“Clash Awake Concert” ปลุกให้ตื่นจากความหลับใหล สู่ความมันครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 7 ปีจาก “Clash”
เอาตรงๆ แบบไม่มีอ้อมค้อม นี่คือการคัมแบ็กที่น่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับวงการดนตรีเมืองไทยในปีนี้
ยังจดจำกันได้ไหม ว่าเมื่อ 17 ปีที่แล้ว ความดังของวงดนตรีที่ชื่อ Clash อยู่ในระดับไหนกัน?
Clash คือวงดนตรีที่มีเพลงฮิตติดชาร์ตนับไม่หวาดไม่ไหว โดยเฉพาะเพลงช้าเนื้อหาบาดใจที่ปล่อยออกมาทีไรก็พุ่งขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดได้แทบทุกครั้ง “กอด”, “รับได้ทุกอย่าง”, “ขอเช็ดน้ำตา”, “หนาว”, “เขาชื่ออะไร”, “ละครรักแท้”, “มือที่ไร้ไออุ่น” คือตัวอย่างที่เพียงอินโทรขึ้น เหล่าสาวกก็ยินยอมพร้อมใจร้องตามกันอย่างพร้อมเพรียง ในขณะที่เพลงเร็วก็มันจนต้องกระโดดโลดเต้นตาม
Clash คือวงดนตรีที่มีเสียงนักร้องนำอันเป็นเอกลักษณ์มากที่สุดวงหนึ่งของประเทศไทย น้ำเสียงโหยหวน ขึ้นจมูกนิดๆ รวมถึงลีลาระหว่างการร้องซึ่งเป็นที่จดจำ
Clash คือวงดนตรีที่นำเทรนด์แฟชั่นในยุคสมัยหนึ่ง กับการที่วัยรุ่นหนุ่มๆ แห่ทำทรงผม สวมเสื้อผ้า รวมถึงสักที่หัวไหล่ตามฟร้อนต์แมนของวงจนเป็นภาพติดตาอยู่พักใหญ่
Clash คือวงร็อคที่ไม่หยุดพัฒนาฝีมือทางดนตรี แม้ภาพแรกจะเป็นเด็กวัยรุ่นผู้ครองตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1 จากเวที Hotwave Music Awards ครั้งที่ 3 แต่การคว้ารางวัลอันทรงเกียรติในแวดวงดนตรีบ้านเราอย่าง สีสัน อะวอร์ดส์ มาครองได้ถึง 4 ครั้ง 4 หน ในเวลาต่อมา ก็ยืนยันถึงคุณภาพที่พวกเขามีได้อย่างเต็มเปี่ยม
Clash คือวงดนตรีขวัญใจวัยรุ่นที่ดังมากๆ ในตอนนั้น…
แต่จู่ๆ เมื่อ 7 ปีที่แล้ว Clash ก็ยุติบทบาทการเป็นวงดนตรีลง ท่ามกลางน้ำตาของแฟนเพลงนับไม่ถ้วน รวมถึงจากดวงตาของพวกเขาเองที่ไหลลงมาอย่างไม่อายใครในคอนเสิร์ตครั้งสุดท้าย Clash Rebirth The Final Concert
แล้วจู่ๆ 5 สมาชิกวงที่ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงอย่าง แบงค์-ปรีติ บารมีอนันต์ (ร้องนำ), สุ่ม-สุกฤษณ์ ศรีเปารยะ (เบส), แฮ็ค-ฐาปนา ณ บางช้าง (กีตาร์), ยักษ์-อนันต์ ดาบเพ็ชรธิกรณ์ (กลอง) และ พล-คชภัค ผลธนโชติ (กีตาร์) ที่ต่างออกไปหาประสบการณ์ในเส้นทางส่วนตัวของแต่ละคนก็ประกาศคัมแบ็ก กลับมารวมตัว ปล่อยซิงเกิลใหม่ และจัดคอนเสิร์ตใหญ่ Leo presents Clash Awake Concert ขึ้น
>> คิดถึงพวกเขาไหม? Clash กลับมารวมตัวจัดคอนเสิร์ตใหญ่ในรอบ 7 ปี
ตลอด 7 ปีที่ผ่านมาสำหรับเหล่าสาวก มันคงเต็มไปด้วยคำถามที่ถูกตั้งขึ้นมาว่า Clash จะกลับมารวมตัวกันไหม และเมื่อไหร่ แน่นอนว่าที่ผ่านมา คำถามดังกล่าวไม่เคยได้รับการคลี่คลาย ยังไม่นับรวม “ความคิดถึง” ที่อัดแน่นอยู่ในใจแฟนๆ วง Clash ทุกคน
แต่คิดเหมือนกันไหม … Clash Awake Concert คือคำตอบของทุกคำถาม คำตอบที่ไม่ต้องใช้วาจา ทว่าใช้ดนตรีสื่อสาร
แม้กำหนดการโชว์จะเริ่มราวๆ สองทุ่ม แต่บรรยากาศทั่วไบเทค บางนา กลับเนืองแน่นไปด้วยแฟนคลับที่มานั่งรอ ยืนรอ นอนรอ เพื่อที่จะได้เข้าไปภายในฮอลล์หมายเลข 98 จับจองพื้นที่ที่ดีที่สุด สำหรับวงดนตรีที่พวกเขารักที่สุด เราอาจชะล่าใจไปสักหน่อย เกือบเข้าไปไม่ทันวินาทีแรกของคอนเสิร์ต
จาก “เพลงสุดท้าย” ของคอนเสิร์ตแห่งการจากลา สู่ “เพลงสุดท้าย” ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ที่น่าตื่นเต้น
วีทีอาร์ย้อนอดีตทำให้หลายคนยิ้มตาม บางคนถึงกับน้ำตาซึม และเมื่ออินโทรเพลง “กอด” ดังขึ้น ยอมรับด้วยความสัตย์จริงว่า ขนลุกไปทั้งตัว พลันคิดในใจว่า การที่คนกว่าหมื่นชีวิตเปล่งเสียงออกมาเป็นท่วงทำนองเดียวกัน มันคือความสวยงามแบบนี้แหละ
ยักษ์-อนันต์ ดาบเพ็ชรธิกรณ์
กดสวิตช์เปลี่ยนโหมดทันควันกับ 2 เพลงสุดเดือดอย่าง “ไฟรัก” และ “รักจริงรักปลอม” ที่ทำเอาฮอลล์ร้อนระอุ และต้องขอขอบคุณเพลงถัดไปอย่าง “ค้างคา” ที่ทำให้เรามองเห็นเวทีชัดขึ้น เพราะสมาชิกวง Clash ค่อยๆ เดินขึ้นสู่ด้านบน ทำให้รู้ว่าบนนั้นคือตัวอักษร A สัญลักษณ์วงขนาดยักษ์ที่มีลักษณะเป็นที่ลาดชัน … เท่มาก เท่มากๆ ก่อนที่ยังยึดเมโลดี้มีจังหวะเอาไว้กับ “Love Does Exist” และ “ยิ้มเข้าไว้”
ดูเหมือน Clash จะยังไม่ปล่อยหมัดฮุก ค่อยๆ นวดคนดูไปเรื่อยๆ จากเพลงที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นพวกเขาเล่นสดมากนัก ไม่ว่าจะเป็น “ลางสังหรณ์” และ “ถอนตัว” ที่ได้ด่ำดิ่งอยู่ในภวังค์กันพอสมควร ก่อนจะกลับไปสว่างสดใสอีกครั้งในเพลง “It’s Gonne be OK” และ “หยุดฝันก็ไปไม่ถึง” ที่แฟนๆ ยังร้องตามกันอย่างต่อเนื่อง
สุ่ม-สุกฤษณ์ ศรีเปารยะ
ในขณะที่ความสุขหลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ ปัญหาใหญ่ ณ จุดที่เรายืน (Standing A ฝั่งซ้าย หันหน้าเข้าเวที) นอกจากจะโดนก่อกวนด้วยแก๊งขนาดใหญ่ที่ส่งเสียงดังรบกวนตลอดเวลาจากความคึกคะนองของหัวใจและของเหลวที่ไหลเข้าปาก เราแทบไม่ได้ยินซาวด์กีตาร์ของ แฮ็ค และ พล เลย เสียงบนเวทีค่อนข้างอื้ออึง ฟังไม่ชัดเจน รวมไปถึงพาร์ตที่ แบงค์ พูดออกไมค์ เราฟังเขาไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่ประโยคเดียว
ระหว่างที่ความหงุดหงิดเล็กๆ เริ่มก่อตัว การแสดงสดซิงเกิลใหม่ในรอบ 7 ปีของ Clash อย่าง “ใจเย็นเย็น” เป็นครั้งแรกก็ทำให้เราลืมความรู้สึกเมื่อสักครู่ไปจนหมดสิ้น โดยเฉพาะการแร็ปในท่อนฮุกที่ดุเดือดใช้ได้ หลังจากนั้นก็สลับมาเป็นเพลงช้าอย่าง “เจ้าหญิงนิทรา” และ “หนาว” ที่ทั้งเศร้าและฟินในเวลาเดียวกัน เพิ่มดีกรีความเหงาด้วย “ละครรักแท้” ที่ได้สุดยอดดีว่าของเมืองไทยอย่าง รัดเกล้า อามระดิษ มาร่วมแจมแบบเซอร์ไพรส์หนักมาก รวมถึงหนึ่งตำนานบทเพลงของบ้านเราอย่าง “ลมหายใจ” ก็ถูกขับกล่อมอย่างไพเราะเช่นเคย
แขกรับเชิญสุดเซอร์ไพรส์ รัดเกล้า อามระดิษ (ซ้าย)
“Thai Girl” และ “หุ่นกระป๋อง” คืออีก 2 เพลงที่ Clash หยิบมาสร้างความสุข ก่อนที่ถึงคิวของอีกหนึ่งแขกรับเชิญอย่าง Twopee Southside ที่มาร่วมแร็ปในเพลงดัง “โรคประจำตัว” ก่อนจะทำให้ทั้งฮอลล์เดือดระอุแบบสุดๆ ด้วยเพลง “ไหวอะเปล่า..เบเบ้” เวอร์ชั่นร็อคที่ทั้งโดดทั้งโยกตามกันสุดตัว อีกทั้งเซอร์ไพรส์ก็ยังไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้ เพราะ Clash เลือกเพลงดังอย่าง “พันธ์ทิพย์” จาก Loso และ “น้ำลาย” ของ Silly Fools มาเล่น ซึ่งเมื่อพินิจพิจารณาถึงเหตุผล ที่มาที่ไปในการนำ 2 เพลงดังกล่าวมาเล่นแล้ว ก็นึกไม่ออกสักทีว่าเหตุใดต้องเป็น 2 เพลงนี้ และนี่อาจเป็นช่วงเวลาที่เรารู้สึก “เฉยๆ” ที่สุดในคอนเสิร์ตหนนี้
Twopee Southside กับความเดือดแบบไม่ยั้ง
“คนดูต้องการออริจินัล ต้องการอะไรที่มันใกล้เคียงในสิ่งที่เขาไม่ได้ดูมา 7 ปี” หนึ่งในคำกล่าวของ แบงค์ จากบทสัมภาษณ์ที่ Clash เคยสนทนากับ Sanook! Music ซึ่งความออริจินัลดังกล่าวก็ปรากฏขึ้นแบบไม่มีเบรก เซตเพลงช้าสุดเศร้าที่หลายคนรอคอย “ขอเจ็บแทน”, “เขาชื่ออะไร”, “มือที่ไร้ไออุ่น”, “ซบที่อกฉัน”, “ขอเช็ดน้ำตา” และ “รับได้ทุกอย่าง” คือลิสต์ดังกล่าว ไม่มีเพลงไหนที่เสียงร้องตามจากแฟนๆ เบาลงแม้แต่วินาทีเดียว เมื่อสิบปีที่แล้วอินอย่างไร ตอนนี้ก็ยังอินแบบนั้นเฉกเช่นเคย
>> “Clash” กับบทเรียนที่ได้รับจาก “การจากลา”
เวลาล่วงเลยไปอย่างว่องไว ถึงช่วงสุดท้ายของ Clash Awake Concert แล้ว 5 หนุ่มวง Clash จึงจัดหนักเพลงโหดๆ ให้ได้โยกหัวตามแบบยาวๆ ไล่มาตั้งแต่ “Rebirth”, “Love Scene”, “ท้าชน”, “สัจอธิษฐาน” และเพลงเด็ดที่ไม่มีไม่ได้อย่าง “ใส่ร้ายป้ายสี” ที่ท่อน “ทำดีไม่ได้ดีแล้วทำยังไงดี” นั้น ทุกคนพร้อมใจกันโดดจนรู้สึกได้ถึงความสั่นสะเทือนของพื้นฮอลล์ ส่วนในช่วงอังกอร์ก็เพิ่มเติมความประทับใจด้วยเพลงความหมายดีๆ อย่าง “เกินคำว่ารัก”, “นางฟ้าคนเดิม” และ “เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป”
การตื่นจากการหลับใหลยาวนานถึง 7 ปีของ Clash ในครั้งนี้ ช่างคุ้มค่ากับการรอคอยในทุกวินาที รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ทุกบทเพลงที่ร้องตามกันได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ก้อนมวลแห่งความสุขโอบล้อมวง Clash และแฟนเดนตายของพวกเขาเอาไว้ตลอด 3 ชั่วโมงของคอนเสิร์ต
แบงค์-ปรีติ บารมีอนันต์
เพลงที่ทั้ง 5 สมาชิกเลือกมาเล่น ผสมปนเประหว่างเพลงฮิตที่ต้องเล่นให้ทุกคนได้ฟัง กับเพลงที่แทบไม่เคยเห็น Clash เล่นสด กลายเป็นโชว์ที่หลากหลาย มีเสน่ห์ ไม่เน้นเพลงฮิต แต่เน้นมอบความสุขให้สาวกตัวจริงเสียงจริงของวงมาตลอด 17 ปีเสียมากกว่า
อีกสิ่งหนึ่งที่ชื่นชอบมากๆ ใน Clash Awake Concert ก็คือโปรดักชั่นที่แจ่มแจ๋วมาก เวทีสูงชันรูปตัว A ซึ่งสมาชิกวงสามารถเดินขึ้นไปได้คือเท่มาก ระบบแสงที่นำเอาเลเซอร์มาใช้ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา รวมไปถึงการมุมมองของตากล้อง และมือตัดต่อที่ตัดภาพบนจอขนาดใหญ่ที่ขนาบข้างสองฝั่งเวที บอกเลยว่ายอดเยี่ยมมาก บางช็อตเหมือนกำลังดูมิวสิควิดีโอเท่ๆ อย่างไรอย่างนั้น
แฮ็ค-ฐาปนา ณ บางช้าง
พล-คชภัค ผลธนโชติ
เรื่องระบบเสียงอาจเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผู้เขียนที่ยืนอยู่จุดเดิมตั้งแต่ต้นจนจบ (เพราะไม่สามารถเดินทะลุไปตรอกซอกซอยไหนได้แล้ว คนเยอะมาก บางความรู้สึกแอบคิดว่า เยอะเกินความจุของฮอลล์หรือไม่ บางช่วงเวลาถึงกับหายใจไม่ออก เพราะอากาศไม่ถ่ายเท) ท้ายที่สุดแล้วตลอด 3 ชั่วโมง เรายังคงไม่ได้ยินเสียงกีตาร์จาก 2 นักกีตาร์ของ Clash โดยเฉพาะริฟฟ์จดจำจากหลายๆ เพลงในช่วงท้ายทั้ง “ใส่ร้ายป้ายสี”, “Love Scene” หรือ “ท้าชน” เราไม่ได้ยินเสน่ห์อันคุ้นเคยในจุดนั้นเลย มีเพียงเสียงในหัวที่เราจดจำได้จากการฟังในคาสเซตต์และซีดีตลอดเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา จะได้ยินชัดเจนหน่อยก็คือในท่อนโซโล่ ในขณะที่ไลน์เบสก็ค่อนข้างจมหาย และการที่เราไม่รู้ว่า แบงค์ พูดอะไรระหว่างช่วงคั่นระหว่างเพลง ก็ทำให้อรรถรสในการชมคอนเสิร์ตจางหายไปค่อนข้างเยอะเหมือนกัน
Clash
อย่างไรก็ตาม ความรักที่ทุกคนมีต่อวง Clash ไม่เคยลดน้อยถอยลง เราปฏิเสธข้อเท็จจริงนี้ไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
และจากหลับใหลไปนานแสนนาน การลืมตาตื่นขึ้นมาของ Clash ในครั้งนี้ น่าจะมีอะไรสนุกๆ ติดตามมาหลังจากนี้อีกเพียบแน่ๆ
Story by: Chanon B.
Photos by: Grand Musik
>> วง Clash กับความรู้สึกดีใจ เมื่อได้เห็นผลงาน 5 อัลบั้มแรกของพวกเขาอีกครั้ง (คลิป)
>> ป๋าเต็ด เผย! แบงค์ Clash เจออุบัติเหตุกางเกงขาดกลางเวทีคอนเสิร์ตใหญ่
อัลบั้มภาพ 18 ภาพ