เหตุผล 5 ข้อ ทำไม “Jam Fest” ควรจัดขึ้นอีกครั้งในปีหน้า | Sanook Music

เหตุผล 5 ข้อ ทำไม “Jam Fest” ควรจัดขึ้นอีกครั้งในปีหน้า

เหตุผล 5 ข้อ ทำไม “Jam Fest” ควรจัดขึ้นอีกครั้งในปีหน้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เพิ่งจะผ่านพ้นไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมาสำหรับเทศกาลดนตรีน้องใหม่ของสยามประเทศอย่าง “Jam Fest (แจ่มเฟส)” ที่จัดขึ้น ณ Voice Space ที่ฮือฮาตั้งแต่ประกาศไลน์อัพศิลปินออกมา กับ 3 เวทีในแนวทางที่แตกต่าง ทว่าเต็มไปด้วยความน่าสนใจ จนก่อเกิด 5 เหตุผลที่ทำให้ปีหน้าเราควรจะได้ชม Jam Fest กันอีกครั้งอย่างไม่มีข้อสงสัย

 

1 การรวบรวมศิลปินหลากยุคหลายสมัยมาไว้บนเวทีเดียวกัน

เราขอมุ่งหน้าไปที่เวที Main Stage กันก่อน เพราะแต่ละศิลปินที่ตกปากรับคำมาแสดงสดในงาน Jam Fest นั้นบอกได้คำเดียวว่า “น่าดู” แถมเสน่ห์ยังอยู่ที่เป็นการรวมเอาศิลปินที่หายหน้าหายตาไปนาน และที่ยังคงมีผลงานออกมาอยู่เป็นระยะ มาสลับสับเปลี่ยนขึ้นเวทีกับหน้าใหม่ไฟแรงที่น่าจับตามองเหลือเกิน น่าเสียดายที่เราไม่ได้ชมการรียูเนียนของวงอินดี้ในตำนานอย่าง Monotone และ 2 Days Ago Kids, Whal & Dolph ดูโอ้นักดนตรีใต้น้ำที่กลายเป็นขวัญใจวัยรุ่นคู่ใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงอีกหนึ่งคู่ดูโอ้ที่อยู่เคียงคู่นักฟังเพลงมายาวนานอย่าง Scrubb

Scrubb

Scrubb

 

อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยเราก็ได้ชมความเดือดในช่วงท้ายโชว์ของ Flure ต่อเนื่องด้วย The TOYS กับโชว์ที่ Sanook! Music ยกให้เป็นความดีงามที่สุดของเทศกาลดนตรีครั้งนี้ แถมยังได้แร็ปเปอร์แห่งยุค Twopee Southside มาร่วมแจม รวมไปถึงเซ็ตลิสต์เกือบชั่วโมงที่ น้อย วงพรู (กฤษดา สุโกศล แคลปป์) นำมาเล่นให้ฟัง ทั้งเพลงเก่าที่ร้องตามได้ และเพลงใหม่ที่ไม่เคยฟังจากที่ไหนมาก่อน ปิดท้ายด้วย ฟักกลิ้ง ฮีโร่ (กอล์ฟ-ณัฐวุฒิ ศรีหมอก) ที่เปิดตัวบนเวทีด้วยการขึ้นมาแจมแร็ปกับ น้อย แถมยังให้ฝ่ายหลังขี่คออีกต่างหาก และมหกรรมความมันอีกระลอกใหญ่ที่ตอนนั้นไม่ว่าใครก็ขอแดนซ์กันสุดเหวี่ยง นับเป็นคอนเซ็ปต์ที่อยากจะให้ Jam Fest คงเอาไว้ในปีหน้าเสียเหลือเกิน

The TOYS

The TOYS 

 

2 อินดี้หน้าใหม่ (และหน้าเก่า) ก็ให้โอกาส

พุ่งตรงมาที่เวที Dood Stage กันต่อ อีกหนึ่งความปลาบปลื้มที่ Jam Fest มอบโอกาสให้วงอินดี้หน้าใหม่ที่อาจไม่มีพื้นที่ในการโชว์ของมากนักได้ออกมาปลดปล่อยศักยภาพทางดนตรี สองหนุ่มวง mints กับโชว์ที่น่าปรบมือให้ แม้จะออกอาการประหม่าเวทีอยู่บ้างก็ตาม ที่ทำเอาเราอึ้งและจดจ้องตลอดการแสดงสดขอยกให้ Old Fashioned Kid ซึ่งเป็นงานเพลงจากหนุ่มติณณ์ นภาลัย และวงดนตรีนามว่า Stoic ที่ทำให้พื้นที่ไซส์เล็กตรงนั้นถูกตรึงไว้ด้วยมนต์สะกด

mints

mints

 

Old Fashioned Kid

Old Fashioned Kid

 

