"BNK48 Kimi wa Melody Handshake Event" งานจับมือสุดท้ายของปี ที่ดีต่อใจเกินคาด | Sanook Music

"BNK48 Kimi wa Melody Handshake Event" งานจับมือสุดท้ายของปี ที่ดีต่อใจเกินคาด

"BNK48 Kimi wa Melody Handshake Event" งานจับมือสุดท้ายของปี ที่ดีต่อใจเกินคาด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นอกจากงานแสดงในเธียเตอร์และคอนเสิร์ต กิจกรรม Handshake Event หรืองานจับมือ ก็เป็นอีกงานที่แฟนๆ วงไอดอล BNK48 ให้ความสนใจเสมอ ซึ่งงานนี้เป็นโอกาสที่แฟนๆ และไอดอลที่พวกเขาชอบจะได้มาพบปะกัน ซึ่งถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากสำหรับแฟนๆ รวมถึงตัวสมาชิกเอง

 

 

ซึ่งหลังจากงานจับมือซิงเกิลที่ 3 Shonichi ได้ผ่านไป เมื่อวันที่ 18-19 สิงหาคม งานจับมือของซิงเกิล Kimi wa Melody ก็ได้วนมาถึง ซึ่งครั้งนี้งานจับมือได้ถูกปรับให้มีถึง 6 วัน ได้แก่วันที่ 3-4 พฤศจิกายน 2018, 12-13 มกราคม 2019 และวันที่ 16-17 กุมภาพันธ์ 2019 โดยเราเองก็ได้พรีออเดอร์ซีดีชุด Kimi wa Melody ไป 6 ชุดด้วยตัวเอง ตั้งแต่วันแรกๆ ที่เปิดจำหน่าย และได้ซื้อซีดีต่อมาจากคนรู้จักอีก 1 แผ่น ก่อนวันงาน จนทำให้เรามีบัตรจับมือ 7 ใบในรอบนี้ เพิ่มขึ้นจากตอนงานจับมือ Shonichi ที่เรามีบัตรเพียงแค่ 3 ใบ >> BNK48 “Shonichi” Handshake Event ย้อนวินาทีความสุข ของการไปงานจับมือครั้งแรก!

 

 

จากงานจับมือ Shonichi เราเองได้มีประสบการณ์กับงานมาระดับหนึ่ง ทำให้ก่อนมาร่วมงานจับมือ BNK48 4th Single Kimi wa Melody Handshake Event เราก็ได้ทำการบ้านหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนเกี่ยวกับสมาชิกที่เราอยากไปพบในเลนจับมือ รวมถึงการแต่งกายที่เหมาะสม เนื่องจากงานครั้งก่อน เราเองต้องรออยู่ข้างนอกงานเป็นเวลานานกว่าที่จะได้เข้าบริเวณงาน รวมถึงการเปลี่ยนเข็มขัดโลหะซึ่งเป็นของต้องห้ามในงาน ไปเป็นเข็มขัดที่ใช้พลาสติก

 

กฎกติกางานจับมือ

 

กฎกติกางานจับมือ

กฎกติกางานจับมือ 

 

ในวันที่ 3 พฤศจิกายน เราได้เดินทางมาถึงศูนย์แสดงสินค้า Bitec บางนา ในเวลาบ่าย 3 โมงตรง และเดินไปที่ฮอลล์ 98-99 โดยทันที ก่อนจะพบความแปลกใจแรก ก็คือการที่งานจับมือครั้งนี้ เราสามารถเดินผ่านจุดตรวจสัมภาระและเข้างานได้เลย โดยไม่ต้องรอคิวนอกอาคารอีกต่อไป ซึ่งทำให้เราสามารถเดินเข้าไปในงานได้โดยทันที

 

ตารางรอบการจับมือ

 

ตารางรอบการจับมือ

 

ตารางรอบการจับมือ

 

ตารางรอบการจับมือ

ตารางรอบการจับมือ 

 

พอได้เดินดูบรรยากาศงานเสร็จ เราเองก็ได้เดินเข้าสู่เลนจับมือของ แนทเธอรีน-ดุสิตา กิติสาระกุลชัย สมาชิกรุ่น 2 ที่เราชื่นชอบ ในแง่ของทัศนคติการหาโอกาส รวมถึงการเป็นนักสู้ที่เธอเอาชนะโรคภูมิแพ้ตอนก่อนเข้ามาอยู่ในวง เพราะเราเองก็เคยป่วยด้วยอาการที่คล้ายกันมาก่อน จนเป็นอุปสรรคชีวิตตอนเด็ก โดยแถวของแนทค่อนข้างยาว จนทำให้เราต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการต่อแถวเพื่อได้พบกับแนทที่มาในลุคเทพ ไป๋เฉี่ยนแห่งชิงชิว นางเอกจากเรื่องภาพยนตร์จีนเรื่อง ป่าท้อสิบหลี่ ซึ่งสิ่งแรกที่ทำให้เราประทับใจก็คือ การที่แนทจำชื่อแฟนคลับหลายคนได้ เพราะช่วงที่ใกล้ถึงคิวเรา เราได้ยินเธอพูดชื่อเล่นแฟนๆ ที่มาจับมือ และยังชวนคุยเรื่องการเจอครั้งที่ผ่านมาด้วย 

 

เมื่อถึงคิวการจับมือ เราเองก็ได้ยื่นมือทั้งสองออกไปและบอกว่าเราดีใจที่ได้พบน้องสักที ก่อนที่น้องจะตอบว่างั้นคราวหน้าต้องมาบ่อยๆ นะ และพูดถึงสีผมเราและจับมือเราแน่นจนหมดเวลา ซึ่งการจับมือครั้งนี้ก็ทำเอาเราเสียอาการพอสมควร เพราะความตลกและกวนของแนท รวมถึงพลังความสดใสที่เธอส่งออกมา โดยตอนแรกเราไม่คิดเลยว่าน้องจะสามารถทำเราเขินได้แบบนี้ 

 

แนทเธอรีน BNK48

แนทเธอรีน BNK48 

 

เวลา 15.30 เราเองก็ได้เดินมาที่เลนของ เฌอปราง อารีย์กุล กัปตันของวงซึ่งเราตั้งใจจะมาแสดงความยินดีถึงความสำเร็จในการแสดง และ การเป็นกัปตันวง ซึ่งเราเองได้รอนานถึงชั่วโมงเศษๆ ในแถวกว่าจะได้ถึงคิวจับมือเพราะเเถวของเฌอปรางนั้นยาวมาก จนเวลารอบการจับมือนั้นล่วงเลยเข้าสู่รอบ 16.30 เลย ซึ่งตอนที่เราจับมือก็มีจังหวะที่ทำให้ผู้ที่อยู่ในฮอลล์ต้องกรี๊ดไปตามๆ กัน เมื่อ โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน, ป๊อบ-ปองกูล สืบซึ้ง และ อุล-ภาคภูมิ จงมั่นวัฒนา ศิลปินและพิธีกรชื่อดังได้เข้ามาในงานเพื่อทักทายสมาชิก ก่อนจะกลับออกไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางความฮือฮาของแฟนๆ 

 

ในช่วงการจับมือ เราเองก็ได้พบเฌอปรางที่มาในลุคสาวญี่ปุ่น ซึ่งเธอเองก็ทักทายเราอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่เราจะแสดงความยินดีเรื่องความสำเร็จของภาพยนตร์ Homestay โดยเฌอปรางได้สบตาเราพร้อมบอกขอบคุณด้วยเสียงที่สดใส ก่อนที่จะบอกว่า “สู้ไปด้วยกันนะคะ” ที่ทำให้เรารู้สึกฟินราวกับถูกชาร์จแบตความสุข ด้วยความสดใสและกำลังใจที่เฌอปรางส่งมา ซึ่งสิ่งนี้ก็ทำให้เราไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงเป็นไอดอลที่มีคนรักมากมาย

 

เฌอปราง อารีย์กุล

เฌอปราง BNK48 

 

ขณะที่เรากำลังรอรอบพิเศษ เราเองได้เดินลงไปหาของกินและกลับมาเดินที่เทรดโซนด้านข้าง ที่แฟนๆ นำของสะสมมาวางขายกันอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งต่างจากงานที่ผ่านๆ มาซึ่งแฟนๆ จะนำของไปขายตามจุดต่างๆ ของ Bitec อย่างไม่ค่อยเป็นระเบียบ และพอเราเดินเสร็จก็ได้พบกับกลุ่มเพื่อนที่ชอบ BNK48 เพื่อรอเข้าจับมือรอบพิเศษ

 

และเมื่อเวลา 18.00 น. มาถึงเราก็เข้าสู่เลนที่ 9 ซึ่งเป็นเลนจับมือของ คามิโอชิ (สมาชิกที่ชอบที่สุด) อย่าง เปี่ยม-รินรดา อินทร์ไธสง ทันที ซึ่งคราวนี้เราได้เตรียมบัตรจับมือมาถึง 5 ใบ เพื่อพูดคุยกับน้องในรอบพิเศษ โดยในเวลา 18.30 น. เปี่ยมก็ได้ปรากฏตัวพร้อมลุคสาวเท่และเเจ็คเก็ตแดงที่แตกต่างจากสมาชิกคนอื่นที่มาในลุคสาวหวาน 

 

หลังจากที่รอสักพัก เราก็ได้เข้าเลนจับมือของเปี่ยม ซึ่งเธอได้ยื่นมือมาทักทาย หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าเราจะใช้บัตร 5 ใบในรอบนี้ โดยการพูดคุยคราวนี้เปี่ยมได้ชวนคุยเรื่องสีผมของเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอทักเราตั้งแต่งานจับมือครั้งก่อน จนทำให้เราใช้เวลาเกือบ 1 นาทีพูดคุยเรื่องการทำผมของตัวเอง ก่อนเปี่ยมจะบอกว่า เธอเองก็ชอบสีเขียวมาก พร้อมบอกว่าในซิงเกิลต่อไปเธออยากทำผมสีสดใสบ้าง ก่อนที่จะหมดเวลาพูดคุยลง 

 

เปี่ยม-รินรดา

เปี่ยม BNK48

 

เหตุผลที่ทำให้เรายก เปี่ยม เป็น คามิโอชิ ก็คือการที่ไลฟ์สไตล์ของเธอกับเรามีความคล้ายกันพอสมควร ในแง่ความชอบดนตรีเคป็อปกับการเขียนเรื่องสั้นและการที่เป็นคนชอบแต่งตัว รวมถึงบุคลิกของเปี่ยมเองก็มาพร้อมความสดใสเสมอทั้งบนเวทีและงานจับมือ จนทำให้เราเองได้รับพลังความสุขกลับไปทุกครั้งเมื่อได้พบกับน้อง ซึ่งรอบนี้ความสุขที่เราได้รับ ก็ทำให้เราเดินเกือบสะดุดที่กั้นตอนเดินออกมาจากเลนจับมือเลยทีเดียว โดยเมื่อเราจับมือเสร็จ ก็ได้นั่งพูดคุยกับกลุ่ม ทุ่งกุหลาบไฟ บ้านแฟนคลับเปี่ยม เพื่อแชร์ความรู้สึกและทำความรู้จักกันมากขึ้น ก่อนที่เราจะตัดสินใจกลับบ้านในเวลาสองทุ่ม

 

