Ed Sheeran ตอกย้ำตำแหน่ง One Man Show เอาคนดูอยู่ทั้งสเตเดี้ยม สุขเศร้าเหงาซึ้ง ครบทุกรส | Sanook Music

Ed Sheeran ตอกย้ำตำแหน่ง One Man Show เอาคนดูอยู่ทั้งสเตเดี้ยม สุขเศร้าเหงาซึ้ง ครบทุกรส

Ed Sheeran ตอกย้ำตำแหน่ง One Man Show เอาคนดูอยู่ทั้งสเตเดี้ยม สุขเศร้าเหงาซึ้ง ครบทุกรส
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เซอร์ไพรส์แฟนๆ ชาวไทยกันอีกครั้งกับการกลับมาของ Divide Tour ทัวร์คอนเสิร์ตอัลบั้มที่ 3 ของศิลปิน/นักแต่งเพลงชาวอังกฤษชื่อดังระดับโลก Ed Sheeran ที่นอกจากจะกลับมาแสดงคอนเสิร์ตโปรโมตอัลบั้มที่ 3 เป็นครั้งที่ 2 ในประเทศไทย ซึ่งนอกจากแทบจะไม่เคยมีศิลปินตะวันตกคนไหมมาเยือนไทย 2 ครั้งในการทัวร์อัลบั้มเดิมแล้ว ยังจัดหนักจัดเต็มกว่าเดิมด้วยโปรดักชั่นที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า เมื่อ Live Nation BEC-Tero ย้ายสถานที่จัดงานจากอิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ที่บัตร sold out ภายในเวลาไม่กี่นาที มาเป็นราชมังคลากีฬาสถาน สเตเดี้ยมกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รองรับความต้องการได้อย่างเต็มที่

การเลือกสถานที่เป็รราชมังฯ ในครั้งนี้ นับว่าเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องสุดๆ เพราะความพิเศษไม่ได้มีแค่แฟนเพลง Ed Sheeran ทั้งไทยและต่างประเทศ แต่ยังรวมถึง speicial guest ในค่ำคืนนี้ เป็น ONE OK ROCK วงร็อคจากญี่ปุ่น ที่ทันทีที่ประกาศว่าจะมาร่วมงานคอนเสิร์ตของ Ed Sheeran แฟนๆ J-Rock ต่างก็พากันซื้อบัตรเพิ่มกันเพียบ และเห็นได้ชัดว่าภายในงานในค่ำคืนวันที่ 28 เม.ย. 62 ที่ผ่านมา แอบเห็นแฟนเพลงใส่เสื้อ ONE OK ROCK กันหนาตาอยู่เหมือนกัน นับว่าเป็นการจับคู่ที่ดูเหมือนจะไม่ลงตัว แต่ก็เข้าท่า และให้ประสบการณ์ทางดนตรีใหม่ๆ กับแฟนเพลงทั้งสองฝั่งได้ไม่เลวเลยทีเดียว

oneokrockbkk2019(15)

oneokrockbkk2019(13)

oneokrockbkk2019(17)

เวลาราว 1 ทุ่มกว่าๆ เสียงในสเตเดี้ยมดังกระหึ่ม เป็นสัญญาณว่าหนุ่มๆ ONE OK ROCK เริ่มเปิดการแสดงแล้ว น่าเสียดายที่ทีมงาน Sanook! Music ติดปัญหาเล็กน้อย จึงทำให้ไม่สามารถเข้าไปร่วมชมการแสดงของพวกเขาในช่วง 4 เพลงแรกได้ นั่นคือ “Push Back”, “Deeper Deeper”, “Clock Strikes” และ “Head High” แต่เมื่อเราเข้าไปนั่งประจำที่ในช่วงเพลง “Stand Out Fit In” ก็สัมผัสถึงความเดือดดาลระอุไปทั่วสเตเดี้ยม ที่นั่งสะเทือนไปตามจังหวะกีตาร์ของโทรุ กลองของโทโมยะ เบสของเรียวตะ และเสียงร้องอันทรงพลังของทากะ นักร้องนำ ต่ออารมณ์มันๆ กันด้วย “The Beginning”, “Mighty Long Fall” และปิดท้ายด้วย “Wasted Night” ซิงเกิลล่าสุดจากอัลบั้ม Eye of the Storm น่าเสียดายที่ที่นั่งเป็นสเตเดี้ยมทำให้เราไม่กล้าที่จะลุกขึ้นมากระโดดได้ ได้แต่นั่งโยกหัวไปตามจังหวะเพลง แต่ก็สามารถรับพลังที่ส่งมาจากเวทีที่อยู่ไกลสุดสายตาได้เต็มๆ แบบไม่ขาดอรรถรสเลย ตอกย้ำความสำเร็จในการโกอินเตอร์ของวงนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ชนิดที่ตกแฟนเพลง Ed Sheeran กลับไปได้หลายคนเลยทีเดียว ยืนยันว่าถ้าพวกเขามาเปิดคอนเสิร์ตในไทยเต็มรูปแบบ แฟนๆ ห้ามพลาดจริงๆ

edsheeranbkk2019(1)

เวลา 20.29 น. ขึ้นเวทีได้ตรงเวลาเป๊ะ หนุ่ม Ed Sheeran ขึ้นเวทีอย่างเรียบง่าย เดินยิ้มสะพายกีตาร์ และเริ่มเล่นเพลง “Castle on the Hill” กระตุ้นอะดรีนาลีนคนดูทั้งสเตเดี้ยมเป็นเพลงแรก ก่อนจะทักทายคนดู และกล่าวสั้นๆ ว่า “สำหรับใครที่อาจจะเพิ่งดูคอนเสิร์ตของผมครั้งแรก ทุกอย่างที่คุณเห็นเป็นการเล่น ‘สด’ ทั้งหมด ทั้งไมโครโฟน ทั้งแป้นเหยียบที่เห็นด้านล่าง เรียกว่า loop ทำให้ผมอัดเสียงร้อง และเสียงกีตาร์มาเล่นซ้ำสดๆ บนเวทีได้”

ต่ออารมณ์เดือดๆ ที่พอๆ กับความร้อนชื้นระอุทะลุ 36 องศาเซลเซียสด้วย “Eraser” และกลับมาพูดคุยกับคนดูถึงชีวิตในการเป็นศิลปินของเขาที่ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมายืนเล่นดนตรีในสเตเดี้ยมขนาดใหญ่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะกับประเทศไทยที่ทั้งไกลหลายร้อยไมล์ ทั้งต่างภาษากันได้ขนาดนี้ เขามาไกลมากๆ ขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุนเขาขนเขาได้กลับมาอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มต้นเพลงที่เขาแต่งตอนอายุ 18 ปีเมื่อปี 2009 และเริ่มเล่นจากในผับเล็กๆ ที่อังกฤษอย่างเพลง “The A Team” ที่แฟนๆ ได้ย้อนเวลากันไปด้วยกันอย่างอบอุ่น

Ed กล่าวถึง ONE OK ROCK ด้วยว่าพวกเขารู้จักกันมา 5 ปีแล้ว หวังว่าจะสนุกกับการแสดงของพวกเขา จากนั้นก็เชียร์ให้แฟนๆ ร้องเพลงตามกันดังๆ ให้ค่ำคืนนี้กลับบ้านเสียงแหบกันไปเลย กับเพลง “Don’t” โดยเขากล่าวว่า “เรื่องร้องให้ตรงคีย์เป็นหน้าที่ผม พวกคุณแค่ตะโกนออกมา ร้องออกมาให้ดังที่สุดเท่าที่จะร้องได้ ไม่ต้องตรงคีย์ ไม่ต้องร้องตามเนื้อเพลง ตะโกนออกมาให้เสียงหมดไปเลย” ระหว่างที่กำลังร้องตามกันอยู่ หนุ่ม Ed ก็ mash up เข้ากับเพลงสนุกๆ “New Man” และมีการร้องกลับไปกลับมาอย่างลื่นไหลจนจบเพลง นาทีนี้ไม่กรี๊ดให้กับลูกเล่นในการผสม 2 เพลงเข้าด้วยกันอย่างลงตัวแบบนี้ไม่ได้จริงๆ

edsheeranbkk2019(20)

edsheeranbkk2019(18)

ใครที่สงสัยว่า คอนเสิร์ต Divide Tour ในครั้งนี้ต่างจากครั้งที่แล้วเมื่อปี 2017 อย่างไรบ้าง คงต้องบอกว่า ส่วนใหญ่แล้วกว่า 60% จะเหมือนเดิม ทั้งฉากบนเวทีที่ส่วนใหญ่ยังเป็นดีไซน์เดิม เพิ่มเติมคือขนาดใหญ่ขึ้น รวมถึง setlist ที่มีความใกล้เคียงกันมาก แตกต่างแค่บางเพลงที่เปลี่ยนไป เพิ่มเพลงLove Yourselfเพลงที่ Ed แต่งให้ Justin Bieber เข้ามา และการเล่นเพลง medley หลายเพลงรวมกันในการแสดงเดียวก็ถือว่าเป็นจุดเด่นของโชว์ในครั้งนี้ ทั้ง medley เพลงจากอัลบั้มแรกที่ในคอนเสิร์ตครั้งที่แล้วไม่มี ทั้ง “Lego House”, “Kiss Me” และ “Give Me Love” ไปจนถึง ช่วงต่อเพลง “Wayfaring Stranger” และ “I See Fireที่ส่งต่ออารมณ์ได้อย่างลื่นไหลไร้รอยต่อ แถมยังได้ฟังเสียงร้องของหนุ่ม Ed สดๆ แบบอะแคปเปลล่ากันยาวๆ แล้วยังต่อด้วยเพลงโปรดของเราที่ไม่คิดว่าจะได้ฟังอย่าง “One” และ “Photograph” ที่เซอร์ไพรส์แฟนเพลงสุดๆ ถือว่าเป็นช่วงเมดเลย์ยาวรวดเดียวที่ฟังเพลิน และต้องปรบมือให้กับสกิลในการใช้ loop pedal อย่างมืออาชีพของเขาจริงๆ

สิ่งที่แตกต่างอีกเล็กน้อย คือการเอนเตอร์เทนของ Ed ที่ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้น ทั้งการพูดคุยที่มากขึ้น เล่นมุกแซวตัวเองถึงเหล่าบรรดาแฟนหนุ่มบอยเฟรนด์ และคุณพ่อซูเปอร์แด๊ด ที่ต้องมาชมคอนเสิร์ตของเขาแม้ว่าจะไม่ใช่แฟนเพลงของเขา แต่ก็อยากให้ถือเสียว่าคุณได้เสียสละเวลาส่วนตัวเพื่อทำอะไรให้กับคนที่คุณรัก หรือจะเป็นการพูดถึงอากาศที่ร้อนจัด และการจราจรที่สุดแสนจะติดขัดในประเทศไทยอย่างอารมณ์ดี ไหนจะกระดกน้ำดื่มขวดต่อขวดเป็นว่าเล่น ทั้งหมดนี้เป็นการสนทนาที่เป็นไปอย่างราบรื่นเป็นธรรมชาติ และยังคอยเรียกให้คนดูร้องตามเป็นช่วงๆ แม้กระทั่งให้คนดูเงียบฟังเพลง Tenerife Sea” ก็ยังสามารถสะกดคนดูได้อยู่หมัดจริงๆ ถือว่าเป็นสิ่งที่หนุ่ม Ed ทำได้ดีไม่ว่าจำนวนคนดู และสถานที่จะใหญ่แค่ไหนก็ตาม

>> (รีวิว) Ed Sheeran หนุ่มอารมณ์ดีกับกีต้าร์ตัวเดียว เอาคนดูอยู่ทั้งฮอลล์

 edsheeranbkk2019(5)

edsheeranbkk2019(7)

เรื่องของแสงสีเสียงยังคงทำได้ดีตามมาตรฐานของผู้จัดที่ขึ้นชื่อเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ที่อยากชมเชยคือปัญหาเรื่องเสียงที่มักจะเกิดขึ้นกับการจัดในสเตเดี้ยมกีฬากลางแจ้งใหญ่ๆ แบบนี้ แถมดนตรีของ Ed ยังมีความอะคูสติกอยู่เยอะ หากเสียงไม่ดีไม่ชัดใสจริงคงจะหมดสนุกไปมาก แต่งานนี้ถือว่าระบบเสียงทำได้ดีถึงขั้นดีมาก สังเกตได้ง่ายๆ จากบทสนทนาที่หนุ่ม Ed พูด ที่เราสามารถฟังได้ชัดถ้อยชัดคำ แต่ทั้งนี้ก็อาจจะขึ้นอยู่กับโซนที่นั่งของแต่ละที่ด้วยว่าจะมีความชัด-ก้องต่างกันมากน้อยแค่ไหน ระหว่างการแสดงอาจจะมีบางช่วงบางตอนที่เล่นเพลง “Bloodstream” จะมีย่านเสียงเบสบวมจนค่อนข้างจะล้นนิดๆ แต่จากการชมคอนเสิร์ตคราวที่แล้วที่มีเสียงในแบบเดียวกัน ทำให้เราเข้าใจว่าอาจจะเป็นความตั้งใจของหนุ่ม Ed ที่ต้องการแสดงอารมณ์ของเพลงในแบบนั้น น้ำเสียงของ Ed เองก็ยังคงรักษาคุณภาพได้ดี ร้องเสียงต่ำสูงได้ดีเหมือนเคย จะมีเพียงช่วงแร็ปที่อาจจะหายใจไม่ทันอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร ส่วนในเรื่องของแสงและสีต่างๆ ก็ยังคงมาตรฐานเดิมกับทัวร์ครั้งก่อน มีการเปลี่ยนกราฟิกใหม่ แต่ก็ยังเหมือนเดิมไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่มาก ภาพสวยถูกกับอารมณ์ของเพลงอย่างคงเส้นคงวา ที่เราชอบเป็นพิเศษน่าจะเป็นกราฟิกของเพลง “I See Fire ที่เป็นรูปป่า ควัน ไฟ ฝุ่น และในเพลง “Photograph” ที่เป็นกรอบรูปพร้อมกับภาพวัยเด็กของหนุ่ม Ed ที่ทำให้บรรยากาศอบอุ่นขึ้นมาทันที

ข้อหนึ่งที่แอบเสียดายลึกๆ แต่ไม่แน่ใจนักว่าเป็นเพราะจุดที่เรานั่งหรือเปล่า ทำไมแฟนเพลงถึงเสียงไม่ดังเท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็นเสียงกรี๊ด หรือเสียงร้องเพลงตาม โซนที่เรานั่งค่อนข้างเงียบถึงเงียบมาก เพราะดันเป็นโซน "บอยเฟรนด์แอนด์ซูเปอร์แด๊ด" อย่างที่หนุ่ม Ed แซวไว้ แต่อีกใจเราก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเสียงตอบรับจากคนดู "เบา" จริงๆ เห็นได้จากการที่ Ed พยายามเรียกให้คนดูร้องตามตลอด ให้ร้องเสียงสูงเสียงต่ำก็ได้ยินแต่เสียงต่ำ ให้ร้องต่ออย่าหยุดก็ร้องได้แปบเดียวหยุด หรือช่วงที่ให้เงียบ พอกลับมาร้องเพลงอื่นก็ดันเงียบต่อจนหนุ่ม Ed แซวหนักๆ ว่า "ขอบคุณที่เมื่อกี้ตั้งใจเงียบกันจริงๆ แต่ตอนนี้ไม่ต้องเงียบต่อก็ได้" ช่วงที่ให้ร้องในหลายๆ ท่อนก็เงียบจน Ed ต้องดึงไมโครโฟนกลับมาร้องเอง เห็นได้ชัดว่าหลายคนที่เข้าชมคอนเสิร์ตครั้งนี้ (อาจ) ไม่ได้เป็นแฟนเพลงตัวยงของหนุ่ม Ed เท่าที่ควร หรืออาจจะชอบแต่ไม่ค่อยสะดวกให้ความร่วมมือกับศิลปินระหว่างโชว์ก็เป็นได้

แม้ว่าเพลงส่วนใหญ่ของหนุ่ม Ed จะเป็นเพลงช้าๆ ซึ้งๆ ทั้งเพลงดิ่งๆ อย่าง “Dive” หรือเพลงหวานๆ อย่างเพลง “Thinking Out Loud” ที่หนุ่ม Ed แซวว่าใครไม่เคยได้ยินเพลงนี้ คุณคงมากผิดคอนเสิร์ตแล้วล่ะ แต่เพลงมันๆ จังหวะสนุกๆ อย่าง “Galway Girl”, “Nancy Mulligan” และ “Sing” ก็เรียกจังหวะให้คนดูโยกตัวกันสนุกๆ ได้อยู่เหมือนกัน ก่อนจะลาเข้าหลังเวทีไปเปลี่ยนเสื้อฟุตบอลทีมชาติไทยสีแดงแปบเดียวไม่ต้องรอกันนาน เข้าสู่ช่วง encore กันด้วยเพลงที่ไม่เล่นไม่ได้อย่าง “Shape of You” และเพลงโปรดของ Ed ที่เล่นปิดท้ายทุกครั้งอย่าง “You Need Me, I Don’t Need You” ที่แร็ปสดรัวอย่างกับ Eminem มาเอง และใส่เต็มจดหมดแรงเป็นเพลงสุดท้าย แฟนเพลงลุกขึ้นยืนปรบมือกันทั้งสเตเดี้ยม ปิดคอนเสิร์ตได้อย่างน่าประทับใจกับการแสดงระดับโลกครั้งนี้จริงๆ

edsheeranbkk2019(8)

ใครที่พลาดคอนเสิร์ตครั้งที่แล้ว จะบอกว่าไม่ต้องเสียใจ เพราะโชว์ในครั้งนี้เก็บรายละเอียดของโชว์ครั้งที่แล้วเอาไว้ได้เกือบจะครบถ้วน แต่ที่จะเสียดายกว่าอาจจะเป็นเรื่องของสถานที่ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานีอาจจะแอร์เย็นฉ่ำสบายกว่า และมุมมองที่ได้ชมการแสดง ได้เห็น Ed Sheeran ในระยะใกล้กว่า ก็อาจจะทำให้รู้สึกใกล้ชิดมากกว่า แต่การได้ชมคอนเสิร์ตในบรรยากาศสเตเดี้ยมก็ได้รับอรรถรสความยิ่งใกญ่ตระการตาได้มากกว่าเช่นกัน การแสดงแบบ one man show ของเขายังคงเป็นเอกลักษณ์ที่ยากจะหาใครทำได้ การสลับ loop pedal เป็นไปอย่างราบรื่นไร้ที่ติ รายละเอียดการเรียงร้อยเพลงต่อเพลงก็ทำได้ดีเช่นเดิม ทุกคนกลับบ้านไปพร้อมกับรอยยิ้ม หวังว่าทัวร์ครั้งหน้าจะยังได้ชมการแสดงดีๆ แบบนี้อีก เพราะขึ้นชื่อว่าเป็น Ed Sheeran แล้ว ยังคงเป็นศิลปินอันดับต้นๆ ที่คนไทยรัก และชื่นชมอยู่อีกนานหลายปีแน่นอน

 




____________________

Story : Jurairat N.

Photos : Live Nation BEC-Tero

ชมภาพอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่แกลอรี่ด้านล่าง

อัลบั้มภาพ 58 ภาพ

อัลบั้มภาพ 58 ภาพ ของ Ed Sheeran ตอกย้ำตำแหน่ง One Man Show เอาคนดูอยู่ทั้งสเตเดี้ยม สุขเศร้าเหงาซึ้ง ครบทุกรส

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook