The Ginkz วงดนตรีแปลกใหม่แบบไม่มีใครเหมือน ที่มีจุดเริ่มต้นจาก "ความเอาแต่ใจ"
ถือว่าเป็นอีกศิลปินที่มาพร้อมความแปลกใหม่และความสามารถที่ไม่ธรรมดาเลย สำหรับวง The Ginkz ศิลปินกลุ่มที่มาพร้อมสมาชิก 7 คนและแนวทางที่แตกต่างกัน รวมถึงมีแนวดนตรีที่ไม่มีความตายตัว โดยพวกเขาเคยกล่าวไว้ว่า ผลงานเพลงพวกเขาเหมือนกับ "เอาขี้มาผัดกับข้าว เสิร์ฟคู่กับบรั่นดี"
วง The Ginkz เองมีจุดเริ่มต้นจากการที่สมาชิกอย่าง วิน-วรุตม์ อ่อนอุ่นจิตร นักร้องนำและมือกีตาร์เอาผลงานที่ทำไว้ออกมาโชว์แบบตลกๆ จนทำให้มีงานจ้างเขามา จนทำให้เขาได้ชักชวนเพื่อนๆ มาทำวงแบบจริงจัง และได้สมาชิกเข้ามาอีก 6 คนอย่าง บูม-กฤตธี วิศิษฐ์กิจการ (นักร้องนำ), จุก-สิทธิ์วโรจน์ ทัพวนานต์ (เบส), โช-โชติวุฒิ โชติชนะไพศาล (กีตาร์), ยู-ศรัณยู เนินทราย (กีตาร์), อ๊อบ-ภัทรพงศ์ จันทร์ขาว (คีย์บอร์ด) และ เคน-ธิติ หยิ่มใจพูนทรัพย์ (กลอง)
โดยล่าสุด Sanook! Music ได้มีโอกาสพูดคุยกับ วิน และ บูม วง The Ginkz ถึงผลงานเพลงของพวกเขาอย่างเพลง "พรากผู้เยาว์" รวมไปถึงเบื้องหลังการทำงานและตัวตนที่ทำให้ The Ginkz ปล่อยผลงานเพลงออกมาได้ไม่เหมือนใครในปัจจุบัน
บูม และ วิน The Ginkz
เรื่องราวความเป็นเด็กที่หายไปของสมาชิก สู่เพลง "พรากผู้เยาว์"
วิน The Ginkz : “เพลงนี้มันพูดถึงความเป็นเด็กที่หายไป เพราะในตอนนั้นจะมีความฝัน จินตนาการ แต่พอโตขึ้นความรู้สึกนั้นไป เนื้อหาเพลงนี้จะเป็นการเตือนใจว่าอย่าลืมความเป็นเด็ก ผลงานเพลงนี้จะมีกลิ่นอายความเป็น 90s เพราะพวกเราโตมากับเพลงในยุคนั้น พวกเราจะดูว่าเพลงมีเนื้อหาอย่างไร แล้วถึงจะใส่ดนตรีตามเข้าไปครับ เพลงก็จะได้พี่ แทน - แทนพันธุ์ คณะเจริญ มือกีต้าร์วง electric.neon.lamp กับทีมงานมาช่วยเรื่องเพลงและเอ็มวีครับ ด้วยความที่เราเกิดในปี 1988 ก็อยากทำเอ็มวีให้มีกลิ่นอายของยุคนั้น ก็อยากให้ดูให้จบครับ เพราะจะมีรายละเอียดอ้างอิงเรื่องจริงในสังคมบ้าง ก็อยากให้ไปดูและวิเคราะห์กัน"
เพลงนี้ก็มีความฟังง่ายกว่าเพลงที่ผ่านมา ก็จะมีหลายคนที่ชอบ เพราะพวกเราเองปกติจะทำเพลงที่ฟังยากหน่อยครับ เราก็จะมีเพลงหลายๆแบบออกมาให้ฟังกันเยอะครับ ก็จะมีบางเพลงที่ทำออกมาอิงกระแสสังคมตลกๆ ออกแนวพึ่งใบบุญก็มีครับ (หัวเราะ)”
7 เพื่อนสนิทที่เอาแต่ใจ กับการผสานตัวตนเข้าด้วยกัน
ด้วยความที่วง The Ginkz เป็นศิลปินกลุ่มที่มีคาแรคเตอร์แตกต่างกัน ทำให้สมาชิกทั้ง 7 ต้องนำความแตกต่างมารวมกัน ซึ่งบูมและวิน ก็ได้กล่าวถึงเคล็ดลับในการทำงานที่ต้องหาจุดกึ่งกลางของสมาชิกทั้ง 7 กับทาง Sanook! Music ด้วย
วิน The Ginkz : “วงเราเวลาขึ้นแสดง จะเห็นเลยว่าทุกคนมีคาแร็คเตอร์ต่างกันมาก จนหลายคนอาจจะงง แต่การทำงานมันไม่ยาก เพราะพวกเราเพื่อนกัน แต่ถ้ามีใครที่คิดเยอะหรือแปลกเกินไป เราก็จะค่อยๆเบรคกัน ยิ่งตอนผมไปเป็นอาจารย์ที่ Rockcademy ก็ทำให้ใจเย็นขึ้นกับนิสัยที่ต่างกันของเพื่อน”
บูม The Ginkz : “จริงๆ การทำเพลงที่มีความต่างมันมาจากความเอาแต่ใจครับ ว่าเราอยากเล่าอะไรก็อยากเล่าในเพลงและสิ่งที่ทำออกมา จริงๆนิสัยของสมาชิก ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้วงมีชื่อว่า The Ginkz ด้วย เพราะชื่อนี้มาจากเสียงเหรียญหล่น คือผมมีเหตุการณ์ที่รุ่นพี่ที่รู้จักทำเหรียญหล่นในโบสถ์ เลยเอาเสียงนั้นมาทตั้งชื่อวง เพราะมองว่าสมาชิกทุกคนไม่เต็มบาทครับ (หัวเราะ)”
จากศิลปินอิสระสู่การกลับมาอยู่ในค่าย (อีกครั้ง)
วิน The Ginkz : พวกเราตอนแรกเริ่มต้นเป็นศิลปินอิสระครับ พอมาอยู่ค่ายมันก็จะมีความกดดันหน่อยๆ เพราะเราก็ต้องเล่นเพลงที่เข้าถึงผู้คนมากขึ้น ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีครับ ที่ทำให้เราได้เข้าใจผู้คน พอออกมาจากค่ายตอนนี้เราก็ได้กลับมาเป็นตัวเองเต็มที่ แต่ก็ไม่มีงบ ตอนนี้ก็เลยกลับไปอยู่ค่าย Battery Music ก็เป็นค่ายที่ให้อิสระในการทำงาน และก็ทำให้พวกเรามีงบลงทุนในการทำผลงานด้วย ผมมองว่าการมีค่าย มันก็ขึ้นกับตัวศิลปิน ความสามารถ และ วิธีการทำงานด้วย บางคนมีผลงานเพลงเดียวแต่ก็ดังได้ เพราะเขาสามารถทำทุุกขั้นตอนในการสร้างเพลงได้หมดครับ มันขึ้นอยู่กับตัวศิลปินครับในจุดนี้”
แปลงซะเสีย เพจสุดฮาที่เริ่มจากความชอบของวิน The Ginkz
นอกจากการทำวงดนตรีแล้ว อีกหนึ่งผลงานของ วิน The Ginkz ที่ทำให้ทุกคนรู้จักวง ก็คือการทำเพจ เเปลงซะเสีย ที่วินจะนำเพลงดังมาแปลงเนื้อแบบตลกๆ รวมถึงแชร์และพูดคุยเกี่ยวกับเพลงที่เขาสนใจ โดย วิน และ บูม ก็ได้เล่าถึงการทำงานของเพจนี้ และผลกระทบที่มีต่อการงานของวง