นอกจากนั้นยังมีวงดีๆ ที่มากมายที่ขึ้นแสดงในขณะที่เราวนเวียนอยู่ที่เวทีอื่น ไม่ว่าจะเป็น Wednesday, De Flamingo, Yented (ที่ได้ข่าวว่าคนดูล้นจนมาถึงข้างนอก), Ewery รวมถึง hidden band ที่ผู้ที่รับผิดชอบเวทีอย่างทีมงาน Dood ซึ่งนำทีมมาโดย เมื่อย-ธวัชพนธ์ วงศ์บุญศิริ แห่งวง Scrubb นั้นคัดสรรมาแบบไม่ยอมบอกใคร เป็นเซอร์ไพรส์ที่เราก็มิอาจนำมาบอกต่อได้ เพราะไม่ได้ดูนั่นเอง

 

3 จิบ ดื่ม กิน ท่ามกลางดนตรีอะคูสติกชิลๆ

Hers

Hers

 

บรรยากาศสุดชิล ณ โซน Outdoor Stage

บรรยากาศสุดชิล ณ โซน Outdoor Stage

 

อีกหนึ่งเวทีที่เราแวะเวียนไปชั่วครู่ก็คือ Outdoor Stage หรือเวทีอะคูสติก ซึ่งตั้งอยู่บริเวณร้านรวงที่นำอาหารและเครื่องดื่มมาจำหน่าย ตกแต่งด้วยหลอดไฟสวยงาม โต๊ะเก้าอี้จำนวนพอสมควรคอยรองรับผู้ร่วมงาน อันที่จริงเป็นเวทีที่เราได้ยินเสียงเพลงตั้งแต่ช่วงกำลังจะเดินเข้างาน ไม่ว่าจะเป็นเพลงเพราะคุ้นหูอย่าง “ยังคงคอย” จาก 3 สาววง Hers รวมถึงสาวเสียงดีอย่าง Tape (เทป-ดวงพร กาญจสถิต) ที่นำเพลง “อาจจะดีแล้ว” มาโชว์แบบสดๆ เรียกได้ว่าถ้าอากาศหนาวกว่านี้สักหน่อยคงจะฟินกว่านี้อีกหลายเท่าตัว

 

4 อลังการงานสร้างแบบไม่น้อยหน้าใคร

ความอลังการของไลท์ติ้งและวิชวล

ความอลังการของไลท์ติ้งและวิชวล

 

ข้อนี้อาจเจาะจงไปที่ Main Stage มากกว่าใครเพื่อน เวทีใหญ่ยักษ์พร้อมวิชวลด้านหลังที่ดึงดูดสายตาเหลือเกิน อีกทั้งระบบแสงก็ตรึงตาตรึงใจไม่แพ้กัน อาจจะมีติติงเรื่องระบบเสียงเล็กน้อยที่หากไปดูบริเวณโซนด้านหลังแล้วฟังค่อนข้างอุดอู้ พลังส่งมาไม่ถึง ขนาดวง Flure ที่ว่าเดือดๆ ซาวด์ยังค่อนข้างนัวไม่พุ่งหาตัวคนดูสักเท่าไหร่ แต่พอเคลื่อนพลมาอยู่ตรงกลางในช่วง The TOYS ปุ๊บ ซาวด์มาเต็ม ซึ่งนั่นอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้ทั้งโชว์ของ ทอย-ธันวา บุญสูงเนิน สร้างความสุขและทำให้เราร้องอุทานโอ้โหออกมาแบบไม่เว้นวรรคพักหายใจกันเลยทีเดียว

 

5 เทศกาลดนตรี มันก็ต้องวิ่งไปมาแบบนี้แหละ!

คึกคักจนอยากให้จัดปีหน้าต่อ

คึกคักจนอยากให้จัดปีหน้าต่อ

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่า เทศกาลดนตรีส่วนใหญ่ในโลกนี้มักจะมีหลายเวที เพื่อสอดรับกับกองทัพศิลปินจำนวนมากที่จะสามารถดึงดูดนักฟังเพลงให้เข้ามาซึมซับบรรยากาศของ “มิวสิคเฟสติวัล” ได้ ซึ่งเสน่ห์มันก็อยู่ตรงที่ “การวางแผน” และ “วิ่งไปให้ทัน” นี่ล่ะ! เพราะแน่นอนว่าศิลปินที่คุณชื่นชอบคงไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว และเหล่าวงโปรดของคุณอาจเล่นเวทีเดียวกัน ใกล้เคียงกัน แต่คนละเวที! บอกเลยว่าสกิลการวิ่งและรองเท้าผ้าใบของคุณต้องพร้อม หากปี Jam Fest จะจัดที่ Voice Space อีกก็มีข้อดีตรงที่ไม่ต้องวิ่ง (หรือเดิน) ไกล แต่ถ้าขยายสเกลของเทศกาลให้ใหญ่ขึ้น ก็เตรียมฟิตร่างกายไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ได้เลย

 

Story by: Chanon B.
Photos by: Jam Fest

อัลบั้มภาพ 26 ภาพ

อัลบั้มภาพ 26 ภาพ ของ เหตุผล 5 ข้อ ทำไม “Jam Fest” ควรจัดขึ้นอีกครั้งในปีหน้า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook