“B5 Now 15 Concert” 4 นักร้อง 1 นักเปียโน กับคำว่า “คุณภาพ” ที่ไม่ต้องพิสูจน์อะไรอีกต่อไป
ย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว คอดนตรีฟากฝั่งตะวันตกกำลังตื่นเต้นกับหนึ่งในจุดเปลี่ยนผ่านของวงการ กระแสอัลเทอร์เนทีฟเริ่มเบาบาง เพลงป็อป บอยแบนด์ เกิร์ลกรุ๊ป เริ่มเข้ายึดพื้นที่ มองย้อนกลับมาที่เมืองไทย เพลงป็อปยังคงได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย หากแต่ดนตรีนอกกระแสหลากหลายแนวทางเริ่มที่จะเฉิดฉายได้บ้างในการเป็นเส้นทางสายใหม่ให้กับคนฟังได้มีโอกาสเลือก ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว องค์ประกอบใน 1 บทเพลงที่ทุกคนคุ้นเคยก็จะมี กีตาร์ เบส กลอง นักร้อง คีย์บอร์ด แต่หากมีวงดนตรีสักวงที่กล้าจะก้าวออกมาจากกรอบสี่เหลี่ยมกรอบนั้นล่ะ…
B5 คือวงดนตรีวงนั้น 4 นักร้อง กับอีก 1 นักเปียโนที่มารวมตัวกัน หยิบเพลงดังของค่ายเบเกอรี่ มิวสิค มาเรียบเรียงใหม่ เน้นไลน์ประสานที่ชัดเจน คลอเคล้าไปด้วยเสียงเปียโนเสนาะหู ต่อยอดสู่อัลบั้ม Event เมื่อปี 2546 อัลบั้มที่สร้างความแปลกแตกต่างให้กับวงการดนตรีบ้านเราในยุคสมัยนั้นได้พอสมควร
เบน-ชลาทิศ ตันติวุฒิ, คิว-สุวีระ บุญรอด, เค้ก-อุทัย ปุญญมันต์, มาเรียม เกรย์ และ โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร คือ 5 สมาชิกที่ในตอนนั้นยังไม่มีใครรู้จักมักคุ้น แต่มาดูตอนนี้สิ ใบเบิกทางที่ชื่อ B5 ทำให้ 4 นักร้อง และ 1 นักเปียโนข้างต้น … ไม่มีใครไม่รู้จัก
หลังจากคอนเสิร์ตสั่งลาก่อนที่แต่ละสมาชิกจะแยกย้ายไปสานฝันของตนเองอย่าง B5 / Event The Concert ระยะเวลา 15 ปีช่างรวดเร็ว B5 กลับมาปล่อยอัลบั้มใหม่ในชื่อ Now 15 และแปรเปลี่ยนมาเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ในชื่อ B5 Now 15 Concert จัดโดย บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ซึ่งบัตรขายหมดเกลี้ยงในช่วงเวลาอันสั้น อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี คือสถานที่นัดหมายในการกลับมาเจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบหน้าค่าตากันมานาน … เพื่อนเก่าที่เราคิดถึง หรือแม้แต่ตัวผู้เขียนเองที่ได้เจอทั้งเพื่อนสมัยประถม มัธยม รุ่นพี่มหา’ลัย ที่มาร่วมย้อนวันวานไปด้วยกัน
อาจเป็นเพราะ เราต่างเติบโตมากับ B5 และค่อยๆ เฝ้ามองทั้ง 5 สมาชิกก้าวเดินไปข้างหน้ามาโดยตลอดล่ะมั้ง ความรู้สึก “ผูกพัน” มันจึงเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย
Synth
Chaba
กบ Flat Boy
คอนเสิร์ตเริ่มต้นเลทพอสมควร 3 สมาชิกใหม่แห่งบ้าน บีอีซี-เทโร มิวสิค อย่าง SYNTH (ซินธ์-ภัทรภร แสงสำอางค์), ชบา (กฤติมา แจ้งสวัสดิ์) และ กบ Flat Boy (ณัฐพงศ์ ยิ้มมงคล) ที่ล้วนแล้วแต่แจ้งเกิดจากรายการ The X Factor Thailand ขึ้นมาโชว์เพลงของตัวเองอย่าง “เติมคำในช่องว่าง”, “หาย” และ “วันไหน” ตามลำดับในฐานะ Opening Act แม้ว่าจะสัมผัสได้ถึงความประหม่ากับการขึ้นเวทีในฮอลล์สเกลยักษ์ใหญ่ แต่พวกเขาก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี น่าเสียดายที่ในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่ผู้ชมส่วนมากกำลังเดินเข้ามาในสถานที่จัดแสดง แต่ละเพลงจึงได้รับความสนใจจากผู้ชมบางส่วนเพียงเท่านั้น และทั้งสามคงต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพื่อสร้างเสน่ห์ดึงดูดบางอย่างให้เกิดขึ้นบนเวทีมากกว่านี้ รอชมโชว์ถัดๆ ไปจากพวกเขาก็แล้วกันนะ
B5
และแล้วการรอคอยอันยาวนาน 15 ปีก็สิ้นสุดลง 4 ไมโครโฟน 1 คีย์บอร์ด วางประจำการตามตำแหน่งบนเวที 5 สมาชิก B5 ปรากฏตัวท่ามกลางเสียงโห่ร้องยินดีดังสนั่น “วีนัส” คือบทเพลงแรกที่ เบน-คิว-เค้ก-มาเรียม-โต๋ เลือกมาจุดไฟแห่งความสุขให้เกิดขึ้น ต่อด้วยความขนลุกที่ลามมาถึงท้ายทอยในเพลง “บางสิ่ง” จากอัลบั้ม Event ที่เริ่มต้นด้วยการโชว์สกิลโอเปร่าอันน่าทึ่ง แม้ว่าเสียงกลองที่เพิ่มเติมเข้ามาในช่วงท้ายจะกลบเสียงคีย์บอร์ดที่ควรจะเด่นไปสักหน่อย ทว่าเพลงโปรดของผู้เขียนเพลงนี้ยังคงทรงพลังไม่เปลี่ยนแปลง ปิดท้ายเซตแรกด้วยความไพเราะจาก “รักคุณเข้าแล้ว” ที่ทำเอาเราตกอยู่ในภวังค์ได้อย่างง่ายดาย
B5 Now 15 Concert เป็นคอนเสิร์ตที่มีมูฟเมนต์ตลอดเวลา ในช่วงที่เราโฟกัสไปที่การเปลี่ยนชุดบนเวทีของ คิว เผลอแวบเดียวฉากด้านหลังก็แปรเปลี่ยนไปเป็น “B5 Bar” บาร์แจ๊ซเก๋ๆ ที่พร้อมจะมอบความสุขทางเสียงเพลงให้ทุกคน ไล่เรียงมาตั้งแต่ “Happy Anniversary” ที่ คิว ขอโชว์ท่อนร้องภาษาฝรั่งเศส และสลัดคราบชาวร็อคมาโชว์สเต็ปแดนซ์สักหน่อย ตามมาด้วย “บีบมือ” เสียงร้องของ โต๋, “คืนนี้ขอหอม” จาก เบน และปิดท้ายด้วย เค้ก ที่นำเพลง “เที่ยงคืน” มาสร้างสีสัน
คิว-สุวีระ บุญรอด
