เตรียมตัวให้พร้อม! The Weeknd Live in Bangkok 2018 เจอกัน 2 ธ.ค. นี้
แม้ว่าปี 2018 จะเป็นอีกปีที่แฟนเพลงสากลกระเป๋าแบนกันไปตามๆ กันเรียบร้อยแล้ว ผ่านไปครึ่งปีก็ได้วิ่งผลัดชมคอนเสิร์ตกันจนเหนื่อย และยังมาแวะเวียนหาแฟนเพลงชาวไทยกันทุกรุ่นทุกแนว แต่ล่าสุดแค่เห็นชื่อศิลปินก็การันตีความฮ็อตระดับบัตร sold out เพราะเขาคือ The Weeknd หรือพ่อหนุ่ม Starboy ของพวกเรานี่เอง เตรียมมาเยือนแฟนเพลงชาวไทยครั้งแรก 2 ธันวาคม 2018 นี้ บัตรเข้างานราคาเริ่มต้น 2,500 บาท เปิดจำหน่ายบัตรทั่วไปในวันเสาร์ที่ 1 ก.ย. 2561 ที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา และ Thaiticketmajor.com
#TheWeekndBKK201
ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกของการทัวร์คอนเสิร์ตในทวีปเอเชียของ The Weeknd โดยเขาเลือกที่จะทัวร์ใน 8 เมือง 8 ประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง, ไทย, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, ไทเป, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น นับว่าเป็นทัวร์ครั้งแรกที่จัดเต็มเกือบทั่วเอเชียอยู่เหมือนกัน และจากกระแสความฮ็อตของเขา คาดว่าการแข่งขันจับจองบัตรน่าจะเข้มข้นไม่แพ้กันด้วย
The Weeknd หรือชื่อจริง Abel Makkonen Tesfaye ศิลปินอาร์แอนด์บีชาวแคนาดาเชื้อสายเอธิโอเปีย เริ่มต้นเส้นทางการเป็นศิลปินจากการอัปโหลดผลงานของตัวเองลงในช่อง YouTube โดยใช้ชื่อว่า The Weeknd ในปี 2010 และเริ่มรวบรวมผลงานจนปล่อยเป็น mixtapes ทั้งหมด 3 ชุด ได้แก่ House of Balloons, Thursday และ Echoes of Silence ก่อนจะรวบรวมเป็นอัลบั้มรวมเพลงชื่อว่า Trilogy ในปี 2012 หลังจากเซ็นสัญญาเป็นศิลปินค่ายเพลง Republic Records และเริ่มสร้างค่ายเพลงเป็นของตัวเองชื่อว่า XO
ผลงานของ The Weeknd ถูกอกถูกใจชาวแคนาดาบ้านเกิด และแฟนเพลงฝั่งอเมริกันตั้งแต่อัลบั้มแรกอย่าง Kiss Land (2010) จนสามารถไต่อันดับขึ้นไปบนชาร์ตเพลง Billboard ทั้งในอเมริกา และแคนาดาในอันดับที่ 2 ทันที แต่ที่ทำให้ชื่อของ The Weeknd เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกอย่างแท้จริง คงจะเป็นอัลบั้มถัดมาอย่าง Beauty Behind the Madness (2015) ที่มีเพลงสุดฮิตอย่าง “Can’t Feel My Face” และ “The Hills” ที่ทำให้ The Weeknd คว้าอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Top 100 ได้ทั้ง 1 เพลง พร้อมยอดขายระดับ 4x Platinum จนมาถึงอัลบั้ม Starboy ที่ทำให้เขาได้สมญานามใหม่ที่แฟนๆ ทั่วโลกเรียกเขาว่า Starboy กันอย่างติดปาก และยังมีเพลงฮิตอย่าง “Starboy” และ “I Feel It Coming” Feat. Daft Punk ที่ทำให้ชื่อของ The Weeknd เป็นที่รู้จักของแฟนเพลงในวงกว้างมากขึ้นกว่าเดิม
ล่าสุดกับอัลบั้ม EP ชุด My Dear Melancholy, ที่มีเพลง "Call Out My Name" เป็นเพลงชูโรงที่ทำให้แฟนๆ ได้เหมือนย้อนกลับไปในช่วงที่เขาออกผลงานเพลงใหม่ๆ ในสไตล์หม่นๆ ที่เขาถนัด นับว่าเป็นอีกผลงานที่เป็นที่จับตามองทั้งจากแฟนเพลง และนักวิจารณ์อย่างมาก
นอกจากผลงานเพลงของตัวเองแล้ว ฝีมือการแต่งเพลง และการโปรดิวซ์ของ The Weeknd ก็ไม่ธรรมดา สามารถพาเพลง “Love Me Harder” ที่ทำร่วมกับ Ariana Grande และเพลง “Pray For Me” ที่ทำร่วมกับ Kendrick Lamar เพื่อประกอบภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง Black Panther เข้าสู่ Top 10 ของชาร์ต Billboard Top 100 ได้เป็นผลสำเร็จ และยังได้ร่วมงานกับศิลปินชื่อดังอีกมากมายนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น “Crew Love” ของ Drake, “Remember You” ของ Wiz Khalifa, “Elastic Heart” ของ SIA, “Wild Love” ของ Cashmere Cat และ Francis and the Lights และ “Lust For Life” ของ Lana Del Rey เป็นต้น
แม้ว่าเขาจะมีผลงานสตูดิโออัลบั้มเพียง 3 อัลบั้ม แต่ก็สามารถคว้ารางวัลมาได้มากมายไม่ว่าจะเป็น 3 รางวัล Grammy Awards, 8 รางวัล Billboard Music Awards, 2 รางวัล American Music Awards, 9 รางวัล Juno Awards และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Academy Awards หรือ Oscars จากเพลง "Earned It" ที่ประกอบภาพยนตร์เรื่อง Fifty Shades of Grey อีกด้วย
ถ้าอยากจะไปร้องเพลงดังๆ ต่อหน้าพ่อหนุ่ม Starboy คนนี้ ก็อย่าลืมเคลียร์คิวรอไว้เลย 1 ก.ย. นี้ เปิดจองบัตรครั้งแรกที่ Thaiticketmajor
____________________
Story : Jurairat N.