วิน The Ginkz : “ตอนแรกผมตั้งใจแปลงเพลงสากลตลกๆ มาก เลยทำเป็นเพจขึ้นมา หลังๆก็จะมีคนส่งเพลงเข้ามาแปลงเยอะมาก ก็มีเพลง “แอบรักสาวมุสลิม” ที่จะมีดราม่าหน่อยๆ เพราะมันมีเรื่องดราม่าหน่อยๆ การทำเพจแบบนี้เราได้แนะนำคนฟัง ให้ลองอะไรใหม่ๆ คือก็เหมือนเป็นคนที่มีอิทธิพลนิดหน่อย ในมุมมมองของผมการมีเพจมันดี เพราะข้อมูลข่าวสารเรื่องเพลงก็จะไปเร็ว ผมว่าการมีเพจจะทำให้วัยรุ่นและหลายคนรู้จักเพลงมากขึ้น เพราะมันเป็นสื่อที่ฟรี สำหรับผมแล้วการทำงานเพจมันไม่เกี่ยวกับการทำเพลงเลยครับ มันเหมือนเป็นตัวตนอีกด้านไปเลย แต่ก็จะช่วยในเรื่องการพาเเฟนเพจ เข้ามาเป็นแฟนของวงครับ
ตอนนี้ก็จะมีปัญหาเล็กน้อยก็คือ Facebook แฟนเพจ คนจะเห็นน้อยลงจากนโยบายใหม่ที่เน้นให้เห็นเรื่องราวของเพื่อนมากขึ้น อันนี้เราไปเปลี่ยนอะไรไม่ได้ ก็ต้องว่าไปตามนโยบายเขาครับ ส่วนเรื่องแผนการขยายไปโซเชียลอื่นยังไม่มี เพราะเอาจริงๆ ผมยังไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการเล่นโซเชียลเท่าไหร่ (หัวเราะ)”
บูม The Ginkz : “หลายคนมองว่าการมาของโซเชียลหรือเพจต่างๆ ทำลายวงการเพลง ผมมองว่าการมีเพจ ไม่เกี่ยวกับการทำให้วงการเพลงมีปัญหาครับ เพราะมันอยู่ที่ค่านิยมคนฟัง ว่าเขาจะสนับสนนถูกวิธีหรือเปล่า และศิลปินเองจะพัฒนาตัวเองมากขึ้นหรือเปล่า เพราพอศิลปินทำเพลงเองได้ และมีสื่อมากขึ้น มันก็ทำให้วงการเพลงมีความหลากหลายมากขึ้น"
วงการเพลงไทยในมุมมองของศิลปินที่อยู่นอกกรอบอย่าง The Ginkz
วิน The Ginkz : "ทุกวันนี้พวกเรามองว่าศิลปินไทย พยายามจะตามแพทเทิร์นต่างๆเกินไป แบบพยายามทำทกอย่างให้เป๊ะเเบบต่างชาติไปทุกจุด แต่จริงๆ เราสามารถเน้นหาจุดเด่นและเป็นตัวเองได้ ซึ่งผมมองว่ามันเป็นอะไรที่ง่ายอยู่แล้ว เพราะทุกคนมีเอกลักษณ์และประสบการณ์ชีวิตต่างกัน ถ้าเราเล่าเรื่องราวตัวเองไปแบบตรงๆผ่านเพลง ผลงานที่ทำออกมามันก็จะแสดงความเป็นตัวเรา"
ในช่วงท้ายของการพูดคุย พวกเขาได้ฝากถึงคนที่ยังไม่รู้จัก The Ginkz “แนวเพลงพวกเราอาจจะแตกต่างจากตลาดไปบ้าง แต่พวกเราก็รักทุกคน อยากให้ลองฟังหลายๆเพลง จะได้รู้จักพวกเรามากขึ้น เพราะพวกเราก็มีมุมตลก และมุมฮาๆ ปีนี้พวกเราก็จะมีอัลบั้มด้วย ก็ลองซื้อ และมาติดตามพวกเราได้ที่เพจของวงครับ”
ใครที่อยากทดลองฟังผลงานเพลงที่ไม่เหมือนใครของวง The Ginkz สามารถฟังเพลงของวงได้แล้วที่ JOOX รวมถึงติดตามโปรเจกต์ใหม่ๆ ของพวกเขาได้ที่ Sanook! Music ได้เลยครับ เพราะเร็วๆ นี้ทางวงจะมีเพลงใหม่ออกมาให้แฟนๆ ได้ฟังกัน
ขอบคุณภาพจาก Facebook The Ginkz
Story : Sidhipong W.