สนุกสนานกันประมาณหนึ่ง ได้เวลาดำดิ่งจมลึกไปกับความเศร้าร้าวรานปานจะขาดใจ เริ่มต้นด้วย “ปล่อยมือ” ที่ มาเรียม ทำให้เราลืมเวอร์ชั่นเก่าของวง Kidnappers ไปโดยปริยาย พร้อมทั้งการโต้ตอบทางอารมณ์ของ เค้ก ที่นำเพลง “อีกที” มาร้อง ก่อนที่ทั้งคู่จะมาดูเอ็ตกันในเพลง “สิ่งเดียวที่ฉันขอ” ยังไม่พอแค่นั้น เบน สานต่อความปวดร้าวด้วยเพลงแอบรักคนรักของเพื่อนอย่าง “แค่เพียงเขาไม่เคย” ที่เขายังทำได้ยอดเยี่ยมเสมอเมื่อต้องร้องเพลงเศร้า
มาเรียม เกรย์
คิวต่อมาจากหนุ่มโต๋ในเพลง “คนไม่พิเศษ” และ “สักวันคงได้เจอ” อาจจะดูขัดอารมณ์ไปบ้าง ด้วยท่วงทำนองที่ฟังดูสว่างสดใส เพราะหลังจากนั้น คิว ก็ใส่เต็มความรักที่อาจเป็นไปไม่ได้อีกครั้งในเพลง “ขอให้ผม” ก่อนที่สาดใส่ความร็อคร่วมกับ เบน และ เค้ก ใน “ปล่อยไปตามหัวใจ” เรียกได้ว่า “เอาตาย” สำหรับคนที่กำลังผิดหวังในความรักเลยทีเดียว
โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร
เดินทางมาถึงไฮไลต์ในอัลบั้มใหม่ Now 15 กับเพลง “แผลเป็น” ที่พวกเขาทั้งห้ายกให้เป็นเพลงที่ร้องยากที่สุดในอัลบั้ม และเสมือนว่าเป็นการทริบิวต์ให้กับตำนานที่ชื่อ Freddie Mercury แห่งวง Queen หลังจากนั้นก็นั่งพักพูดคุยกันชั่วครู่ถึงความฝันในวัยเด็กของแต่ละคน และอุ่นเครื่องด้วยบทเพลง “Close To You” แห่งคณะ Carpenters และ “Miss You Like Crazy” ของ The Moffatts ในเวอร์ชั่นที่โต๋เล่นกีตาร์โปร่ง นานๆ จะเห็นภาพแบบนี้ทีก็แปลกตาอยู่ไม่น้อย
เมื่อ B5 ทริบิวต์วง Queen
เมื่อสักครู่นี้ B5 สนทนากันถึงเรื่องของความฝันวัยเด็ก คอนเสิร์ตใหญ่ทั้งทีไม่ทำความฝันให้เป็นจริงก็กระไรอยู่ เค้ก จึงขอสวมบทบาทผู้เข้าแข่งขันร้องเพลงที่เขาอยากทำมาตั้งแต่เด็กกับ “I Will Always Love You” อีกหนึ่งบทเพลงขึ้นหิ้งสำหรับสายประกวด ก่อนจะทริบิวต์คุณแม่ Whitney Houston อีกเพลงกับ “I Have Nothing” ที่เรียกเสียงปรบมือได้เกรียวกราว ในขณะที่ มาเรียม ขอเซอร์ไพรส์ แปลงโฉมเป็นราชาแห่งเพลงป็อป Michael Jackson ออกมาโชว์มูนวอล์คสุดสะเด่ากับเพื่อนๆ ในเพลง “Smooth Criminal”
เซอร์ไพรส์มากไปกว่านั้นคือ โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ ขอทิ้งเปียโนสักครู่ แล้วกลายร่างมาเป็นบอยแบนด์สุดหล่อด้วยเพลง “I Want It That Way” จาก Backstreet Boys (เอากับเขาสิ!) เซอร์ไพรส์ต่อมา คิว ที่อยากร้องเพลงการ์ตูนดิสนีย์มาแต่ไหนแต่ไร คราวนี้สมใจได้ร้อง “Can You Feel the Love Tonight” จากการ์ตูน Lion King ผลงานจาก Elton John แถมสมาชิกที่เหลือยังได้เล่นเป็นคาแรกเตอร์ต่างๆ ในการ์ตูนเรื่องดังกล่าวอีกต่างหาก บอกเลยว่าคอสตูมจัดเต็มแบบอึ้งไปเลย ปิดท้ายด้วยความฝันของ เบน ที่อยากเป็น … “พี่เบิร์ด” (ธงไชย แมคอินไตย์) กับการนำเอาเพลง “หนูอยากเป็นอะไร” และ “จับมือกันไว้” มาร้องมาเต้น ย้อนวัยกันขั้นสุดจริงๆ
คอนเสิร์ตคราวนี้ยังคงไต่ระดับความพีคขึ้นเรื่อยๆ เพราะช่วงต่อมาคือเมดเลย์กว่า 20 เพลงแบบไม่มีพัก! “ต่อให้ใครไม่รัก”, “แค่เธอก็พอ”, “ที่ว่าง”, “คะแนนแห่งชีวิต”, “ที่แห่งนี้”, “สิ่งที่ไม่เคยบอก”, “เพื่อนรัก”, “ทำร้าย”, “ที่ฉันรู้”, “หน้าหนาวที่แล้ว”, “ดาว”, “ห่างไกลเหลือเกิน”, “โปรดเถอะ”, “ลมหนาว”, “คนข้างล่าง”, “อยากจะขอ”, “คู่กัน”, “Kiss”, “ล่ำบึ้ก”, “กะหล่ำปลี”, “อาม่าดุ”, “กากี่นั้ง” และ “สาละวัน” (หากขาดตกเพลงใดไปขออภัย เพราะเยอะจริงอะไรจริง) เศร้า ซึ้ง สนุกกันต่อเนื่องยาวๆ ก่อนที่ B5 จะขึ้นมาอังกอร์ด้วยเพลงที่ใครหลายคนรอคอย “ตัดสินใจ” ที่พวกเขาโชว์ทักษะการร้องเพลงได้เกินคำบรรยาย และปิดท้ายคอนเสิร์ตครั้งนี้ด้วย “เห็นฉันไหม” ความรู้สึกภายในจิตใจที่อยากจะบอกกับแฟนเพลงที่เปรียบเสมือนเพื่อนเก่าทุกๆ คน ด้วยการกลับไปสู่การร้องประสานเสียงแบบไร้ซึ่งเครื่องดนตรี เสน่ห์ของ B5 ที่ไม่มีใครเหมือน ที่น่าประทับใจ น่าจดจำ และอาจเป็นอังกอร์ที่เรียบง่ายที่สุด แต่ดีงามที่สุดในความคิดของผู้เขียนเอง
การกลับมาพบเจอเพื่อนเก่าในนาม B5 ในครั้งนี้ มันเป็นความรู้สึกยินดีที่ทำให้หัวใจพองโต แม้ว่า เบน-คิว-เค้ก-มาเรียม-โต๋ จะมีเส้นทางของอาชีพศิลปินที่แตกต่างกันออกไป แต่เมื่อใดที่พวกเขากลับมารวมตัวในนามของ B5 มันคือเสน่ห์ที่แตกต่าง มันคือเรื่องราวของมิตรภาพ ซึ่งในหลายๆ ครั้งที่พวกเขากล่าวต่อหน้าสื่อมวลชนรวมถึงแฟนเพลงว่า พวกเขาเริ่มต้นมาพร้อมๆ กัน เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันที่เติบโต ผ่านทุกข์สุขมาด้วยกัน การย้อนกลับไปสู่วันวานที่ได้มานั่งอยู่ในสตูดิโอ เลือกเพลงที่จะนำมาร้อง อัดเสียง กินข้าว จับกลุ่มพูดคุย ซ้อมคอนเสิร์ต ก็คงไม่ต่างอะไรกับการที่แก๊งเพื่อนซี้นัดกลับมาเจอกันหลังจากเรียนจบ มันเต็มไปด้วยมวลแห่งความสุข ที่ไม่มีข้อแม้ ที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้น
เค้ก-อุทัย ปุญญมันต์
B5 เป็นวงที่เลือกเพลงที่จะนำมาร้องมาเล่นได้เก่ง แม้ว่าเพลงในโชว์โดยส่วนใหญ่จะมาจากอัลบั้มของพวกเขา ทว่านอกเหนือจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพลงสากลหรือเพลงไทย ล้วนแล้วแต่เป็น “เพลงเพราะ” ที่ทุกคนเคยฟังมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็ก ค่อยๆ เติบโตมาเป็นวัยรุ่น คงไม่มีสุขใดที่เทียบเท่าการได้ร้องตามเต้นตามไปกับเพลงที่ทุกคนคุ้นหูกันดีอยู่แล้ว กับเพื่อนสนิท กับวงดนตรีที่เรารัก … จริงไหม
เบน-ชลาทิศ ตันติวุฒิ
และหากเราจะยกย่อง B5 ว่าเป็นหนึ่งในศิลปินคุณภาพเบอร์ต้นๆ ของเมืองไทย ก็คงไม่มีใครโต้เถียง ในฐานะของ “นักร้อง” เบน-คิว-เค้ก-มาเรียม เป็นนักร้องคนละสไตล์ แต่ละคนเต็มไปด้วยเทคนิคการร้องแพรวพราว ยิ่งเมื่อประสบการณ์ถูกสั่งสมมาตลอดระยะเวลา 15 ปี คอนเสิร์ตครั้งนี้จึงสมบูรณ์แบบในเชิงการเป็นนักร้องที่พวกเขาสามารถสร้างเซอร์ไพรส์ให้ผู้ชมได้ตลอดเวลา จากเพียง “น้ำเสียง” ที่เปล่งออกมา โดยเฉพาะ เค้ก ที่หายหน้าหายตาไปจากวงการ แต่เขากลับมาพร้อมทักษะที่ก้าวข้ามผ่านจุดๆ เดิมไปอีกหลายเท่าตัว เช่นเดียวกับ เบน คิว และมาเรียม ที่สามารถสร้างผลงานศิลปะทางเสียงร้องได้มากกว่าที่เราเคยได้ยิน ในขณะที่ โต๋ ที่ทุกคนยอมรับในฝีมือการเล่นเปียโน แต่คอนเสิร์ตครั้งนี้ เขาได้ยกระดับการร้องเพลงตนเองขึ้นมาเทียบเท่ากับเพื่อนๆ ในวงได้อย่างน่าปรบมือให้ หากมีโอกาส ลองย้อนกลับไปฟัง “สักวันคงได้เจอ” หรือแม้แต่เพลงสุดท้ายของโชว์อย่าง “เห็นฉันไหม” ที่โต๋ลงมาประสานเสียงกับ 4 นักร้องแถวหน้าของเมืองไทยได้อย่างไม่เคอะเขิน และลงตัวสุดๆ
ส่วนระบบเสียงก็อยู่ในมาตรฐานของความเป็นอิมแพ็ค อารีน่า ไม่ได้ถือว่าแย่ แต่ก็ยังไม่อิ่มเอมขั้นสุด มีบางช่วงที่เสียงดนตรีชิ้นอื่นมากลบเสียงเปียโนหรือคีย์บอร์ดอยู่บ้างประปราย แต่ที่ปลาบปลื้มมากๆ ต้องยกให้วิชวลบนจอด้านหลังที่ยิ่งใหญ่และน่าติดตามตลอดเวลา แม้ว่าจะโดนแก๊งด้านหลังของผู้เขียนจะส่งเสียงดัง เสียงหัวเราะเกินเดซิเบลที่ควรจะเป็นอยู่ตลอด 4 ชั่วโมงของคอนเสิร์ต แต่ภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏ และบทเพลงของ B5 ก็ทำให้เราลืมความหงุดหงิดนั้นได้ทุกครั้งสิน่า!
ไม่รู้จริงๆ ว่า B5 จะกลับมารวมตัวกันอีกเมื่อไหร่ แต่เชื่อเหลือเกินว่า การนัดเจอเพื่อนเก่าในครั้งหน้า ก็จะคงยังเต็มไปด้วยความสุขเช่นนี้ … ไม่เปลี่ยนแปลง
Story by: Chanon B.
Photos by: BEC-Tero Entertainment
อัลบั้มภาพ 43 ภาพ