Coldplay ยอมให้ใช้เพลง “Yellow” ประกอบหนัง Crazy Rich Asians หลัง ผกก. เขียนหาสมาชิกในวงเอง

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขอลิขสิทธิ์เพลงดังจากศิลปินระดับโลกมาประกอบในงานของตัวเอง หากคุณไม่มีเงิน และอำนาจมากพอ บวกกับปัจจัยอีกหลาย อย่างที่เป็นข้อจำกัดทั้งจากงานของเรา ข้อจำกัดจากตัวศิลปิน ค่ายเพลง และอีกหลายๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่สำหรับ Jon M. Chu ผู้กำกับภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่นำเสนอเนื้อหาสะท้อนชีวิต และค่านิยมต่างๆ ของชาวเอเชียอย่างชัดเจนอย่างเรื่อง Crazy Rich Asians เจาะจง และมุ่งมั่นที่จะขอลิขสิทธิ์เพลง “Yellow” ซิงเกิลสุดอมตะของวงดนตรีระดับตำนานจากเกาะอังกฤษอย่าง Coldplay มาประกอบในฉากสุดท้ายของภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ได้ เพื่อให้เป็นฉากปิดหนังที่สร้างความหมายลึกซึ้ง และน่าประทับใจในแบบที่เขาต้องการให้ได้มากที่สุด

Jon M. Chu ลองติดต่อไปที่ค่ายเพลงเจ้าของลิขสิทธิ์เพลง “Yellow” ของ Coldplay อย่างเป็นทางการตามขั้นตอนปกติก่อนเป็นอันดับแรก แต่คำตอบที่ได้คือคำปฏิเสธโดยสันนิษฐานว่าเนื่องมาจากทางวงเคยออกผลงานเพลงที่มีกลิ่นอายของความเป็นเอเชียเต็มๆ อย่าง “Princess of China” ผลงานในปี 2012 และ “Hymn for the Weekend” ในปี 2016 และได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์ถึงความตั้งใจดึงวัฒนธรรมเอเชียเข้ามาผสมผสานในผลงานของตัวเองในทางลบอยู่บ้าง ดังนั้นทางทีมงานของ Coldplay จึงอาจจะเลือกที่จะอยู่ให้ห่างจากการใช้เพลง “Yellow” กับภาพยนตร์ที่นำเสนอชีวิตของชาวเอเชียอย่างชัดเจน (เพราะคำว่า Yellow เป็นสแลงที่ชาวตะวันตกแอบใช้เรียกชาวเอเชียผิวขาวอย่างเหน็บแนมเล็กๆ ที่พูดภาษาอังกฤษไม่ชัดด้วย)

อย่างไรก็ตาม Jon M. Chu ยังไม่ล้มเลิกความพยายาม เพราะสำหรับเขาแล้ว เพื่อความสมบูรณ์แบบของฉากสุดท้ายของภาพยนตร์เรื่องนี้ จำเป็นต้องเป็นเพลง “Yellow” เท่านั้น “เราอยากเป็นเจ้าของคำๆ นี้อย่างชัดเจนไปเลย ไหนๆ เราก็โดนเรียกด้วยคำนี้แล้ว เราจะเปลี่ยนความหมายของคำนี้ให้ดูดี และสวยงามมากขึ้นให้ได้” Jon M. Chu ให้สัมภาษณ์กับ The Hollywood Reporter ถึงความสำคัญของเพลงนี้ที่มีต่อภาพยนตร์ของเขา สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจเขียนจดหมายถึง Chris Martin, Guy Berryman, Jonny Buckland และ Will Champion สมาชิกทุกคนในวง Coldplay ถึงเหตุผลที่เขาต้องการเพลง “Yellow” มาใช้ประกอบภาพยนตร์ของเขาจริงๆ

“(คำว่า Yellow) เป็นคำที่แฝงความหมายในแง่ลบที่อยู่ในชีวิตผมมาตลอด จนกระทั่งผมได้ฟังเพลง “Yellow” ของพวกคุณ ผมจำความรู้สึกของตัวเองที่ได้ชมมิวสิควิดีโอเพลงนี้เป็นครั้งแรกผ่านรายการ TRL (ของช่อง MTV) ได้ ช่วงที่ถ่ายให้เห็นภาพดวงอาทิตย์ขึ้นแบบเทคเดียวช็อตนั้นทำเอาผมตะลึงไปเลย ทั้งในฐานะที่ผมเป็นคนทำหนัง และคนที่ชอบฟังเพลง เพลงนี้กลายเป็นเพลงประจำตัวผม และผองเพื่อน เพราะเพลงนี้มอบความภูมิใจในตัวเองให้กับพวกเราได้ในแบบที่พวกเราไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนเลยในชีวิต”

 

จดหมายฉบับเต็มที่ Jon M. Chu ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง Crazy Rich Asians เขียนถึงสมาชิกวง Coldplay เพื่อขออนุญาตให้เพลง "Yellow" ประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้

 

 

แม้ว่าตัวของ Jon M. Chu เองก็ไม่แน่ใจเหมือนว่าเป็นเพราะจดหมายของเขาหรือเปล่า แต่สุดท้ายแล้วหลังจากที่เขาส่งจดหมายไปถึงสมาชิก Coldplay ไม่ถึง 24 ชั่วโมง เขาก็ได้รับการติดต่อกลับมาว่าทางทีมวง (รวมถึงทีมงานของวง) อนุญาตให้ใช้เพลง “Yellow” ประกอบภาพยนตร์ของเขาได้เป็นที่เรียบร้อย เขาจึงนำเพลง “Yellow” มาให้ศิลปินชาวเอเชียได้คัฟเวอร์ให้เป็นภาษาจีนตามที่วางแผนเอาไว้ โดยได้ Katherine Ho หนึ่งในผู้เข้าแข่งขันรายการ The Voice US Season 10 มาร้องเพลงนี้ให้

 

 

Crazy Rich Asians เป็นภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดี้สร้างจากนวนิยายขายดีของอเมริกาที่พูดถึง Rachel Chu (Constance Wu) หญิงสาวชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียที่เดินทางไปหา Nick Young (Henry Golding) แฟนหนุ่มเพื่อร่วมงานแต่งงานของเพื่อนของแฟนที่สิงคโปร์ และเธอจะได้พบกับครอบครัวของฝ่ายชายเป็นครั้งแรก และก็ได้ทราบว่าครอบครัวของฝ่ายชายเป็นอภิมหาเศรษฐีที่ Eleanor (Michelle Yeoh) แม่ของฝ่ายชายดูจะไม่อยากต้อนรับเธอเป็นสมาชิกในครอบครัว และด้วยวัฒนธรรมที่ต่างกันจึงก่อให้เกิดเหตุวุ่นๆ และความเข้าใจผิดกันเกิดขึ้น

ถึงแม้ว่าตัวของ Jon M. Chu ผู้กำกับที่เคยฝากผลงานไว้กับภาพยนตร์เรื่อง Now You See Me 2 และ G.I. Joe : Retaliation จะไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะสิ่งที่เขาเขียนไปจะทำให้สมาชิก Coldplay และทีมงานเปลี่ยนใจได้หรือไม่ แต่สำหรับเราแล้วนับว่าเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจที่สุดท้ายแล้วบทเพลงที่มีความสำคัญต่อชีวิตของใครบางคน ได้ถูกนำกลับมาสร้างสรรค์ในผลงานของตัวเองอีกครั้งอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ และเราเชื่ออยู่ลึกๆ ว่าสมาชิกของ Coldplay เองก็คงประทับใจกับผลงานของตัวเองที่มอบแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ให้กับคนอีกมากมายที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยแน่นอน

 

____________________

Story : Jurairat N.

Sources : Billboard.com, The Hollywood Reporter