iKON-WINNER มันแพ็คคู่ สมศักดิ์ศรีศิลปินค่าย YG ร้อง-เล่นสดตลอดโชว์
สมการรอคอยกับคอนเสิร์ตแพ็คคู่สุดยอดแห่งปี ทั้ง iKON 2018 CONTINUE TOUR IN BANGKOK ในวันที่ 19-20 ต.ค. 2018 และ WINNER 2018 EVERYWHERE TOUR IN BANGKOK ในวันที่ 21 ต.ค. 2018 ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี โดยค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ต้นสังกัดจากเกาหลีใต้ YG Entertainment ร่วมกับ Four One One Entertainment และ Live Nation Entertainment รวมพลังตัดคอนเสิร์ตใหญ่ของทั้งสองวงนี้ได้อย่างราบรื่น สมใจอยากของแฟนๆ เหล่า YG Stans กันอย่างที่สุด
ประเดิมกันด้วยงานแรกเอาใจ iKONIC ด้วยการปรากฏตัวบนเวทีของทั้ง 7 หนุ่ม คิมฮันบิน (Kim Hanbin) หรือ บีไอ (B.I.) หัวหน้าวง, คิมจีวอน (Kim Jiwon) หรือ บ๊อบบี้ (BOBBY), คิมจินฮวาน (Kim Jinhwan), กูจุนฮเว (Koo Junhoe), ซงยุนฮยอง (Song Yoonhyung), คิมดงฮยอก (Kim Donghyuk) และ จองชานอู (Jung Chanwoo) อุ่นเครื่องแบบเผ็ดร้อนด้วยเพลง “Bling Bling” ต่อด้วย “Sinosijak” และ “Rhythm Ta (Rock Ver.)” สนุกกันต่อในบรรยากาศซัมเมอร์ริมทะเลในเพลง “Cocktail” และ “Only You”
แม้ว่าเพลงส่วนใหญ่ของ iKON จะชวนให้ลุกขึ้นมาเต้นเหมือนบรรยากาศอยู่ในผับตลอดเวลา อย่างที่เราได้ยินกันในเพลง “Anthem” และ “B-Day” และ “My Type” แต่ก็ยังมีโมเมนต์ซึ้งๆ จากสายเมนโวคอล จินฮวาน, ยุนฮยอง, จุนฮเว, ดงฮยอก และน้องเล็ก ชานอู ในเพลง “Perfect” ให้ได้ฟังกันด้วย นอกจากนี้ยังมีสเตจโซโล่ของ บีไอ ในเพลง “One and Only” และ “Holup” ของ บ็อบบี้ และมีเพลงฟังสนุกไม่แดนซ์มากจนเกินไปอย่าง “Rubber Band”, “Best Friend” และ “Everything” ที่งานนี้แฟนๆ ได้เห็นหนุ่มๆ จับคู่กอดคอบ้าง แกล้งกันบ้าง ได้เห็นความน่ารักสดใสของทุกคนแล้ว ทำเอาแฟนๆ ใจบางกันไปเลยทีเดียว โดยเฉพาะช่วง “Best Friend” รอบวันศุกร์ 19 ต.ค. ทุกคนพร้อมใจให้ จุนฮเว ใส่ชุดลูกเจี๊ยบสีเหลือง เพราะครอบครัวของเขาตามมาให้กำลังใจที่ประเทศไทยกันทั้งครอบครัว ส่วนรอบวันเสาร์ 20 ต.ค. ชานอู เป็นผู้รับแจ็คพ็อต โดนแต่งชุดต้นไม้ใบหญ้าเพราะไม่มีคู่เต้น เลยโดดเด่นได้ใจไปอีก สร้างสีสันให้กับโชว์มากเป็นพิเศษ
ก่อนจะเข้าสู่ช่วงอังกอร์ ก็ปิดท้ายโชว์กันด้วยเพลงดังระดับประเทศที่วีทีอาร์เผยให้เห็นความฮิตของเพลงนี้ได้เป็นอย่างดี “Love Scenario” ต่อด้วย “Goodbye Road” ที่เพิ่งร้องในไทยเป็นที่แรก ก่อนจะปิดท้ายโชว์ด้วยเพลงเร็วชวนแดนซ์ไม่หยุดอย่าง “Killing Me” และ “Freedom” หนุ่มๆ กลับเข้าไปไม่กี่อึดใจ แฟนๆ ในฮอลล์ประสานเสียงร้อง “Long Time No See” กันไม่ทันไร ทั้ง 7 หนุ่มก็ออกมาพร้อม “Just For You” ตามด้วย “Love Scenario” กันอีกรอบ และต่อด้วย “Don't Let Me Know” และ “Dumb & Dumber” ที่ไอคอนิกไทยจัด Rainbow Ocean โปรเจกต์พิเศษให้หนุ่มๆ อีกด้วย ก่อนจะกล่าวขอบคุณ และโบกมือลากันจนสุดสายตา
การแสดงในแต่ละเพลงตัดสลับกับช่วง talk ที่ส่วนใหญ่ดำเนินรายการโดย บ็อบบี้ และ จินฮวาน โดยเฉพาะ จินฮวาน ที่ภาษาอังกฤษดีถึงขนาดพูดภาษาอังกฤษประโยคยาวๆ สลับกับภาษาไทยได้สบายๆ “How do you feel tonight? Long time no see. I really really miss you, สวัสดี แบงคอก แฟนๆ ชาวไทยขอเสียงหน่อย รักนะจุ๊บๆ ผมรักคุณครับ” ไหนจะมีประโยคน่ารักๆ อย่าง “รักหนูไหม”, “ผมเป็นคนฮ็อต” (ที่พยายามพูดอยู่นานกว่าแฟนๆ จะเข้าใจ) เล่าความประทับใจที่มีต่ออาหารไทยอย่าง “ปูผัดผงกะหรี่” และยังมี จุนฮเว ที่โชว์กล้ามโชว์ซิกแพ็กเอาใจแฟนๆ พร้อมตะโกนประโยค “ช้างกูอยู่ไหน?” ที่ซักซ้อมเอาไว้ตั้งแต่งานแถลงข่าวเมื่อวันก่อนอีกด้วย แม้ว่าภาษาอังกฤษของเมมเบอร์ทุกคนจะยังไม่คล่องนัก แต่ประทับใจในความพยายามที่ไม่ต้องใช้ล่าม พยายามสื่อสารกับแฟนเพลงโดยตรง และเอาใจแฟนๆ กับ “Love Scenario” เวอร์ชั่นไทย (แบบมั่วๆ) ของจินฮวานที่น่ารักจนอดขำไม่ได้ ทำให้บรรยากาศตลอดคอนเสิร์ตมีทั้งความสนุกสนานเฮฮาเหมือนมาปาร์ตี้กับเพื่อนสนิทอย่างไรอย่างนั้น
ในส่วนของ Production ก็ต้องบอกว่าดีงามตามสไตล์คอนเสิร์ตเกาหลี ใช้พื้นที่บนเวทีมากกว่า 50% เป็นจอ LED ทั้งด้านหลัง และวางเอียง 45 องศาเป็นประตูเข้าออกเปิดปิดได้ ภายสวยแสงสีชัดเอฟเฟกต์ก็มาหมดทั้งพลุทั้งกระดาษ ทั้ง 7 หนุ่มเอาโชว์ทั้งโชว์ได้จริงๆ แต่หากตะให้พูดถึงเรื่องระบบเสียงของธันเดอร์โดม ก็ยังคงเส้นคงวาเหมือนเดิม คือไม่ค่อยชัดใสมากเท่าที่ควร เสียงที่ออกจากลำพังโซนหน้าเวทีทำเอาหูแทบแตก จนบรรดาแฟนๆ ต้องเดินหนีลำโพงออกมาเยอะเหมือนกัน
วาร์ปมาที่วันงานคอนเสิร์ตของ 4 หนุ่ม WINNER จัดที่เดิม รูปแบบการวางเวทีเหมือนเดิมเป๊ะ ที่แตกต่างคงจะเป็นการเพิ่มแดนเซอร์ชายหญิงเข้าไประหว่างว์อยู่บ่อยๆ และการเพิ่มอุปกรณ์ประกอบฉากเพื่อสร้างลูกเล่นเพิ่มขึ้นอย่างจอ LED เข็นได้ที่เป็นกรอบรูปแล้วมีรูปผู้หญิงยืนไปมา ทำให้เวทีของ 4 หนุ่ม คังซึงยุน (Kang Seungyoon), ซงมินโฮ (Song Minho) หรือ มิโน (Mino), อีซึงฮุน (Lee Seunghoon) และ คิมจินอู (Kim Jinwoo) ไม่โล่งอย่างที่คิด และแม้ว่าเพลงของ WINNER ส่วนใหญ่จะไม่ชวนแดนซ์หนักๆ เหมือน iKON แต่ก็เป็นเพลงป็อปที่ฟังง่ายฟังสนุก และแฟนๆ หายใจหายคอได้ทันแบบไม่ต้องเหนื่อยมาก
เริ่มต้นโชว์กันด้วย “EMPTY” และ “AIR” ก่อนการทักทายพอหอมปากหอมคอทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ส่วนใหญ่จะนำโดย ซึงยุน ที่คอยพูดให้แฟนๆ มาสนุกด้วยกัน ฟังเพลงต่อไป บอกรักแฟนๆ คอยบอกว่าวันนี้เป็นวันที่มีความสุขที่สุด และขอบคุณแฟนๆ ที่รอคอยการกลับมาของพวกเขาอยู่ตลอด หลังจากจบช่วงของ “HELLO” และ “Everyday” ไปแล้ว ก็เป็นช่วงโซโลสเตจ ที่มีทั้งผลงานเดี่ยวของตัวเองอย่างหนุ่ม มิโน กับ “Body” และ “Turn off The Light” สุดเซ็กซี่เร่าร้อนจากการย้อมฮอลล์และเวทีเป็นสีแดงด้วยแสงไฟสีเข้ม ตัดอารมณ์ซึ้งด้วยโซโลของ จินอู ในเพลง “Untitled, 2014” ผลงานของรุ่นพี่จีดรากอน ส่วน ซึงยุน เลือกเพลง “It's Rain” ผลงานโซโล่ของเขาเมื่อปี 2013 อวดพลังเสียงอันน่าประทับใจ ก่อนจะเซอร์ไพรส์ด้วยเพลง “My Everything” ของ Ariana Grande แบบสดๆ จากนั้นคว้ากีต้าร์คู่ใจโชว์เพลง “Instinctively” เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆ ไปเต็มๆ ปิดท้ายที่ ซึงฮุน ในเพลง “Serenade” และ “RingaRinga” ของรุ่นพี่แทยัง ซึ่งเขาโชว์สเต็ปเต้นชนิดที่ไม่ยอมเสียชื่อโค้ชในรายการ Dancing High กันเลยทีเดียว
จากที่บอกไปข้างต้นว่าเพลงส่วนใหญ่ของ WINNER เป็นเพลงป็อปฟังสนุกฟังสบาย ช่วงเพลง “We Were”, “For”, “Raining” และ “Movie Star” จึงเป็นช่วงที่แฟนๆ โบกแท่งไฟร้องเพลงตามกันสบายๆ ก่อนจะมาเร่งจังหวะให้สนุกขึ้นด้วย “Immature”, “Love Me Love Me” และ “Special Night” จากนั้นเป็นช่วงที่แฟนๆ ชาวไทยต้องกรี๊ดสนั่น เมื่อหนุ่มๆ เปลี่ยนเนื้อเพลง “Island” เป็น “Thailand” ทั้งเพลง และเข้าสู่ช่วงเพลงฮิตที่ทุกคนในฮอลล์โยกตามกันแรงๆ อย่าง “REALLY REALLY” และ “La La”
เมื่อเข้าสู่ช่วงอังกอร์ แฟนๆ ร้องเพลง “HELLO” พร้อมชูป้ายโปรเจกต์ “เสียงเพลงของคุณคือ AIR ของพวกเรา” อึดใจเดียวหนุ่มๆ ทั้ง 4 ก็ออกมาพร้อมกับเพลง “Don’t flirt” และ “Luxury” ก่อนจะหยิบป้ายโปรเจกต์ของแฟนๆ ขึ้นมาพูดว่า “แฟนๆ ทุกคนคือ AIR ของพวกเราเช่นกัน” ทำเอาแฟนๆ กรี๊ดลั่น และพร้อมใจกันร้องเพลง “REALLY REALLY” และ “Everyday” เวอร์ชั่น Remix ก่อนโบกมือลากลับบ้านกันอย่างมีความสุข พร้อมบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่แฟนๆ รอคอยกันมาอย่างยาวนานที่จะได้เจอพวกเขา ในแง่ของ Production เนื่องจากมีการเซ็ตฉากเหมือนกัน แต่ระบบเสียง และอุปกรณ์ประกอบฉากดีกว่าเล็กน้อย จึงอาจจะทำให้โชว์ของ WINNER มีภาษีดีกว่าเล็กน้อย แต่ในแง่ของการแสดง การร้อง (สด) การเต้น และการคุมเวที ทั้งสองวงทำได้ดีมากพอๆ กัน สมกับที่เป็นศิลปิลของค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง YG จริงๆ
หากครั้งนี้จัดคอนเสิร์ตติดๆ กันยัง sold out หมดทุกรอบได้ขนาดนี้ ครั้งหน้าอาจจะต้องจัดในสถานที่จัดที่ใหญ่กว่าเดิม เพื่อรองรับความต้องการของแฟนเพลงที่มากขึ้น เพราะเราว่าแฟนเพลงของทั้ง iKON และ WINNER จะต้องมากขึ้นเรื่อยๆ กระแสดีไม่มีตกไปอีกนานแน่นอน
_____________________
Story : Jurairat N.
Credit pic by YG ENTERTAINMENT
ภาพประกอบข่าวโดย วายจี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