การมางานครั้งนี้ทำให้เราได้ทึ่งกับความสดใสของสมาชิก เพราะถึงแม้จะยืนเป็นเวลานาน แต่พวกเธอก็ยังสดใสและพร้อมส่งความสุขให้กับทุกคน โดยเฉพาะเปี่ยมที่ถึงแม้จะป่วยจนต้องเดินทางกลับบ้านทันทีหลังงานเลิก แต่ก็ยังพูดคุยกับทุกคนจนเหมือนว่าอาการป่วยนั้นแทบไม่ส่งผลต่อเธอเลย

 

อีกสิ่งที่ทำให้เราประทับใจก็คือการจัดการของงานที่พัฒนาขึ้นมามาก จนแฟนๆ สามารถเข้างานได้ทันที และมีการจัดรอบที่เหมาะสมอย่างเช่นรอบพิเศษที่จำกัดจำนวนบัตรให้ไม่เกิน 50 ใบ และการที่ทางทีมงานค่อนข้างเตรียมพร้อมเรื่องความปลอดภัยของงาน แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ซีเรียสเกินจนบรรยากาศเสีย จนทำให้เราเชื่อว่าทางทีมงานน่าจะเก็บฟีดแบ็คแฟนๆ มาใช้ในงานนี้ แต่ในขณะเดียวกันเราก็มองว่าทางต้นสังกัดควรจะมีความรัดกุมเรื่องความปลอดภัยมากกว่านี้ เพราะในวันที่เราไปก็ตรงกับวันที่เกิดเหตุการณ์ดราม่า #โอตะVIP ที่มีผู้เข้าร่วมงานโดยละเมิดกฎความปลอดภัย ซึ่งล่าสุดทางผู้บริหารเองก็ได้ออกมาแถลงขอโทษเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวและสัญญาจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก โดยตัวเราเองก็มองว่าทางทีมงานควรจริงจังกับเรื่องนี้เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากคนร่วมงานมีจำนวนมากและอาจมีคนเจตนาไม่ดีปะปนเข้ามาได้  >> จ๊อบซัง ออกโรง! แถลงประเด็นดราม่า "โอตะ VIP" ในงานจับมือ

 

ภาพหลังงานจับมือ Shonichi

 

ใครที่ยังคงมีบัตรงาน BNK48 4th Single Kimi wa Melody Handshake Event สามารถเข้าร่วมงานได้อีกครั้งในวันที่ 12-13 มกราคม 2019 และวันที่ 16-17 กุมภาพันธ์ 2019 โดยแฟนๆ ที่ยังมีบัตรไม่พอก็สามารถหาเพิ่มได้ที่บริเวณ Trade Zone ของงาน ซึ่งใครที่ชื่นชอบสมาชิกแล้วยังไม่เคยมางานนี้ เราเองขอบอกเลยว่าต้องลองมาสักครั้งเพื่อเติมพลังให้กับตัวเอง ในขณะที่เราก็ได้มอบความปรารถนาดีกลับไปให้สมาชิกที่เราชอบด้วยเช่นกัน

ขอบคุณภาพจาก Facebook BNK48

Story : Sidhipong W.

>> รวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเพลง "Kimi wa Melody" เวอร์ชั่น BNK48

>> แนทเธอรีน BNK48 กับ 4 เหตุผลที่ทำให้แฟนๆ ควรลองติดตามเธอ

>> ส่องคอมเมนต์แฟนคลับ หลังเอ็มวี "Kimi wa Melody" ของ BNK48 ทะลุล้านวิว

>> ชาวเน็ตทึ่ง "เฌอปราง BNK48" ร่วมตีพิมพ์งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติ

>> จะต้องฝันสักเท่าไร... เปิดความฝันและตัวตนจริงๆ ของ เค้ก-มายยู-แนทเธอรีน-วี BNK48

>> BNK48 "RIVER" 2-Shot Event การรอคอยอันคุ้มค่า เพื่อรูปในความทรงจำกับไอดอลแห่งยุค

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook