บทบันทึก “Maho Rasop Festival” มหรสพทางเสียงดนตรีที่แสนประทับใจ ดีใจ และภูมิใจ | Sanook Music

บทบันทึก “Maho Rasop Festival” มหรสพทางเสียงดนตรีที่แสนประทับใจ ดีใจ และภูมิใจ

บทบันทึก “Maho Rasop Festival” มหรสพทางเสียงดนตรีที่แสนประทับใจ ดีใจ และภูมิใจ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“มหรสพ” เป็นคำนาม มีความหมายตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ว่า การเล่นรื่นเริง มีโขนละคร เป็นต้น.

แม้จะดูเป็นคำเก่าคำแก่ ไม่ร่วมสมัย ไม่ได้มีความโมเดิร์น แต่เมื่อใดที่ได้ยินคำว่า มหรสพ มันก็มักมาเคียงคู่กับความสุขเสมอมา และทันทีที่มีการประกาศจาก 3 โปรโมเตอร์อย่าง HAVE YOU HEARD?, Seen Scene Space และ ฟังใจ ว่า ประเทศไทยกำลังจะมีเทศกาลดนตรีนานาชาติในนาม “Maho Rasop Festival (มหรสพ เฟสติวัล)” เชื่อโดยฉับพลันว่า ความบันเทิงเริงรมย์กำลังจะเข้ามาทักทายคอดนตรีชาวไทยอย่างแน่นอน 

ยิ่งเมื่อแก๊งมหรสพค่อยๆ ประกาศไลน์อัพศิลปิน ความตื่นเต้นก็ทวีคูณยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ฟากฝั่งตะวันตกนำทีมมาโดย The Vaccines, Miami Horror, Sunflower Bean, PREP และวงดนตรีที่หลายคนรอคอยมากว่า 20 ปี Slowdive ทางด้านทวีปเอเชียก็ขนกันมาไม่น้อย ที่หลายคนร้องกรี๊ดหนักมากคงหนีไม่พ้น DEAN แร็ปเปอร์สัญชาติเกาหลีที่ดังไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ร่วมด้วย Wang Wen และ Lucie, Too ในขณะที่ตัวแทนประเทศไทย ก็มีทั้ง Gym and Swim, Solitude is Bliss, temp. และ S.O.L.E. เป็นแกนนำ กับ 3 เวที 3 ไซส์ เวทีมโหฬาร, เวทีข้าวหอม สุขเพียวๆ และ เวทีเซิ้งสวิง ที่ตั้งตระหง่านรอคอยผู้มาเยือนให้มาสัมผัสบรรยากาศมิวสิคเฟสติวัลในรูปแบบนี้ที่ในเมืองไทยแทบจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

โปสเตอร์ มหรสพ เฟสติวัล

โปสเตอร์ มหรสพ เฟสติวัล

 

ความพิเศษที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในบ่ายวันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา ณ Live Park พระราม 9 ก็มาพร้อมกับ “ฤดูพิเศษ” ที่ทำเอาหวั่นใจไม่น้อย ทั้งๆ ที่ปลายปีจะมีลมหนาว แต่ฝนกลับเทลงมาอย่างหนักในช่วงเที่ยง เท่านั้นยังไม่พอ แดดยังออกไปพร้อมกับสายฝนที่โปรยลงมา ถึงขนาดว่าทีมผู้จัดต้องประกาศผ่านเฟซบุ๊กเพจว่าให้ติดเสื้อกันฝนมาด้วย แต่ท้ายที่สุดก่อนวงแรกจะขึ้นประเดิมเวทีราวๆ เกือบชั่วโมง ฝนก็หยุดตก แดดอันร้อนระอุก็เข้ามาแทนที่

