“หนึ่ง อภิวัฒน์” การเติบโตทางดนตรีแบบไร้จุดสิ้นสุด กับผลงานที่ทำให้เขา “เสียน้ำตา”
ตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา แฟนๆ ได้รู้จักนักร้องนำของวง ETC. อย่าง หนึ่ง-อภิวัฒน์ พงษ์วาท ในฐานะศิลปินเสียงมีเสน่ห์ที่ถ่ายทอดผลงานเพลงดังอย่าง “เจ้าชายนิทรา”, “เปลี่ยน”, “เธอคือใคร”, “อย่าถาม”, “เจ็บ... และชินไปเอง” และอีกหลายบทเพลงที่แฟนๆ คุ้นเคย
แต่ในอีกด้านนั้น หนึ่ง อภิวัฒน์ ก็เป็นศิลปินเดี่ยวที่ปล่อยผลงานเพลงแนว โซล, อาร์แอนด์บี, ดิสโก้ และ ฟังก์ กับค่าย Mono Music ในมินิอัลบั้มชุด Close Your Eyes and See ที่มีเพลงอย่าง "ชุดวิวาห์", "ล้ม", "รักอยู่", "Close Your Eyes and See" และ "Bad Girl" รวมถึงเพลงที่เขาทำในฐานะศิลปินอิสระในช่อง ThruDaNyte หรือ Through The Night ซึ่งหนึ่งได้เลือกชื่อนี้เพราะเขามองว่าเพลงที่เขาทำนั้นมีสีสันเหมือนค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน โดยนอกจากผลงานสไตล์ โซล, อาร์แอนด์บี และ ดิสโก้ เขายังเคยได้โชว์ความสามารถในการร้องเพลงแนวลูกทุ่งในรายการวาไรตี้ และเคยขึ้นโชว์ความสามารถในการร้องเพลงลูกกรุงด้วย
ถึงแม้ว่าผลงานของเขาจะได้รับคำชมอย่างมากจากแฟนๆ แต่หนึ่งเองก็เคยเจอผลตอบรับของผลงานที่ไม่ได้ดั่งใจ อย่างเช่นตอนที่เขาปล่อยเพลง “Bad Girl” ออกมากับค่าย Mono Music ซึ่งมียอดวิวที่น้อย จนทำให้เขาออกมาทวีตเผยความรู้สึกท้อในการทำผลงาน >> เพื่อนศิลปินให้กำลังใจ "หนึ่ง ETC." หลังทวีตดราม่าเรื่องกระแสตอบรับเพลง "Bad Girl"
ล่าสุด หนึ่ง อภิวัฒน์ ก็ได้ปล่อยผลงานเอ็มวี “Bad Girl” ซิงเกิลล่าสุดที่จะรวมอยู่ในมินิอัลบั้ม Close Your Eyes and See และหลังจากที่ปล่อยผลงานออกมาระยะหนึ่งทาง Sanook! Music ก็มีโอกาสได้สัมภาษณ์หนึ่งถึงฟีดแบ็คที่มีต่อผลงานชิ้นนี้ รวมถึงเรื่องราวการทำงานในฐานะศิลปินเดี่ยวของหนึ่ง ที่หลายคนอาจไม่ได้สัมผัสมาก่อน
ก่อนอื่นอยากทราบว่า ทำไมคุณเลือกทำผลงานเพลงเดี่ยว Side Project ออกมาในสไตล์ อาร์แอนด์บี โซล และ ฟังก์?
"ผมตั้งใจทำเพลงแนวโซล, อาร์แอนด์บี ดิสโก้ และ ฟังก์ เพราะฟังแนวนี้มานานมากครับ เพราะเวลาผมเล่นกลองก็จะแกะเพลงของวงดนตรีอย่าง Soul After Six ที่มีกรูฟและจังหวะที่ไม่เหมือนใคร และเครื่องดนตรีพวกกลอง เบส และกีตาร์ ก็จะมีวิธีการเล่นที่ต่างจากเพลงแนวอื่นๆ ซึ่งเพลงที่ผมชอบต่างจากผลงานที่ทำกับ ETC. ที่เป็นแนวป็อปและร็อค พอมีโอกาสได้ทำเพลงเดี่ยว ก็เลือกทำแนวโซล ฟังก์ และ อาร์แอนด์บี เต็มรูปแบบครับ"
การทำงานในฐานะศิลปินเดี่ยว ต่างจากตอนทำกับวงในจุดไหนบ้าง?
