ชมเป็นขวัญตาเมื่อคืนที่ผ่านมานี่แทบจะคุกเข่าก้มหัวลงคารวะหลายๆ รอบ แต่ละเม็ดที่หวดสแนร์หรือเครื่องทองเหลืองลงไปคือคมกริบ เทคนิคสะบัดข้อมือคือไร้คำบรรยาย ตีได้ทั้งกรู๊ฟและอิมโพรไวส์สด เป็นโชว์ที่ทั้งตื่นตาตื่นใจและน่าตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน

ทันใดนั้นเอง เนื้อร้องที่ว่า “Ooh, champagne foreign dime.” ก็ดังขึ้นพร้อมเสียงกรี๊ดดังสนั่น ถึงคิวอีกหนึ่งเพลงดังอย่าง Heart Don’t Stand A Chance” ที่ทำให้ทุกคนระเบิดฟลอร์แดนซ์ของตัวเองอย่างไม่ได้นัดหมาย แถมต่อด้วยจังหวะฟังกี้เท่ๆ ในเพลง Sweet Gidget” กับการที่ Anderson .Paak บอกให้แฟนๆ โยกซ้าย โยกขวา ไปตามสเต็ป โอ้โห… ตั้งคำถามในใจว่า เห็นภาพแบบนี้ในคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายคือเมื่อไหร่ หลังจากนั้นก็มาสนุกกับเร็กเก้สไตล์ในเพลง Room In Here” ที่แตกต่างไปจากเวอร์ชั่นดั้งเดิมแบบสุดขั้ว แต่ทีเด็ดอยู่ตรงช่วงเริ่มแรกที่ Ron Tnava Avant มือคีย์บอร์ดแห่งวง The Free Nationals โชว์โซโล่สุดหวาน แล้วบิดให้เป็นท่วงทำนองสวิงแจ๊ส เสมือนว่าเรานั่งอยู่ในผับดีๆ แห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้

บรรยากาศด้านบน

บรรยากาศด้านบน

 

’Til It’s Over” คือเพลงต่อมาที่เขาเลือกหยิบมาโชว์ แล้วค่อยย้อนอดีตกลับไปสู่สตูดิโออัลบั้มชุดแรกอย่าง Venice กับเพลง Miss Right” และต่อด้วย Suede” ที่ในสตูดิโอเวอร์ชั่นนั้นเป็นการแจมร่วมกับ Knxwledge ก่อนจะเข้าสู่ดินแดนดิสโก้กันอย่างสุดเหวี่ยงด้วย “Am I Wrong” อีกหนึ่งเพลงฮิตที่ในอัลบั้มนั้นได้ ScHoolboy Q มาฟีทเจอริ่ง บอกตามตรงว่าตอนนั้นเท้าแทบจะไม่ติดพื้นกันแล้ว ส่วน 2 เพลงสุดท้ายในโชว์จะเป็น “Light Weight” และ Luh You” ที่เรายกให้เป็นมาสเตอร์พีซของคอนเสิร์ตเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ด้วยการชวนคนดูร้องรำทำเพลงไปกับวง แต่ละไลน์กลองช่างเด็ดสะระตี่ และมีความพีคขึ้นเรื่อยๆ เหมือน Anderson .Paak ขอหวดแบบไม่ยั้งสั่งลา แม้ลูกหวดในแต่ละรอบในท่อนดังกล่าวจะคล้ายคลึงกัน แต่ความรู้สึกที่ได้ฟังกลับแตกต่าง หนักขึ้นเรื่อยๆ สะใจขึ้นเรื่อยๆ อย่างแท้จริง

หวดสแนร์ไม่ยั้ง

หวดสแนร์ไม่ยั้ง

 

แต่เดี๋ยวก่อน! Anderson .Paak จะไม่เล่นอีกหนึ่งแทร็คที่เรารอคอยอย่าง The Bird” จริงหรือ … ท้ายที่สุดก็สมใจ เพราะนี่คืออังกอร์เพลงแรก ก่อนที่จะแถม “The Dreamers” ให้แฟนๆ ได้เต้นรำกันเป็นการส่งท้าย และคอนเสิร์ตครั้งนี้ก็กลายเป็นอีกหนึ่งโชว์แห่งปี 2018 ที่ยอดเยี่ยมเอามากๆ

