10 อัลบัมซาวด์แทร็กยอดนิยมและขายดีตลอดกาล โดย อนุสรณ์ สถิรรัตน์
คงต้องจั่วหัวแบบนี้ทั้งที่เมื่อลงรายละเอียดมันได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในบ้านเราทั้งคอหนังคอเพลงด้วย เหตุที่ต้องอิงบ้านเราด้วยก็เพราะบางอัลบัมจากภาพยนตร์บางเรื่องประสบความสำเร็จในบ้านเรามากจนน่าทึ่ง แต่อาจแป้กในเมืองนอก อาจจะด้วยดารานำแสดงหรือเพลงประกอบก็แล้วแต่ มันกลายเป็นเรื่องที่เล่าขานและมีผู้คนยังรำลึกถึงอยู่เสมอ
ทุกเรื่องกล่าวถึงเคยฉายในบ้านเรามาแล้วทั้งสิ้น ครั้งนี้เน้นไปที่ผลงานแบบหลายศิลปินในอัลบัมเดียว ไม่ใช่สกอร์เพลงอย่างสมัย 30-40 ปีก่อน ซึ่งงานประเภทนี้เป็นเรื่องของธุรกิจเต็มตัว ทุกเรื่องต้องมีเพลงขาย มีซิงเกิลฮิตคอยผลักดันให้หนังประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น พูดง่ายๆก็คือ เพลงช่วยให้หนังขายได้ คนที่ไม่ชอบดูหนัง เมื่อรู้ว่าศิลปินคนโปรดมาร้องเพลงประกอบก็ทำให้อยากดูหนังด้วย ที่เห็นตัวอย่างได้ชัดเจนก็คือ Titanic ที่ซาวด์แทร็กมีเพลงบรรเลงเป็นหลัก แต่ที่โดดเด่นที่สุดจนไม่ต้องพึ่งเพลงอื่นๆเลยคือ "My Heart Will Go On" ที่ขับร้องโดยซีลีน ดิออน เพลงนี้ช่วยส่งเสริมหนังให้น่าสนใจและมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น แม้ตัวหนังเองจะยอดเยี่ยมและสมบูรณ์ในตัวอยู่แล้ว เลยประสบความสำเร็จทั้งหนังและอัลบัมซาวด์แทร็กไปพร้อมๆกัน
01 Various Artists – Saturday Night Fever
1977
ยอดขาย 16 ล้าน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความสำเร็จจุดสูงสุดในอาชีพของสามพี่น้องตระกูลกิบบ์กับกระแสดนตรีดิสโกที่กำลังถล่มวงการเพลงป๊อปในขณะนั้นทำให้อัลบัมและหนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น เกิดสถิติขึ้นหลายอย่าง อาทิ ซิงเกิลฝีมือของ Bee Gees ติดอันดับ 1 ถึง 3 เพลงติด ได้แก่ "How Deep is Your Love", "Stayin’ Alive", "Night Fever" รวมทั้งเพลงที่พวกเขาแต่งให้คนอื่นร้องด้วย คือ "More Than a Woman" และ "If I Can’t Have You" จอห์น ทราโวลตากลายเป็นดาราดังดุจพลุแตกในช่วงไม่กี่เดือน ทั้งที่ก่อนหน้านั้นยังเป็นนักร้องโนเนมอยู่เลย ยังผลให้เกิดหนังที่อาศัยความสำเร็จจากเรื่องนี้ตามออกมาอีกคือ Grease (1978) และ Sgt. Pepper’s Lonely Hearts Club Band (1978) ที่ Bee Gees มีส่วนเอี่ยวในการทำดนตรีในเรื่องแรก และร่วมแสดงในเรื่องที่สอง
02 Various Artists – Grease
1978
ยอดขาย 8 ล้าน
เพราะความสำเร็จของ Saturday Night Fever ทำให้ทราโวลตาได้เล่นหนังเรื่องที่ 2 ในเครือของรอเบิร์ต สติกวูด เจ้าของค่ายเพลง RSO ที่มี Bee Gees เป็นตัวทำเงิน เมื่อจับคู่กับโอลิเวีย นิวตัน จอห์น สาวเสียงสวยที่กำลังดังติดลมบนกับปรากฏการณ์ Rock n’ Roll Revival ของช่วงนั้น หนังก็เลยได้ทั้งเกี๊ยะและกล่อง เป็นหนังเพลงวัยรุ่นย้อนยุคไปสู่ช่วงยุค '50s เพลง Grease ที่แบร์รี กิบบ์ พี่ใหญ่วง Bee Gees แต่งให้แฟรงกี แวลลี นักร้องนำวง Four Seasons ร้อง ขึ้นอันดับ 1 แบบไร้ข้อกังขา นอกจากนี้ "You the One That I Want" และ "Summer Nights" ที่ทราโวลตาร้องคู่กับโอลิเวียก็เป็นเพลงฮิต รวมทั้ง "Hopelessly Devoted to You" เพลงเหงาที่โอลิเวียร้องเดี่ยว ที่เหลือเป็นเพลงร็อคแอนด์โรลยุค50s จากหลายศิลปินที่มีวง Sha Na Na ได้โควตาเล่นไปถึง 6 เพลง
03 Various Artists – Forrest Gump
1994
ยอดขาย 12 ล้าน
หนังดีเยี่ยม ซาวด์แทร็กยอด ทอม แฮงก์ส รับบทกัมป์กับเรื่องราวที่สร้างความประทับใจและอารมณ์ร่วมให้กับคนที่เกิดและเติบโตมาในยุคเดียวกับเขาได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้แฮงก์สได้รางวัลออสการ์ สาขาดารานำแสดงยอดเยี่ยม หนังได้รางวัลออสการ์หลายสาขา ส่วนซาวด์แทร็กที่เป็นอัลบัมคู่บรรจุ 32 เพลงจากศิลปินในยุคนั้นตามไทม์ไลน์ชีวิตของกัมป์ อาทิ Elvis Presley, Wilson Pickett, Joan Baez, Bob Dylan, The Beach Boys, The Doors, The Mamas & the Papas, Simon & Garfunkel, The Youngbloods ติดอันดับ 2 ในชาร์ตอัลบัมของ Billboard ยอดขาย 12 ล้านก๊อปปี หากไม่นับเป็นอัลบัมซาวด์แทร็ก ก็ถือเป็นอัลบัมรวมเพลงดังในอดีตจากยุค '60s ที่ดีมากชุดหนึ่ง มีไม่กี่เรื่องที่หนังและอัลบัมซาวด์แทร็กทำให้คุณต้องหลั่งน้ำตาด้วยความปีติ
04 Various Artists – Flashdance 1983
ยอดขาย 6 ล้าน
ประสบความสำเร็จไปทั่วโลกและบ้านเราด้วย เป็นยุคที่งานซาวด์แทร็กพลิกผันจากงานสกอร์ล้วนๆ เป็นงานที่นำเพลงของหลายศิลปินมาใส่ไว้รายละเพลงสองเพลง และแน่นอน มันต้องมีสักเพลงหรือมากกว่านั้นที่ “ปัง” ซึ่งได้ผล อัลบัมนี้ได้เข้าชิงรางวัลแกรมมีสาขาอัลบัมแห่งปี ซิงเกิลเพลง "What a Feeling" ร้องโดย Irene Cara เป็นเพลงประจำชาติอยู่ช่วงหนึ่ง รวมทั้งเพลง "Maniac" ร็อคเร้าใจที่มีโซโลกีตาร์มันๆโดย Michael Sembello ที่อยู่ในฉากนางเอกซ้อมเต้นอย่างเร่าร้อน ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกาทั้งคู่ นอกจากนี้ยังมี "Lady, Lady, Lady" เพลงบัลลาดโดย Joe Esposito ที่คนฟังเพลงบ้านเราชื่นชอบกันมาก ในหนังยังมีเพลง "Gloria" ของ Laura Branigan และ "I Love Rock and Roll" ของ Joan Jett and the Blackhearts ที่โด่งดังในปีก่อนหน้านั้น แต่ไม่ได้บันทึกในอัลบัม โปรดิวซ์โดย Giorgio Moroder, Phil Ramone เป็นหลัก
05 Various Artists – The Bodyguard
1992
ยอดขาย 18 ล้าน
เป็นอัลบัมขายดีติดท็อป 20 ตลอดกาล ได้รางวัลแกรมมี สาขาอัลบัมแห่งปี แม้จะไม่ใช่ผลงานฉายเดี่ยวของวิตนีย์ ฮุสตันทั้งอัลบัม แต่เพลงที่เธอร้องเป็นซิงเกิลฮิตทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น "I Will Always Love You", "I’m Every Woman", "I Have Nothing", "Run to You" และ "Queen of the Night" นอกจากทีมแต่งเพลงอย่างแอชฟอร์ด & ซิมป์สัน, เดวิด ฟอสเตอร์แล้ว วิตนีย์ยังร่วมโปรดิวซ์กับฮัล เดวิส เจ้าของค่าย Arista ยังไม่นับตัวหนังที่เธอแสดงร่วมกับเควิน คอสเนอร์ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม จุดเด่นของอัลบัมก็คือ นางเอกร้องเพลงในอัลบัมเอง วิตนีย์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่านอกจากร้องเพลงได้ดีแล้ว การแสดงเธอก็ไม่ด้อยไปกว่าการร้องเพลงเลย ทั้งหนังและซาวด์แทร็กคืองานยอดเยี่ยมที่สุดของปี 1992
06 Various Artists – Dirty Dancing
1987
ยอดขาย 11 ล้าน
หนังที่ทำให้แพทริก สเวย์ซ กับเจนนิเฟอร์ เกรย์ เป็นคู่พระนางที่ร้อนแรงแห่งปี เช่นเดียวกับซาวด์แทร็กที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจากเพลง "(I’ve Had) The Time of My Life" ที่ร้องโดยบิล เมดลีย์คู่กับเจนนิเฟอร์ วอร์นส์ นอกจากนี้ เอริก คาร์เมน ศิลปินเดี่ยวเจ้าของเพลงดัง "All By Myself" ก็มีส่วนช่วยทำให้อัลบัมขายดีไปด้วย เพลง "Hungry Eyes" ของเขาขึ้นถึงอันดับ 4 ในชาร์ตซิงเกิล ขายได้ทั่วโลกกว่า 32 ล้านแผ่น ติดอันดับ 1 ในชาร์ตอัลบัมของ Billboard นานติดต่อกันถึง 18 สัปดาห์ ความสำเร็จของหนัง ทำให้ต้องทำภาคต่อชื่อ More Dirty Dancing ตามมาในปี 1988 ที่หันมาใช้เพลงเก่ายุคโมทาวน์มากเป็นพิเศษ แต่กลับล้มเหลว ยอดขายและความสำเร็จเทียบไมได้กับภาคแรกเลย
07 Various Artists – Titanic
1997
ยอดขาย 11 ล้าน
ประสบความสำเร็จทั่วโลก เป็นที่กล่าวขานทุกหัวระแหง ทั้งหนังและอัลบัมซาวด์แทร็กขายดีจนเป็นสถิติ ซิงเกิลเพลง "My Heart Will Go On" ที่ขับร้องโดยซีลีน ดิออน กลายเป็นเพลงที่คนทั่วโลกชื่นชอบ ลำพังหนังเกี่ยวกับภัยพิบัติหรืออุบัติเหตุระดับประวัตืศาสตร์ของโลกทั่วไปมักถูกให้เกรดเป็นสารคดีหรือผจญภัยเป็นหลัก ทีนี้พอเพิ่มความดรามาเข้าไป พร้อมกับบทบาทของลีโอนาร์โด ดีคาปริโอ และเคต วินสเลต บวกฝีมือกำกับของเจมส์ คาเมรอน ทำให้เป็นหนังที่สร้างสถิติทำรายได้สูงสุดตลอดกาลเป็นอันดับ 2 (อันดับ 1 คือ Gone With the Wind หรือวิมานลอย) Titanic ได้รางวัลออสการ์รวม 11 รางวัล ส่วน "My Heart Will Go On" (ทำนองแต่งโดยเจมส์ ฮอร์เนอร์ เนื้อร้องโดยวิลล์ เจนนิงส์) อันเป็นเพลงร้องท่ามกลางเพลงบรรเลงและสกอร์ สามารถคว้า 4 รางวัลแกรมมี ขายได้ทั่วโลกกว่า 30 ล้านแผ่น
08 Various Artists – The Lion King
1994
ยอดขาย 10 ล้าน
เอ่ยถึงหนังแอนิเมชัน ไม่ว่าจะแนวใด ชื่อของดิสนีย์ ฟิล์ม คืออันดับแรกที่ผู้คนนึกถึง เพราะผูกขาดแนวนี้มาตลอด โดยเฉพาะหนังเด็ก แกนหลักของอัลบัมคือ เอลตัน จอห์น และฮันส์ ซิมเมอร์ โดยเอลตันแต่งเพลง "Can You Feel the Love Tonight" อันเป็นเพลงจบ เนื้อร้องโดยทิม ไรซ์ ขึ้นอันดับ 4 ในอเมริกา และอันดับ 1 ในหลายประเทศ จุดนี้เอง ทำให้ดิสนีย์ ฟิล์ม สร้างแอนิเมชันเรื่องใดก็ตาม มักจะพยายามให้มีซิงเกิลฮิตแทรกอยู่ด้วยเสมอ อาทิ Pocahontas เพลง "Colors of the Wind" หรือ The Prince of Egypt เพลง "When You Believe" กลายเป็นสูตรสำเร็จไปโดยปริยาย นอกจากความน่ารัก สนุก ตื่นเต้นของหนังแล้ว เพลงบัลลาดไพเราะด้วยเสียงร้องของเอลตัน จอห์น ก็ช่วยส่งให้หนังประสบความสำเร็จไปด้วย อุตสาหกรรมเพลงและหนังจึงเป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ในที่สุด
09 Various Artists – Footloose
1984
ยอดขาย 9 ล้าน
ต้นยุค '80s หนังเพลงเกี่ยวกับวัยรุ่นและการใช้ชีวิตด้วยตัวเองของคนอเมริกันเป็นกระแสหลักของอุตสาหกรรมหนังอยู่ระยะหนึ่ง นักร้องนักดนตรีดังในยุคนั้นหลายรายจึงมีส่วนช่วยสร้างสรรค์ความสำเร็จให้หนังและยกเครดิตให้ตัวเองด้วย รายของเคนนี ลอกกินส์ กับเพลงชื่อเดียวกับหนังคือปรากฏการณ์ มันฮิตไปทั่วโลก ภาพเควิน บีคอนฟังซาวด์อะเบาต์พร้อมหูฟังในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนกับเท้าที่ซอยให้เข้ากับจังหวะเพลงคือสัญลักษณ์ของหนังไปแล้ว นอกจากนี้เพลง "Almost Paradise – Love Theme to Footloose" ที่แอนน์ วิลสัน วง Heart ร้องคู่กับไมค์ รีโน วง Loveboy อัลบัมนี้ขึ้นอันดับ 1 ของชาร์ต Billboard เพลง "Let’s Hear It for the Boy" ของเดนีซ วิลเลียมส์ และ "Holding Out for a Hero" ของบอนนี ไทเลอร์ เป็นเพลงฮิตของแต่ละคนก่อนหน้านี้ที่ถูกนำมารวมไว้เพราะเพิ่มความโดดเด่นให้ซาวด์แทร็กชุดนี้
10 Various Artists – Top Gun
1986
ยอดขาย 9 ล้าน
ชื่อเสียงในฐานะคนทำเพลงหลักของหนัง Footloose ทำให้เคนนี ลอกกินส์ได้ทำเพลงของหนังเรื่องนี้ด้วย และก็ไม่ผิดหวัง เพลง "Danger Zone" ที่ Giorgio Moroder เรียบเรียงดนตรีเป็นไฮไลต์ไปโดยปริยาย ส่วน "Take My Breath Away" ของ Berlin ได้รางวัลออสการ์ สาขาเพลงยอดเยี่ยม อัลบัมนี้ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกานาน 5 สัปดาห์ และทำยอดอัลบัมซาวด์แทร็กที่ยอดขายสูงสุดของปี 1986 ทุกเพลงในอัลบัมเป็นเพลงที่ศิลปินทุกรายแต่งขึ้นเพื่อบันทึกลงในอัลบัมนี้โดยเฉพาะ ไม่ได้นำเพลงดังในอดีตของบางศิลปินมาใช้เหมือนที่ผ่านมา อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังประสบความสำเร็จก็คือ ทอม ครูซ ในบทมาเวอริก พระเอกที่ขับเครื่องบินรบได้ระดับเทพที่ต้องขับเคี่ยวกับคู่แข่งทั้งเรื่องฝีมือและความรัก
Bonus
Various Artists – Guardians of the Galaxy: Awesome Mix Vol.1
2014
ยอดขาย 2 ล้าน
เครดิตหลักอยู่ที่เพลงเก่าทุกเพลงที่ถูกนำมารวมอยู่ในมิกซ์เทปที่ถูกอัดไว้เอง (คนฟังเพลงที่อายุ 30 ขึ้นไปจะคุ้นเคยกับการอัดเทปเพลงไว้ฟังเอง) อัลบัมขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตอัลบัมของ Billboard ส่วนอัลบัมที่เป็นสกอร์เพลงจากเรื่องเดียวกันนี้เทียบกันไม่ได้เลย และผลของอัลบัมนี้ทำให้คนหันมานิยมเพลงจากยุค '70s กันอย่างกว้างขวาง และเทปก็กลายเป็นความนิยมใหม่ของตลาดคนฟังเพลงยุคนี้จนได้ แม้จำนวนเพลงจะน้อยไป แต่เพลง "Ain’t No Mountain High Enouh", "I Want You Back", "I’m Not in Love", "Spirit in the Sky" หรือ "Hooked on a Feeling" ก็เป็นเพลงระดับประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น ซาวด์แทร็กนี้ก็เหมือนเป็น Time Capsule อีกรูปแบบหนึ่งด้วย ส่วน Vol.2 ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน เพลงออกจะเด่นกว่านิดนึงด้วยซ้ำ
Guardians of the Galaxy: Awesome Mix Vol.2
Various Artists - Street of Fire 1984
ยอดขาย ไม่ระบุ
เป็นหนังที่มีแทบทุกรสชาติ จุดขายคือนางเอกที่แสดงโดยไดแอน เลน ขวัญใจของหนุ่มๆ ยุคนั้น กับตัวร้ายหัวหน้าแก๊งมอเตอร์ไซค์รับบทโดยเวลเลม เดโฟ ที่โด่งดังจากหนังสงครามเรื่อง Platoon เป็นหนังแอ๊กชัน ดรามาธรรมดา ที่หนังแป้กในอเมริกา แต่ดาราเด่น เดินเรื่องสนุก และได้นักแต่งเพลงมือขึ้นของยุคนั้นอย่างจิม สไตน์แมน (ทำเพลงให้ Meatloaf จนประสบความสำเร็จ) แต่งเพลง "Nowhere Fast" ร็อคสนุกสุดมันเล่นโดยวง Fire Incorporated ร้องนำโดยฮอลลี เชอร์วูด (ในหนังไดแอน เลนเป็นผู้ร้อง) และเพลง "I Can Dream About You" ป๊อปร็อคไพเราะฝีมือแดน ฮาร์ตแมนที่เป็นซิงเกิลติดท็อป 10 ของ Billboard ด้วย ยังผลให้ประสบความสำเร็จในบ้านเราพอสมควร แต่ขาดทุนเอาการในอเมริกา
--------------------------------------------------------------------------------
สั้นๆ เกี่ยวกับผู้เขียน
นักเขียนประจำบก.นิตยสาร Music Express ตั้งแต่ปี 2527-2537
บก.บห.นิตยสาร Crossroads ตั้งแต่ปี 2537-2544
บก.บห.นิตยสาร Sound และ Metal Mag ตั้งแต่ปี 2545-2548
ปัจจุบันเป็นเจ้าของร้านขายแผ่นเสียง Records Hunter เปิดกิจการตั้งแต่ 2552-ปัจจุบัน