"การทำผลงานเพลงเดี่ยว ผมจะได้ทำสิ่งที่ชอบทั้งหมด ซึ่งตอนอยู่ในวงเราทำแบบนั้นไม่ได้ พอได้ทำเพลงเดี่ยวผมก็มีที่ได้ปล่อยของ และสิ่งนี้ก็ทำให้ลดความเครียดเวลาทำผลงานกับวง และในขณะเดียวกันก็ทำให้ผมได้ฝึกทำโปรดักชั่นผลงานด้วยตัวเอง มีทั้งการคิดไลน์เบส ไลน์ดนตรีเอง การแต่งเนื้อร้องเอง ซึ่งเป็นอะไรที่ผมไม่เคยทำตอนอยู่ในวง เพราะตอนที่อยู่ในวง ETC. ผมจะมีคนมาแต่งเพลงให้ จริงๆ ก็มีลองเเต่งเนื้อเพลงให้กับวงบ้างแต่ส่วนใหญ่จะไม่ผ่านครับ (หัวเราะ)"
ล่าสุดคุณก็มาพร้อมซิงเกิลใหม่ “Bad Girl” เพลงนี้มีที่มาอย่างไร?
ปกติคนที่ฟังเพลงของผมจะนึกถึงเพลงแบบ ETC. ที่มีเนื้อหาหวานๆ กุ๊กกิ๊กสดใสอย่างเพลง "สิ่งที่ชีวิตที่เรียกว่าหัวใจ" พอเป็น Side Project ก็อยากทำเพลงที่แตกต่างให้มันจัดจ้านหน่อยและตอนนั้นก็มีคำว่า Bad Girl ผุดขึ้นมาในหัว ก็เลยนำมาใช้กับเพลงนี้ เพราะใจจริงอยากเล่าเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงร้ายๆ ที่พร้อมจะทำร้ายเรา ซึ่งผลงานเพลงนี้ก็เป็นผลงานแรกของ Side Project ก็เป็นเหมือนสีใหม่ของผม เป็นแนวที่ไม่เคยทำมาก่อนครับ
เห็นว่าเพลงนี้คุณทำเสร็จตั้งแต่เมื่อปี 2015 ทำไมถึงเลื่อนมาปล่อยช่วงปลายปี 2018 แทน?
ตอนแรกผมอยากปล่อยเพลงนี้เป็นซิงเกิลแรกในฐานะศิลปินเดี่ยว แต่ต่อมาก็ตัดสินใจปล่อยเพลง "ชุดวิวาห์" ก่อนแทน และเลื่อนปล่อยเพลง "Bad Girl" มาเป็นเพลงสุดท้ายจากทั้ง 5 เพลงที่ทำกับค่าย Mono Music ครับ จริงๆ ตอนปี 2015 ผมทำเสร็จแล้วทั้ง 5 เพลง แต่ด้วยความที่มีงานหลายๆ อย่าง รวมถึงผลงานที่ทำกับวง ETC. ก็เลยค่อยๆ ปล่อยมาทีละเพลงแทนครับ
ปกติเพลงดิสโก้มักจะมาพร้อมเอ็มวีที่สื่อถึงปาร์ตี้ แต่ทำไมคุณถึงทำมิวสิควิดีโอที่สื่อถึงเรื่องราวของนักโทษ?
เอ็มวีผมเองก็ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ด้วย เพราะเวลาฟังเพลงดิสโก้ คนจะนึกถึงไฟดิสโก้ แต่เราอยากลองนำเสนอมุมมองใหม่ๆ เลยคุยกับผู้กำกับ ก็มาฟังเพลงและตีความออกมาเป็นเรื่องราวคนที่รักผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งที่รู้ว่ายังไงก็ต้องเจ็บและหนีไปไหนไม่ได้ เลยทำเป็นเรื่องนักโทษยุคเก่าที่ตามผู้หญิงคนหนึ่งไปมาครับ
ในวันที่คุณปล่อยเพลง “Bad Girl” ออกมาและยอดวิวไม่เป็นตามที่คาด อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณออกมาโพสต์ระบายความรู้สึก?
ตอนที่ผมปล่อยซิงเกิลแรก "Close Your Eyes and See" ที่ทำกับ ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่ กระแสตอบรับมันก็ไม่ค่อยเป็นอย่างที่คิด ตอนนั้นก็เก็บไว้ในใจ ก็คิดว่าลองทำเพลงไปอีกเรื่อยๆ และพอเมื่อปีที่แล้วทำ 3-4 เพลงออกมาในช่องตัวเอง คนก็ไม่สนใจ ซึ่งตอนนั้นก็พยายามคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเราทำเพลงเองกับปล่อยในช่องของตัวเอง แถมไม่ได้ซื้อโฆษณาอะไรด้วย เราก็พยายามคิดบวกว่าเราเพิ่งเริ่ม ต่างจากตอนปล่อยเพลงกับวง ETC. ที่ยอดวิวสูงๆ แต่มันก็มีความรู้สึกน้อยใจมาเรื่อยๆ ครับ
พอปล่อยเพลง “Bad Girl” ออกมาในช่องของ Mono Music แล้วยอดวิว 3 วัน 3 พันวิว มันก็รู้สึกแย่มาก เพราะเราอยู่ในสังคมเพื่อนศิลปินที่หลายคนทำเพลงออกมาแล้วมียอดวิว 1 วัน 1 ล้านวิวกัน มันก็เลยเกิดความรู้สึกน้อยใจขึ้นมาว่าเพลงเรามันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ และแถมช่วงนั้นพยายามส่งเพลงให้ทั้งคลื่นวิทยุเพลงป็อป และ คลื่นแนวอินดี้ช่วยโปรโมท ก็ไม่ได้รับฟีดแบ็คตามต้องการ วันนั้นก็จิตตก ก็เลยโพสต์ความรู้สึกลง Twitter เพราะอยากระบาย จริงๆ อยากจะโพสต์ที่อื่นแต่ก็คิดว่าไม่เหมาะ ก็พอโพสต์ลงไปก็กลายเป็นว่าคนมาให้กำลังใจเยอะมาก และพอตอนนั้นแฟนก็ปลอบด้วยน้ำตาก็ไหลออกมาเลย หลังจากนั้นความรู้สึกจิตตกและน้อยใจมันก็หายไปเยอะ
ทวีตของ หนึ่ง อภิวัฒน์ ถึงความผิดหวังต่อกระแสตอบรับเพลง
ผลงานเดี่ยวของคุณมักจะมาพร้อมซาวด์ดนตรีใหม่ๆ เสมอ อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณเปิดกว้างรับดนตรีแนวใหม่ๆ เสมอ?
ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กผมจะเล่นดนตรีกับวงของเพื่อนๆ ก็จะเล่นเพลงวัยรุ่นอย่างของ เต๋า-สมชาย เข็มกลัด, Boyscout หรือศิลปินคนอื่นในยุคนั้น และตอนไปประกวดก็จะเลือกเพลงยาก พอเป็นนักดนตรีกลางคืน ก็จะเลือกเพลงที่เทคนิคยากๆ เพราะสมาชิกในวง ETC. เรียนจบด้านดนตรีทุกคนและอยากปล่อยของ แต่ก็ต้องมีเพลงที่ฟังง่ายคนดูชอบเช่นกัน เวลาไปเป็นแบ็คอัพงานคอนเสิร์ตก็ได้กลับไปเล่นเพลงที่ยาก ชีวิตผมก็เหมือนเติบโตมากับดนตรีหลายแนวที่แตกต่างตั้งแต่เริ่มเลยครับ
ประสบการณ์ที่ผ่านมามันเลยเป็นการฝึกให้เราสามารถเล่นได้ทุกแนว พอเราสนใจดนตรีแนวไหน เราก็จะทำเพลงแนวนั้นได้ทันทีและทำให้เรากล้าลองอะไรใหม่ๆ อย่างที่ไปรายการ The Show ของ Workpoint ก็ได้ร้องเพลงลูกทุ่ง คอนเสิร์ต Master of Voices ตำนานเพลงรัก 3 รุ่น ก็จะร้องเพลงลูกกรุง อย่าง The Mask Singer ที่เป็น หน้ากากแพนเค้ก ก็จะได้ทำอะไรที่แตกต่างไปอีก ล่าสุดก็ได้ไปเล่นละครเวที แฟนจ๋า ก็ได้เจออะไรใหม่ๆ ได้เรียนรู้การแสดงเหมือนเป็นโลกใบใหม่ ปัจจุบันนี้ผมก็พยายามหาความรู้ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ครับ โดยไม่จำกัดแค่เรื่องดนตรี เพราะมันจะทำให้ผลงานของผมออกมาดีขึ้นไปเรื่อยๆ ครับ
ปัจจุบันนี้คุณเป็นศิลปินที่สามารถเล่นเครื่องดนตรีได้หลายชนิด คุณมีวิธีฝึกเครื่องดนตรีแต่ละประเภทอย่างไร?
การฝึกดนตรีมันก็เหมือนกันทุกชนิดครับ ตรงที่เราต้องให้เวลากับมัน อย่างผมตอนแรกก็ฝึกกีตาร์ก่อนครับ พอจับคอร์ดเป็นก็เริ่มมาเล่นกลอง และก็ฝึกจริงจังมาตั้งแต่เรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 จนเรียนจบมหาวิทยาลัย คือตีกลองกับเล่นกีตาร์ตลอด พอมาอยู่กรุงเทพก็จะเล่นเบสได้ ซึ่งมันไม่ยากเนื่องจากมีพื้นฐานการเล่นกีตาร์อยู่แล้ว ก็จะมีการฝึกวิธีจับเอา และช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็มาฝึกคีย์บอร์ด ซึ่งเริ่มจากการจับคอร์ดและค่อยๆ ฝึกเพิ่ม ตอนนี้ผมก็เริ่มหัดเล่นเปียโนอยู่ครับ
คุณมีอะไรอยากฝากถึงคนที่ยังไม่เคยสัมผัสผลงานเดี่ยวของ “หนึ่ง อภิวัฒน์” บ้างไหม?
แนวเพลงของผมมันอาจจะไม่ใช่แนวที่แฟนๆ ได้ฟังกัน และหลายคนอาจไม่เคยฟัง แต่มันก็เป็นเพลงที่ทำให้คนฟังโยกได้ ก็อยากให้ลองสัมผัสสีสันใหม่ๆ ของผมกันครับ ตอนนี้หลังจากที่ทำเพลง 5 ซิงเกิล กับทาง Mono Music ก็จะมีเพลงที่ทำดนตรีและลงทุนเองซึ่งจะปล่อยลงช่อง ThruDaNyte ก็มีเพลง “Disco Oh Now” และ “ดาวศุกร์” ซิงเกิลล่าสุดที่เป็นแนวนีโอโซล จังหวะหนืดๆ หน่วงๆ หน่อยครับ มันเป็นแนวที่ไม่มีใครทำ ผมเลยตัดสินใจทำออกมา ในปี 2019 ก็จะมีเพลงสไตล์ “ดาวศุกร์” ออกมาอีกครับ
สุดท้ายนี้ คุณจะมีผลงานอะไรออกมาให้แฟนๆ ได้ติดตามในปี 2019 ?
ปีนี้ผมจะจริงจังกับการทำเพลงของ ETC. มากครับ ก็จะมี 4-5 เพลง ส่วนโปรเจกต์เพลงเดี่ยวก็จะมีปล่อยเรื่อยๆ แบบไม่สังกัดค่ายครับ ก็รอติดตามกันได้ครับ
ถึงแม้ว่าจะเจอเรื่องไม่ได้ดั่งใจในเส้นทางการเป็นศิลปิน แต่ หนึ่ง อภิวัฒน์ ก็เป็นอีกหนึ่งคนดนตรีที่ไม่เคยหยุดที่จะนำเสนอผลงานที่เขาทำออกมาจากใจ ไม่ว่าจะเป็น Side Project หรือผลงานในฐานะนักร้องนำวง ETC. และสิ่งนี้ก็ทำให้เขาเป็นคนดนตรีที่ได้รับการยอมรับจากแฟนๆ และเพื่อนศิลปินในวงการเพลง
Story : Sidhipong W.
>> 4 ผลงานเดี่ยวไม่ธรรมดา จากศิลปินความสามารถล้นเหลือ "หนึ่ง ETC."
>> หนึ่ง ETC. เผยมุมเท่ ปล่อยเพลงแดนซ์สุดคูลรับฤดูร้อน "Disco Oh Now"
>> หนึ่ง ETC. ชวน “ใหม่ ดาวิกา” ถ่ายทอดเพลงรักสุดเท่ “Close Your Eyes and See”
>> หนึ่ง ETC. เผย 4 เรื่องที่หลายคนไม่ทราบเกี่ยวกับผลงานเขาในรายการ The Driver
>> "หนึ่ง ETC." ร่วมงานช่อง "One 31" ครั้งแรก! ถ่ายทอดเพลงดราม่าจากละคร "ทะเลริษยา"
อัลบั้มภาพ 7 ภาพ