หากจะยกย่องว่า Anderson .Paak คือหนึ่งในเอนเตอร์เทนเนอร์เบอร์ต้นๆ ของวงการดนตรีโลกในยุคปัจจุบันก็คงไม่ใช่ประโยคที่เกินเลยไปนัก และการที่เขาเป็นทั้งนักแต่งเพลง, โปรดิวเซอร์, นักร้อง, มือกลอง และ แร็ปเปอร์ ในคนๆ เดียว ทำให้ทุกสิ่งที่เห็นบนเวทีนั้นน่าทึ่งจนไม่รู้จะสรรหาคำใดมาอธิบาย 1 ชั่วโมงครึ่งกับพลังงานที่อัดแน่นเต็มเปี่ยม ดีกรีความเดือดที่ไต่ระดับความพีคตั้งแต่เริ่มต้น และไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ทำให้คอนเสิร์ต Johnnie Walker presents Anderson .Paak & The Free Nationals นั้นไม่มีช่วงไหนที่ชวนง่วงหงาวหาวนอนเลย

ความสนุกตลอดทั้งค่ำคืน

ความสนุกตลอดทั้งค่ำคืน

 

อาจจะเรียกว่าเป็น “พรสวรรค์” ที่ติดตัวเขามาก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก หรือจะบอกว่าเขาคือ “อัจฉริยะ” ก็สามารถพูดได้เต็มปากเช่นกัน เล่าให้เห็นภาพง่ายๆ การที่ Anderson .Paak สวมบทบาทนักร้องและมือกลองในโชว์เดียวกัน อาจจะเป็นภาพชินตาที่คอดนตรีเห็นอยู่บ่อยครั้งสำหรับการที่มือกลองสักคนจะตีกลองไปด้วยร้องเพลงไปด้วย แต่สำหรับเขาผู้นี้น่ะเหรอ…

ปากพ่นคำแร็ปออกมาแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน (อยากจะถามว่า เอาจังหวะไหนหายใจ) ข้อมือก็รัวไฮแฮทด้วยความเร็วสูงจนน่าเหลือเชื่อ แถมลูกส่ง (ณ ขณะที่ปากก็ยังเอื้อนเอ่ยคำร้อง) ก็ไม่ใช่จังหวะแพตเทิร์นตามปกติ มันเป็นความรู้สึกเซอร์ไพรส์ตลอดเวลาว่า เขาจะส่งด้วยลูกกลองแบบไหนอีก จังหวะนี้เขาคิดค้นมาได้อย่างไร ท่อนไหนซ้อม ท่อนไหนสด ในใจหลายครั้งหลายคราที่อุทานออกมาว่า บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้ว! แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ อยากให้รับชมด้วยสองตาของคุณเองมากกว่าดูจากคลิปเป็นไหนๆ

Anderson .Paak และเหล่าขุนพล The Free Nationals

Anderson .Paak และเหล่าขุนพล The Free Nationals

 

อีกหนึ่งคำชมขอยกให้ The Free Nationals วงดนตรีคู่บุญของ Anderson .Paak ที่ออกทัวร์คอนเสิร์ตกับเขามาเนิ่นนาน 4 สมาชิกอย่าง Jose Rios (กีตาร์), Ron Tnava Avant (คีย์บอร์ด), Callum Connor (ดีเจ) และ Kelsey Gonzalez (เบส) กับทีมเวิร์กอันแข็งแกร่ง สกิลการเล่นดนตรีของแต่ละคนเต็มไปด้วยความน่าสนใจ จุดเด่นของวงดนตรีวงนี้คือไม่มีการแย่งซีนเกิดขึ้นแม้แต่น้อย ทุกคนส่งเสริมในแต่ละท่อนแต่ละเพลงซึ่งกันและกันได้อย่างน่าฟัง

มีเพียงจุดที่เรายืนฟังบริเวณด้านหลัง เสียงกีตาร์ รวมถึงเสียงร้องในบางเพลงอาจจะดูเบาไปสักนิด รวมถึงเสียงเบสที่ค่อนข้างนัวและไม่เคลียร์นัก ทำให้เสียงกลองของ Anderson .Paak นั้นกลบในบางช่วงบางตอน ทว่าเมื่อลองเข้าไปอยู่บริเวณกลางฮอลล์ถึงหน้าเวทีก็พบว่า ได้ยินชัดเจนกว่าจุดก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม พลังของการแสดงสดขั้นสุดก็ทำให้เราลืมทุกสิ่งทุกอย่าง และอินไปกับทุกท่วงทำนองฮิปฮอปและนีโอโซลที่ Anderson .Paak สร้างสรรค์ขึ้นตลอดโชว์

จนทำให้คำมั่นสัญญาที่เขาให้ไว้บนเวทีว่าจะกลับมา … หวังว่ามันจะเป็นความจริง

 

Story by: Chanon B.
Photos by: HAVE YOU HEARD?

อัลบั้มภาพ 114 ภาพ

อัลบั้มภาพ 114 ภาพ ของ หวดกลอง ร้อง เล่น! ความเดือดไม่ยั้งครั้งแรกบนผืนแผ่นดินไทยของ “Anderson .Paak”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook