“GSB WOW Concert : ทาทา ยัง” ศิลปินสาวมหัศจรรย์ กับการแสดงที่แฝงความอบอุ่นใกล้ชิด
เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว เราได้รู้จัก อมิตา ทาทา ยัง ในฐานะศิลปินหญิงเจ้าของฉายาสาวน้อยมหัศจรรย์ ที่มาพร้อมเพลงฮิต “โอ๊ะ...โอ๊ย”, “รบกวนมารักกัน”, “พรุ่งนี้...ไม่สาย” และเสน่ห์ที่ดึงดูดแฟนๆ ซึ่งทำให้อัลบั้มชุดแรกของเธอมียอดขายหลักล้านตลับ ซึ่งหลังจากนั้นเธอก็ได้ปล่อยผลงานเพลงออกมาหลายซิงเกิล รวมถึงได้โกอินเตอร์ออกอัลบั้มที่ต่างประเทศ และได้เป็นตัวแทนคนไทยถ่ายทอดเพลงประจำการแข่งขัน Asian Games ครั้งที่ 13 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งนับเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งมาก
ตลอดเวลา 20 ปีที่เราได้รู้จักเธอในฐานะแฟนเพลง เราได้เห็นความสำเร็จในวงการเพลงไทยของเธอ รวมถึงความสำเร็จในระดับนานาชาติ และแม้แต่ช่วงที่เธอเจออุปสรรคในการใช้ชีวิต แต่ทว่าถึงแม้เราจะเป็นแฟนเพลงที่ติดตามผลงานของเธอมาโดยตลอด แต่เราเองกลับไม่เคยได้ไปชมคอนเสิร์ตของเธอมาก่อน และสิ่งนี้ก็ทำให้การไปดูคอนเสิร์ตของทาทา เป็นสิ่งที่ฝันอย่างหนึ่งในฐานะคนรักเสียงเพลง
ล่าสุดทาง Mono Group บริษัทที่ดูแลค่ายเพลง Mono Music และผู้สนับสนุนอย่างธนาคารออมสินเองก็ได้จัดคอนเสิร์ต GSB WOW Concert ขึ้นมา ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตที่ทางผู้จัดจะนำศิลปินแถวหน้าของไทย มาแสดงคอนเสิร์ตแบบใกล้ชิดแฟนๆ 450 ที่นั่งในฮอลล์คอนเสิร์ต Stage 1 @Mono 29 Studio ซึ่งมาพร้อมจอ LCD 270 องศา ที่ฉายภาพรอบฮอลล์การแสดง โดยล่าสุด ทาทา ยัง ก็เป็นอีกศิลปินที่ได้มาร่วมงานกับคอนเสิร์ตครั้งนี้ในวันที่ 27 ตุลาคม ซึ่งคอนเสิร์ตรอบนี้มีชื่อเต็มว่า GSB WOW Concert : ทาทา ยัง
ด้วยความที่เราเคยพูดคุยกับ พีธ พีระ (พีราวัชร์ อัศววชิรวิท) ถึงการจัดคอนเสิร์ตของ Mono Group ทำให้เราเองสนใจงานครั้งนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และเมื่อศิลปินที่เราชอบได้มาร่วมงานในคอนเสิร์ตนี้ทำให้เราตัดสินใจเข้าร่วมงานทันที โดยเราได้เดินทางมาชมคอนเสิร์ตในเวลาบ่ายโมงและเข้าชมคอนเสิร์ตในเวลาบ่ายสองซึ่งเริ่มตรงเวลา
หลังจากที่ทางตัวแทนผู้จัดได้ประกาศเปิดงาน โชว์แรกก็เริ่มขึ้นด้วยความเซอร์ไพรส์ เมื่อแขกรับเชิญอย่าง มอส-ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ ได้ก้าวขึ้นมาบนเวทีพร้อมโชว์เพลงฮิต “สลัด...สะบัด” ที่เขาได้ออกมาโชว์สเต็ปการเต้นพร้อมชวนให้แฟนๆ ที่วิ่งมาขอจับมือตอนแสดงให้ขึ้นมาบนเวทีเพื่อมอบของที่ระลึกพร้อมกอดอย่างเป็นกันเอง จนทำให้บรรยากาศที่ดูเกร็งๆ ในคอนเสิร์ตหายไปและทำให้แฟนๆ วิ่งไปหาเขาหน้าเวที และหลังจากนั้นก็โชว์เพลง “เชื่อเถอะครับ”, “ด้วยรักและปลาทู” ก่อนจะปิดท้ายด้วยเพลง “เหลวไหล” ที่เขาโชว์พลังลากเสียงแบบจัดเต็ม ก่อนที่จะลงจากเวที ซึ่งถึงแม้จะมีช่วงที่แสดงออกว่าเหนื่อยบ้างช่วงที่ร้องและเต้น แต่พลังเสียงของมอสนั้นยังคงเเข็งแรงเหมือนเดิม และทำให้เรามีความสุขที่ได้ฟังเพลงที่เราเคยรักสมัยตอนเด็กอีกครั้ง
มอส ปฏิภาณ
และเมื่อทางทีมงานได้เตรียมเครื่องดนตรีเสร็จ ก็ถึงคิวของทาทา ที่ขึ้นมาบนเวทีหลังจากอินโทรที่ทางทีมงานเตรียมไว้พร้อมโชว์เพลง “โอ๊ะ...โอ๊ย” และ “รบกวนมารักกัน” ประกอบดนตรีสด และการดีไซน์การร้องแบบใหม่ที่ต่างจากในอดีต ก่อนที่จะพูดทักทายแฟนๆ และเล่นมุกเรียกเสียงหัวเราะเกี่ยวกับอายุตัวเองที่มากขึ้น
ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ เพลงที่ทาทาเตรียมมาล้วนแล้วแต่เป็นเพลงในยุคที่เธอทำงานกับค่าย GMM Grammy ทำให้เพลงส่วนใหญ่ที่เธอนำมาร้องนั้นเป็นเพลงช้าเกือบทั้งหมด อย่างเช่นเพลง “ขอได้ไหม”, “ขอถามสักหน่อย”, “ไม่รักตัวเอง” ซึ่งหลายคนอาจไม่เคยฟัง และทาทาเองก็เเทบไม่ค่อยได้ร้อง จนเธอเอ่ยปากว่ากลัวลืมเนื้อมาก แต่ถึงจะเป็นช่วงเพลงเศร้า แต่ทาทาก็ทำให้คนดูหัวเราะในช่วงพูดคุยอย่างเช่น การที่แซวตัวเองว่า ตอนเด็กมีแต่เพลงช้า จนบางทีเธอแอบคิดว่าชีวิตตัวเองตอนนั้นมันเศร้าขนาดนั้นเลยเหรอ พร้อมทั้งทักทายและพูดคุยกับแฟนๆ ที่เธอจดจำได้ ซึ่งความเป็นกันเองนี้ ก็ทำให้เรามองว่างานครั้งนี้เหมือนงานแฟนมีตติ้งที่มีบรรยากาศอบอุ่น แต่มีเพลงให้ฟังหลายเพลงเหมือนกับคอนเสิร์ต
ก่อนที่จะปิดช่วงเพลงช้า ทาทา ก็ได้นำเพลง “พรุ่งนี้...ไม่สาย” มาร้อง พร้อมเดินลงจากเวทีไปถ่ายรูปกับแฟนๆ ที่มาเซลฟี่ แต่เธอก็ยังสามารถร้องเพลงต่อไปได้อย่างไหลลื่น และหลังจากที่เดินรอบฮอลล์คอนเสิร์ต เธอก็เปลี่ยนมาแสดงเพลงสนุกๆ อย่าง “แมลง” และ “ซักกะนิด” เพื่อชวนทุกคนเต้นอีกครั้งก่อนที่จะลงไปจากเวที และบอกลาแฟนๆ ซึ่งถึงแม้จะเป็นคอนเสิร์ตที่มีระยะเวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมง แต่เราก็รู้สึกประทับใจที่ได้ชมโชว์ของศิลปินในดวงใจ และได้กลับไปฟังบทเพลงที่ทำให้เรามีความสุขตอนเด็กอีกครั้ง ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เราชอบที่จะชมคอนเสิร์ตของศิลปินยุค 90s