แน่นอนว่าเมื่อเป็นเทศกาลดนตรี มีถึง 3 เวที และเวลาแสดงที่เหลื่อมๆ กันอยู่ประปราย มหกรรมการจิ้มเลือกวงที่จะไปยืนรับชมก็เกิดขึ้น Solitude is Bliss อัลเทอร์เนทีฟร็อคจากจังหวัดเชียงใหม่ ณ เวทีมโหฬาร อาจจะเป็นวงดนตรีที่ทีมงาน Sanook! Music ตัดสินใจง่ายที่สุด ศิลปินเบอร์แรกของครั้งแรกแห่ง มหรสพ เฟสติวัล! เพอร์ฟอร์แมนซ์ของวงยังคงยอดเยี่ยมแม้ว่าจะเคยดูมาแล้วหลายครั้ง สามารถทดแทนซาวด์โดยรวมที่ยังออกมาไม่ดีนัก เสียงจี่จากแจ๊คเสียบที่คาดว่าน่าจะหลวม รวมไปถึงเสียงสแนร์ของกลองชุดที่รู้สึกว่าเบาไปสักหน่อย ทำให้ความหนักแน่นในเพลงของพวกเขาดูเบาบางไปถนัดตา ทว่าเพลงอย่าง “Vintage Pic”, “ระบายกับเสียงเพรียก” และ “Rich Man’s War Poor Man’s Blood” ยังคงพาผู้ชมโยกตามร้องตามได้สบาย

Miami Horror

Miami Horror

 

ชะแวบตัวเองมาดูอีกหนึ่งวงไทยอย่าง Gym and Swim ที่เวทีข้าวหอมได้ทันเพลงสุดท้ายพอดิบพอดีกับ “Bunny House” ที่ 4 หนุ่มกับ 1 สาวชวนแฟนๆ กระโดดไปพร้อมๆ กัน ก่อนที่จะโยกย้ายตัวเองกลับมาที่เวทีหลักเพื่อรอชมไฮไลต์แรกประจำเทศกาลอย่าง Miami Horror และพวกเขาก็ไม่ทำให้สาวกชาวไทยผิดหวัง แม้อุณหภูมิช่วงบ่ายสามโมงครึ่งจะดูไม่เป็นใจกับเหล่าสมาชิกวงสักเท่าไหร่ แต่ท่วงทำนองอิเล็กโทรป็อปที่ให้กลิ่นอายฟังกี้และดิสโก้ก็ทำให้ผู้ชมต้องขยับแข้งขยับขาตามตลอดเวลา และซาวด์ที่มาเต็มทุกโสตประสาท ไม่ว่าจะเป็นเพลงใหม่อย่าง “Dark Love” หรือเหล่าเพลงฮิตอย่าง “I Look To You”, “Real Slow”, “Leila” และที่ไม่เล่นไม่น่าจะได้อย่าง “Sometimes” แถมยังมีช็อตออฟเดอะเยียร์ เมื่อนักร้องนำของวงอย่าง Josh Moriaty เดินลงจากเวทีมุ่งหน้าไปยังแผงคอนโทรล ก่อนจะปีนนั่งร้านที่สูงเอาการขึ้นไปยืนและร้องเพลงบนนั้น! บอกได้คำเดียวว่าพีคสุดๆ ได้ใจแฟนเพลงชาวไทยไปแบบเต็มๆ

เมื่อ Josh Moriaty แห่ง Miami Horror ไปโผล่อยู่บนนั่งร้าน!

เมื่อ Josh Moriaty แห่ง Miami Horror ไปโผล่อยู่บนนั่งร้าน!

 

แวะไปที่เวทีเซิ้งสวิงกันสักแป๊บกับโชว์ของวง temp. วงทรอปิคอลป็อปฝีมือน่าจับตาของเมืองไทย และก็โชคดีที่ได้ฟังซิงเกิลล่าสุดของพวกเขาอย่าง “Ring Ring” ที่ยิ่งฟังก็ยิ่งมีเสน่ห์ ก่อนที่เราจะขอเดินทัวร์โซนอาหารกันสักหน่อย เรียกได้ว่าวาไรตี้ไม่แพ้แนวเพลงที่จะเกิดขึ้นในเฟสติวัลครั้งนี้ก็ว่าได้ มีตั้งแต่ หม่าล่า, เกี๊ยวซ่า, เครป ไปจนถึง ไอศกรีม (และอื่นๆ อีกมากมายหลายเมนู) ส่วนราคาก็ไม่ถูกไม่แพง พอรับได้ สะดวกสบายด้วยการเติมเงินใส่ริสต์แบนด์ที่ข้อมือ แม้จะสแกนติดบ้างไม่ติดบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใด

Sunflower Bean

Sunflower Bean

 

กว่าจะได้ตัวช่วยที่ทำให้กระเพาะอาหารพร้อมรบในค่ำคืนอีกยาวไกล Sunflower Bean ก็เล่นไปแล้วราวๆ 3-4 เพลง ได้แต่ยืนโยกอยู่ตัวคนเดียวที่บริเวณซุ้มอาหาร ก่อนจะรีบปรี่เข้าไปฟังความดิบ สาก จากดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อคของพวกเขาแบบชัดๆ ซาวด์อาจมีลั่นมีดังไปบ้าง แต่นักร้องนำสาวพราวเสน่ห์ Julia Cumming ก็สาดใส่ความมันสู่คนดูเสียจนอยู่หมัด ยังไม่จบโชว์ดีก็ลัดเลาะกับไปที่เวทีมโหฬารอีกครั้ง เพื่อรอต้อนรับ DEAN ที่อยากดูเพอร์ฟอร์แมนซ์ของหนุ่มคนนี้มาตั้งแต่คราวที่แล้วที่เขามาเยือนเมืองไทย ทว่าโดยรวมรู้สึกไม่ค่อยประทับใจนัก อาจจะเนื่องด้วยปัญหาทางเทคนิคในช่วงแรกที่ทำให้เวทีเกิดเดดแอร์ และเมื่อถึงเวลา พลังของ DEAN ซึ่งมาพร้อมกับดีเจคู่ใจกลับไม่เทียบเท่ายามที่เราดูผ่านยูทูป ก็เลยถือเป็นโอกาสดีที่ได้พักแข้งพักขา นั่งดูและโยกตัวตามไปเบาๆ

DEAN

DEAN

 

คิวต่อไปที่เราเล็งไว้คือ Washed Out ที่บรรดาเสียงข้างกายต่างเร่งเร้าว่าห้ามพลาด แต่ยังพอมีเวลาเหลือ เราจึงย้อนกลับไปที่เวทีข้าวหอมอีกครั้ง ซึ่งถือว่าโชคดีสุดๆ เพราะผู้คนต่างกำลังดื่มด่ำไปกับดนตรีสดที่ส่งต่อพลังแห่งดนตรีฮิปฮอปอาร์แอนด์บีจาก Oddisee ที่ขอยกให้เป็นเซอร์ไพรส์ประจำเทศกาล บอกเลยว่าแร็ปเปอร์จากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ผู้นี้คืออีกหนึ่งอัจฉริยะที่ไม่ควรมองข้าม ยิ่งเมื่อขนาบข้างมาด้วยวงดนตรีฝีมือระดับเทพอย่าง Good Company เอเนอร์จี้ล้นออกมาสู่ด้านนอกอย่างง่ายดาย แต่ละไลน์ของทุกเครื่องดนตรีเรียกเสียงฮือฮาได้ตลอดเวลา จนถึงขั้นที่ทุกวันนี้เราต้องตามหาฟังกันต่อ เสียดายที่เราอยู่ดูไม่จบ เพราะเข็มนาฬิกาบอกเราว่า ควรวิ่งไปดู Washed Out ได้แล้ว

Oddisee ที่มาพร้อมวง Good Company

Oddisee ที่มาพร้อมวง Good Company

 

