ตลก มัน ฮา ไปกับ Mike Shinoda จัดเต็มทั้งผลงานเดี่ยว เพลงจาก Linkin Park และ Fort Minor
“มีใครเคยบอกผมไว้ว่าที่กรุงเทพนี่รสนิยมแฟชั่นดีนะ ดูอย่างค่ำคืนนี้สิ มีคนใส่ชุดลายสก็อตสีดำแดงเยอะแยะเต็มไปหมด”
แค่ประโยคแรกๆ ที่ทักทายแฟนเพลงชาวไทยของ Mike Shinoda สมาชิก Linkin Park ที่ปล่อยผลงานเดี่ยวอัลบั้ม Post Traumatic และเริ่มเดินสายทัวร์เอเชียมาที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 2 ก็เล่นเอาฮากันไปทั้งฮอลล์ได้เป็นที่เรียบร้อย ใครที่คิดว่าบรรยากาศคอนเสิร์ตของหนุ่มไมค์จะเต็มไปด้วยความโศกเศร้า และหม่นหมองจากเพลงอัลบั้มเดี่ยวของเขาคงจะต้องรีบปรับอารมณ์ใหม่กันด่วนๆ เพราะแฟนเพลงทั้งไทย และเทศที่มารวมตัวกันในค่ำคืนวันที่ 9 ส.ค. 2018 ณ GMM Live House ชั้น 8 Central World โดยผู้จัดเจ้าใหญ่ BEC-Tero Entertainment ต่างก็รู้ดีว่าในคืนนี้เราจะได้ฟังผลงานเดี่ยวของหนุ่มไมค์ รวมไปถึงเพลงเด็ดๆ จาก Linkin Park และ side project ชื่อดังของหนุ่มไมค์อย่าง Fort Minor ด้วยแน่ๆ นั่นจึงทำให้บรรยากาศของคอนเสิร์ตนี้คึกคักตั้งแต่วันแถลงข่าว แฟนเพลงที่เจอไมค์ตามท้องถนนก็เข้าไปถ่ายรูป และพูดคุยได้อย่างใกล้ชิด ไมค์เองก็อัปโหลดภาพลง Instagram มากมาย แถมกิจกรรมขายของ Official merchandise และถ่ายรูปแจกภาพวาด และโปสเตอร์พร้อมลายเซ็นของไมค์ของ Warner Music Thailand ก็ได้รับความสนใจจากแฟนเพลงมากมาย
20.30 น. โดยประมาณ เมื่อไฟในฮอลล์ดับลงได้สักครู่ ไมค์และทีมดนตรีแบ็คอัพก็ขึ้นมาทักทายคนดูบนเวทีที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยฉากหลังที่ออกแบบคล้ายปูนเปลือย และวางทับข้างด้วยแผงไฟที่เปลี่ยนสีและกะพริบตามอารมณ์ และจังหวะของเพลง หลังจากต้อนรับแฟนๆ ด้วยเพลงจังหวะมันๆ อย่าง “Welcome” และ “Watching As I Fall” ผลงานจากอัลบั้ม Post Traumatic แล้ว หนุ่มไมค์ก็แซวแฟชั่นของแฟนๆ ที่แต่งตัวเลียนแบบ signature look ของเขา พร้อมกับชื่นชมแฟนเพลงชาวไทยว่าให้การตอบรับอย่างอบอุ่นกับเขาสุดๆ พร้อมทั้งบอกว่ามาเมืองไทยน่าจะเป็นครั้งที่ 5 แล้ว รวมถึงครั้งที่มากับ Fort Minor และ 50 Cents ด้วย (แอบแซวว่าเป็นงานที่สองวงดูไม่ค่อยจะเข้ากันยังไงไม่รู้ เพราะ Fort Minor ดูไม่ใช่แก๊งสเตอร์เสียหน่อย) พูดไปยิ้มไปหัวเราะไปอย่างอารมณ์ดีเสร็จ ก็มาระเบิดความมันบนเวทีด้วย “Castle of Glass” เพลงจากอัลบั้ม Living Things และ “When They Come For Me” จากอัลบั้ม A Thousand Sun ของ Linkin Park ที่ท่อนร้องสุดโหดอย่าง “Trying to catch up mother f**ker” ที่ไมค์ตะโกนสุดเสียงอยู่หลายครั้ง ทำเอาเราลืมความน่ารักของเขาเมื่อกี้ไปหมดเลย ถึงคราวจะร็อค ก็ร็อคได้เต็มที่แบบนี้สินะ จากนั้นก็มาถึงงานเพลงของตัวเองอย่าง “Ghosts” ที่เปลี่ยนอารมณ์มันๆ ให้นุ่มนวลขึ้น แต่แฟนเพลงยังให้การตอบรับเป็นอย่างดีด้วยการร้องตามกันอย่างเสียงดังฟังชัด
จากนั้นบรรยากาศของโชว์ก็ค่อยๆ เข้มข้นและจริงจังขึ้น เมื่อหนุ่มไมค์หยิบเอาเพลง “Kenji” ผลงานจาก Fort Minor ที่เล่าถึงความไม่ยุติธรรมในหลายด้านๆ รวมไปถึงการโดนเหยียดเชื้อชาติที่พ่อชาวญี่ปุ่นของเขาได้รับตอนที่ย้ายถิ่นฐานจากญี่ปุ่นมาอยู่ที่อเมริกา ตอนสุดท้ายไมค์ขอให้แฟนๆ ชูสองนิ้วเพื่อเป็นการสนับสนุนความยุติธรรมที่ชาวโลกควรได้รับโดยไม่แบ่งเชื้อชาติ และศาสนา และส่งอารมณ์อย่างต่อเนื่องไปที่เพลง “Road Untraveled” ของ Linkin Park ที่แฟนเพลงร้องตามได้อีกเช่นเคย
จะเห็นได้ว่าเซ็ตลิสต์ของ Mike Shinoda ไม่ได้มีแต่เพลงเศร้าๆ จากอัลบั้มเดี่ยวล่าสุดของเขาอย่างที่คิดจริงๆ เขาเลือกที่จะสลับเพลงของเขากับ Linkin Park และ Fort Minor ไปตามแต่ละช่วงอารมณ์ของเซ็ตเพลงได้อย่างน่าสนใจ และลื่นไหลได้ดีชนิดที่แทบจะไม่มีรอยต่อให้ได้ยิน โดยเฉพาะช่วงที่มิกซ์เพลงต่อกันสดๆ บนเวทีอย่าง “Waiting For the End” ของ Linkin Park และ “Where’d You Go” ของ Fort Minor ที่รื้อฟื้นความทรงจำในช่วงยุค 2000 ต้นๆ ของแฟนๆ ได้เป็นอย่างดี หรือจะเป็นช่วง “About You”, “Over Again” ก็มิกซ์ต่อกับ “Papercut” ของ Linkin Park และช่วง “Good Goodbye” มิกซ์กับ “Bleed It Out” ก็ทำเพลงต่อกันได้อย่างไหลลื่นไม่มีที่ติ อารมณ์เพลงไม่สะดุด สมกับเป็นมือมิกซ์อันดับต้นๆ ของวงการเพลงร็อคจริงๆ
นอกจากจะมิกซ์เสียงบนเวทีกันสดๆ แล้ว ไมค์ยังโชว์ตีกลองสั้นๆ เล่นคีย์บอร์ด และเล่นกีตาร์โซโล่ให้แฟนๆ ได้ชมสลับกับการวิ่งแร็ปไปทั่วเวทีแบบแทบจะไม่อยู่นิ่ง อายุที่ขึ้นเลข 4 แต่ยังแสดงสดบนเวทีแทบจะคนเดียว และเอาอยู่ทั้งโชว์ได้แบบนี้ ถือว่าประสบการณ์ และความเป็นศิลปินของไมค์ไม่เป็นสองรองใครจริงๆ ที่ยิ่งเห็นได้ชัดเจนจนทำให้แฟนๆ สนุกกับโชว์มากยิ่งขึ้น เห็นจะเป็นการพูดคุยกับแฟนเพลงที่ค่อนข้างเป็นกันเอง หยิบหน้ากากรูปหน้าตัวเองที่แฟนเพลงแถวหน้าใส่มาขึ้นมาเล่นบนเวที เผาแม่ตัวเองว่ามีดวงตาที่ใหญ่โตเหมือนตาของวัว คุยเรื่องทั่วไปแบบแรนดอม ไม่มีสคริปต์ ยิ่งทำให้โชว์ในค่ำคืนนี้ยิ่งดู “สด” และเข้าถึงได้ง่ายมากกว่าเดิม
ถึงกระนั้น Mike Shinoda ก็ยังมีโมเมนต์ผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ให้แฟนเพลงได้ฮากันเป็นระลอกเล็กๆ เมื่อเขาเปิดดนตรีของเพลง “Sorry For Now” ในช่วงกลางเพลงเพื่อให้มือกลองได้โชว์สกิลเพื่อแนะนำตัว แต่ดันผิดพลาดทางเทคนิค เปิดดนตรีช่วงคอรัสของเพลง แทนที่จะเป็นช่วงว่างๆ ให้กลองได้โซโล่ จนหนุ่มไมค์ต้องรีบวิ่งจากอีกฝั่งของเวทีมาเปลี่ยนช่วงของเพลงใหม่ พร้อมกับพูดแก้เก้อไปว่า “นี่เพิ่งจะทัวร์ที่ที่ 2 เองนะ มันก็ผิดพลาดกันได้” นอกนั้นก็มีหลุดคิวประปรายเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความไม่ได้เพอร์เฟกต์จ๋าของหนุ่มไมค์ และทีมงาน อาจจะมองว่าเป็นข้อผิดพลาดที่ไม่ควรเกิดขึ้น และมันก็เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้เรารู้สึกถึงความ “สด” ของการแสดงได้เหมือนกัน
ช่วงที่จะไม่พูดถึงก็คงจะไม่ได้ คงเป็นช่วงก่อนเข้าเพลงชาติของ Linkin Park อย่าง “In The End” ที่หนุ่มไมค์เล่าให้ฟังยาวๆ ว่า เขาเคยไปงานเทศกาลที่จัดโดยกลุ่มคนเชื้อสายญี่ปุ่น-อเมริกันในตอนเด็กๆ เป็นเทศกาลที่เฉลิมฉลองให้กับผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว ตอนเด็กๆ เขาไม่ค่อยเข้าใจนักกับเทศกาลแบบนี้ แค่ไปเพราะได้เล่นเกมสนุกๆ มากกว่า แต่ตอนนี้เขาเข้าใจจุดประสงค์ของงานนั้นได้เป็นอย่างดี และหวังว่าค่ำคืนนี้เราจะมาเฉลิมฉลองให้กับผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วอย่าง Chester Bennington กัน "ผมอยากให้ทุกคนที่นี่ไม่ลืมว่า Chester Bennington เป็นศิลปินร็อคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกตลอดกาล" Mike Shinoda กล่าวก่อนที่จะเริ่มเล่นคีย์บอร์ดในเพลงที่แฟนเพลง Linkin Park ทุกคนคุ้นเคย และร้องตามได้ทุกท่อน โดยท่อนของ Chester หนุ่มไมค์ปล่อยให้แฟนเพลงร้องแทนเต็มๆ ทั้งเพลง เป็นช่วงที่แฟนๆ Linkin Park ทั้งซึ้งทั้งเศร้า แต่ก็ยิ้มรับ และภูมิใจที่ได้ร้องเพลงไปกับ Mike Shinoda หัวหอกคนสำคัญของ Linkin Park อีกคนเช่นกัน
ช่วงอังกอร์ ตามเซ็ตลิสต์ที่ฮ่องกงจะมี 3 เพลง แต่ของประเทศไทยพิเศษกว่านั้น เพราะไมค์กลับขึ้นมาบนเวทีด้วยเพลงโปรดจาก Fort Minor ของใครหลายๆ คนอย่าง “Petrified” ที่แฟนเพลงร้องตามได้อย่างแม่นยำเช่นเคย ก่อนจะตามด้วยเซ็ตลิสต์เดิมอย่าง “I.O.U” เพลงแร็ปฮิปฮอปใต้ดินที่เปลี่ยนเวทีคอนเสิร์ตให้เป็นเหมือนสนามประลองแร็ปเปอร์ ต่อด้วย “Remember The Name” และปิดท้ายด้วย “Running From My Shadow” ที่ช่วงท้ายของเพลงไมค์ลงมาร้องเพลงกับคนดูด้านล่างแถวหน้าอย่างใกล้ชิด จนแฟนเพลงไหลกันไปทางด้านหน้ากันอย่างวุ่นวาย ก่อนจะจบเพลงไปอย่างงงๆ เล็กน้อยสำหรับแฟนเพลงด้านหลังว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะภาพทั้งหมด (ตลอดทั้งโชว์) ไม่ได้ถูกฉายลงบนจอมอนิเตอร์ข้างเวทีทั้งสองด้าน แต่ถึงจะจบโชว์ไปแบบงงๆ เล็กน้อย ความประทับใจของโชว์นี้ก็ยังคงมีอยู่เต็มเปี่ยม ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนเพลงของ Linkin Park, Fort Minor หรือตัว Mike Shinoda เอง ก็สัมผัสได้ถึงความเป็นกันเองกับแฟนเพลง ความตั้งใจในการทำเพลง และฝีมือในการทำเพลงระดับอัจฉริยะของเขาได้ไม่ยาก
แม้ว่าเราจะยังไม่ทราบอนาคตของ Linkin Park ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ตราบใดที่วงการเพลงยังมี Mike Shinoda เราว่าแฟนเพลงของ Linkin Park ก็จะยังคงรัก และสนับสนุนผลงานของเขาต่อไปเรื่อยๆ อย่างแน่นอน
____________________
Story : Jurairat N.
Photos : BEC-Tero Entertainment
อัลบั้มภาพ 25 ภาพ