ความพิเศษของคอนเสิร์ตครั้งนี้ ก็คือการแสดงและเอนเตอร์เทนของ มอส และ ทาทา ที่นอกจากจะร้องสดได้ดีแล้ว ทั้งสองยังมีความสามารถในการเอนเตอร์เทนและทำให้คนดูมีส่วนร่วมกับโชว์ รวมไปถึงทีมแบ็คอัพ ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าทั้งสองศิลปินมีไหวพริบและความตั้งใจในการส่งต่อความสุข ถึงแม้ว่าในปัจจุบันพวกเขาจะไม่ได้ขึ้นเวทีบ่อยเหมือนแต่ก่อน ด้วยหน้าที่การงานที่เปลี่ยนไป ซึ่งการแสดงที่สนุกสนานของพวกเขาก็เหมาะกับเวทีที่ออกแบบมาให้ใกล้ชิดผู้ชมแบบงานนี้
แต่สิ่งที่เรามองว่าน่าจะปรับปรุงเพื่อทำให้คอนเสิร์ตนี้สมบูรณ์มากขึ้นก็มีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นซาวด์ดนตรีสดในพาร์ทของเพลงเร็วที่ดังและก้องเกินไปจนทำให้เสียงของ ทาทา นั้นดูจมหายไป รวมไปถึงการที่ มอส และ ทาทา ไม่ได้มีสคริปต์ที่มาพูดคุยบนเวทีด้วยกัน ซึ่งทำให้แฟนๆ หลายคนอดที่จะเห็นโมเมนต์ทั้งคู่พูดคุยกัน
ในส่วนของการจัดงานนั้น ทางทีมงานทำออกมาได้ดีพอสมควรในส่วนของความตรงเวลาและกิจกรรมก่อนขึ้นเวทีสำหรับคนที่มาถึงก่อนเวลา รวมไปถึงการอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง เพราะตอนที่ผู้ชมหลายคนเดินทางกลับนั้น ทางทีมรักษาความปลอดภัยได้ออกมาเรียกรถ Taxi ให้ผู้ชมด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจคนดูที่เดินทางมาไกลเพื่อชมคอนเสิร์ต
ซึ่งในขณะเดียวกันเราเองก็มองว่ามีหลายองค์ประกอบ ที่สามารถปรับให้ดีขึ้นได้ อย่างเช่นการเตรียมแบ็คดร็อปหรือ ป้ายโปสเตอร์คอนเสิร์ตของทาทา ไว้หน้าคอนเสิร์ตช่วงจบงาน เพราะปกติแล้วแฟนๆ ที่ชมคอนเสิร์ตมักจะมาถ่ายรูปกับป้ายเหล่านี้หลังการแสดงเพื่อเป็นที่ระลึก หรือการใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นการสะกดคำว่า Special Guest บนเวทีที่ถูกสะกดผิดเป็น Spacial Guest แต่ถ้ามองในภาพรวมแล้ว ทาง Mono เองก็ถือเป็นผู้จัดคอนเสิร์ตที่ไม่ธรรมดาอีกกลุ่ม เพราะถึงแม้ว่าจะเพิ่งมาทำคอนเสิร์ตเพียงแค่ปีกว่าๆ แต่พวกเขาสามารถทำโชว์ที่แตกต่างและตอบโจทย์ผู้ฟังได้ดีในระดับหนึ่ง จนเราอยากเห็นโปรเจกต์ต่อๆ ไปของพวกเขาว่าจะออกมาในรูปแบบไหน
การแสดง GSB WOW Concert : ทาทา ยัง ครั้งนี้เป็นโชว์ที่พาแฟนๆ อย่างผมไปสัมผัสเพลงดังในวันวาน และ ชมความสามารถของศิลปินที่แจ้งเกิดในยุค 90s และกลายเป็นดาวค้างฟ้าอย่าง มอส และ ทาทา ยัง ในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน โดยหลังจากที่ชมโชว์ครั้งนี้เสร็จ เราก็ตั้งใจเเล้วว่าจะไม่พลาดคอนเสิร์ตของทั้งคู่ในอนาคตอีกแน่นอน
ขอบคุณภาพจาก Mono Group
Story : Sidhipong W.
>> "พีธ พีระ" ผุดโปรเจกต์ “GSB 2 Tone Concert" จากสองศิลปินที่แตกต่าง!
อัลบั้มภาพ 11 ภาพ