อ้าวเฮ้ย! ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา … Washed Out ยังไม่ขึ้นสู่เวที ก็เลยถือโอกาสนั่งพักเอาแรงอีกครั้ง พร้อมโยกไปตามบีตเร่งๆ เร้าๆ จาก Oddisee ที่ยังคงส่งมาถึง ในที่สุด Ernest Weatherly Greene Jr. ในนาม Washed Out ก็มาปลดปล่อยบรรยากาศแห่งดนตรีชิลเวฟให้ได้เสพกัน แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดเราจึงไม่ค่อยอินนัก แม้ว่าเขาจะเล่นดีมากๆ ก็ตาม ตัดสินใจเดินชมบรรยากาศโดยรอบมหรสพอีกครั้ง ก่อนจะกลับมาประจำการที่เวทีน้องเล็กสุด เพราะ S.O.L.E. ที่โชว์เดือดมากทุกครั้งกำลังจะสำแดงฤทธิ์เดช คราวนี้ขอโยกหัวด้านหน้าเวทีสักครั้งสิน่า และนอกจากสมาชิกที่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่แล้ว 4-5 ราย คราวนี้ S.O.L.E. จัดหนักเพิ่มสมาชิกบนเวทีเป็น 11 คน! (อู๋ The Yers ก็มา!) เพลงจากอัลบั้มที่แล้วอย่าง “Call Me”, “Like A Magic” รวมถึงเพลงใหม่ “FCKUGVRNMNT” และ “My Majesty the King” ได้อัดความระอุใส่เหล่าสาวกอย่างไม่รีรอ เราขอย้ำอีกครั้งว่า S.O.L.E. คือวงดนตรีไทยที่มีศักยภาพดีพอที่จะไปปลดปล่อยความมัน ณ เมืองนอกเมืองนา … เราอยากเห็นภาพนั้น

Washed Out

Washed Out

 

เราเลือกที่จะปักหลักอยู่เวทีมโหฬารแบบยาวๆ เพราะหลังจากนี้คือคิวของ Slowdive วงชูเกซ/แอมเบียนต์ จากประเทศอังกฤษ ปลดล็อคการรอคอยยาวนานกว่า 20 ปีสำหรับการมาเยือนเมืองไทยของพวกเขา ยอมรับว่าช่วงแรกต้องปรับหูพอสมควร เนื่องจากร้อนเร่าสุดๆ มาจาก S.O.L.E. เมื่อสักครู่ พอต้องสวิตช์โหมดตัวเองจึงแอบเก้ๆ กังๆ อยู่พอสมควรกับ 1-2 ในช่วงต้นโชว์ แต่พอปรับสภาพหูได้เท่านั้นแหละ “Crazy for You” แทร็คจากอัลบั้ม Pygmalion เมื่อ 23 ปีที่แล้วก็พาเราค่อยๆ จมดิ่งลงไปในความรู้สึกทีละน้อยๆ เสียงกีตาร์กรีดกรายค่อยๆ บาดขั้วหัวใจของเราไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะ 4 เพลงท้ายอย่าง “Alison”, Sugar for the Pill”, “When the Sun Hits” มาจนถึง “Golden Hair” ที่ทำเอาเราดิ่งขั้นสุด หลับตาโยกตามท่วงทำนองที่ค่อยๆ บีบให้เราตัวเล็กลง กดโสตประสาทจนเราอยากจะล้มลงไปเสียตรงนั้น เสมือนว่าโลกภายนอกได้อันตรธานหายไปชั่วครู่ นี่หรือเสียงร่ำลือที่ว่ากันว่า คุณอาจจะเสียน้ำตาเมื่อได้ชมโชว์ของ Slowdive และเมื่อ Neil Halstead และผองเพื่อนสมาชิกมายืนอยู่ตรงหน้า มันก็เกิดขึ้นจริงอย่างปฏิเสธไม่ได้

Slowdive

Slowdive

 

ได้เวลาปรับหูกันอีกครั้ง เพราะการที่จะดึงตัวเองขึ้นมาจากหลุมแห่งความร้าวรานทางดนตรีของ Slowdive สู่ความคึกคักเฟี้ยวฟ้าวของอินดี้ร็อคนามว่า The Vaccines ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พอริฟฟ์กีตาร์แรกสุดของเพลง “Nightclub” ดังขึ้น โอ้โห โดดกันยับ แถมซาวด์เลิศหรูแทบจะพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเพอร์เฟกต์ ต่อด้วย “Wreckin’ Bar (Ra Ra Ra)” และ “Teenage Icon” ที่แฟนเพลงชาวไทยร้องตามกันกระหึ่ม แม้จะเกิดเหตุขัดข้องบางประการที่ทำให้ต้องพัก(ทุก)เวทีไปร่วม 30 นาที แต่ The Vaccines ก็กลับขึ้นสู่เวทีพร้อมพลังงานเต็มเปี่ยมไม่ลดน้อยถอยลงแม้แต่น้อย เพลงใหม่ เพลงเก่า สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนอยู่ในเซตลิสต์ แต่ 3 เพลงสุดท้ายอย่าง “I Always Knew”, “If You Wanna” และ “I Can’t Quit” นี่เดือดยิ่งกว่าเดือด นึกย้อนกลับไปคราวที่พวกเขามาเยือนเมืองไทยครั้งแรก มันคือความสดใหม่ ซาวด์ดิบๆ มันได้ใจ แต่การคัมแบ็กคราวนี้ The Vaccines กลายเป็นวงร็อคสุดเก๋าที่มาพร้อมความเป๊ะทุกประการไปเรียบร้อยแล้ว

The Vaccines

The Vaccines

 

และ มหรสพ เฟสติวัล ก็จบลงอย่างประทับใจ ดีใจ และภาคภูมิใจ…

ประทับใจ … ในบรรยากาศโดยรวมของเทศกาลดนตรีสัญชาติไทยงานนี้ มันเป็นความรู้สึกดีๆ ที่นักฟังเพลงจากทั่วสารทิศทั้งไทยและเทศ ทุกเพศทุกวัยต่างมารวมตัวกัน มาร้องรำทำเพลง โบกไม้โบกมือ ออกสเต็ปโยกย้ายร่างกาย ภายใต้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริงกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า หากจะว่ากันตามตรง คอนเสิร์ต และ เทศกาลดนตรี นั้นมีรายละเอียดยิบย่อยที่แตกต่างกัน และเมื่อ มหรสพ เฟสติวัล ได้ยกระดับไปสู่การเป็นเทศกาลดนตรีนานาชาติ ก็ยิ่งมอบประสบการณ์ที่ไม่เคยประสบพบเจอมาก่อนในเมืองไทยให้แก่ผู้มาเยือนทุกคน มากไปกว่านั้น การบริหารจัดการภายในงานและโลกออนไลน์ก็ถือว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยม ห้องน้ำห้องท่าที่เพียงพอ โซนอาหารที่มีให้เลือกสรรมากมาย จุดเติมเงินที่มีอยู่เต็มอัตราของพื้นที่จัดงาน การประดับประดาทั้งด้านนอกที่โดดเด่นด้วย “ถุงปุ๋ย” รวมถึงด้านในที่มีจุดแลนด์มาร์กสำคัญในการขึ้นไปถ่ายรูปมุมสูงเก็บภาพสวยๆ ได้ ในขณะที่โซเชียลมีเดียก็มีการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจให้ผู้ร่วมงานอย่างชัดเจนและต่อเนื่อง ซาวด์โดยรวมก็ถือว่าดีงาม แม้จะมีเสียงตีกันระหว่างเวทีที่อาจจะอยู่ใกล้กันเกินไปบ้าง แต่แน่นอนว่าไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เหลือเพียงการแก้ไขที่จะต้องรอดูรอชมในครั้งถัดๆ ไปว่าจะออกมาในรูปแบบไหน

PREP

PREP

 

ดีใจ … ที่ประเทศไทยมีเทศกาลดนตรีในลักษณะนี้เสียที ยามที่เรามองมิวสิคเฟสติวัลที่จัดในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สิงคโปร์, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย หรืออาจขยับขยายไปสู่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้แบบตาปริบๆ ฝันของคอดนตรีชาวไทยก็กลายเป็นจริงเสียที จะว่าไป นี่คือหลักไมค์สำคัญของวงการดนตรีเมืองไทยก็คงไม่ผิดนัก มากไปกว่านั้น ทัศนคติของ “คนดู” ที่เดินทางมางานมหรสพแห่งความสุขในครั้งนี้ ก็น่าดีใจแทนผู้จัดอยู่ไม่น้อยทีเดียว คุณไม่มีทางที่จะได้ชมทุกวงที่มาเล่นในเทศกาลดนตรีที่มีมากกว่า 1 เวทีอยู่แล้ว การวางแผนล่วงหน้าและการวิ่งไปให้ทัน คือเสน่ห์ของมิวสิคเฟสติวัลทั่วทุกมุมโลก และเสน่ห์เหล่านั้นก็เกิดขึ้นแล้วในบ้านเรา แน่นอนว่าเราไม่ได้ดูวงเจ๋งๆ อย่าง Elephant Gym, Vacations, Yanin, Hariguem Zaboy, Lucie, Too หรือแม้แต่ PREP เพราะเวลาชนกับอีกวงที่เราอยากดูมากกว่า จดจำได้ว่าระหว่างยืนชม Slowdive อยู่นั้น มันรู้สึกตื้นตัน ปลาบปลื้ม และดีใจเหลือเกินที่เราได้มายืนอยู่ตรงนั้น ดีใจที่เราเกิดมารักในเสียงดนตรี และดีใจที่เราได้ใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งๆ นี้มาโดยตลอด

Lucie, Too

Lucie, Too

 

ภาคภูมิใจ … เพราะนี่คือฝีมือของผู้จัดชาวไทยล้วนๆ ประโยคที่ว่า คนไทยไม่แพ้ชาติในโลก นั้นมีอยู่จริง 3 กำลังหลักอย่าง HAVE YOU HEARD?, Seen Scene Space และ ฟังใจ ต่างสั่งสมประสบการณ์ในการจัดคอนเสิร์ตมายาวนานหลายปี แต่กับ มหรสพ เฟสติวัล นี่คือแพลตฟอร์มเทศกาลดนตรีที่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด แถมยังเต็มไปด้วยองค์ประกอบแห่งความเสี่ยงที่อยู่รายล้อมรอบตัว ความกล้าและใจรักเท่านั้นที่จะทำให้งานๆ นี้เกิดขึ้นจริงได้ ฉะนั้น จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ภาคภูมิใจร่วมไปกับพวกเขา และอยากจะฝากคำว่า “ขอบคุณจากใจ” ไปสู่ทีมงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกๆ คนอีกด้วย

และเมื่องานจบ หลายคนร่ำร้องให้ มหรสพ เฟสติวัล เกิดขึ้นอีกครั้งในปีหน้า ซึ่งก็ไม่ต้องรอคอยหรือลุ้นอะไรอีกต่อไปแล้ว มหรสพทางเสียงดนตรีจะกลับมาอีกครั้งในปีหน้าถึง 2 วัน นั่นก็คือ 16-17 พฤศจิกายน 2562 นั่นเอง

เจอกันปีหน้า!

เจอกันปีหน้า!

 

ส่วนเราน่ะเหรอ … หยิบปฏิทินปีหน้ามากาล็อคคิวเรียบร้อยแล้วล่ะ!

 

Story by: Chanon B.
Photos by: Maho Rasop Festival

อัลบั้มภาพ 29 ภาพ

อัลบั้มภาพ 29 ภาพ ของ บทบันทึก “Maho Rasop Festival” มหรสพทางเสียงดนตรีที่แสนประทับใจ ดีใจ และภูมิใจ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook