หวานปนเศร้ากับค่ำคืนแห่งรักสีเทาของ Troye Sivan ไอคอน LGBTQ+ คนใหม่ของวัยรุ่นไทย

“ไม่ได้รู้สึกกระชุ่มกระชวยแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว”

นี่คือความรู้สึกของเราหลังจากจบการแสดงคอนเสิร์ตเกือบ 1.30 ชั่วโมงของ Troye Sivan ศิลปินหนุ่มชาวออสเตรเลียนเชื้อสายแอฟริกันใต้ อายุ 23 ปีจบ ไม่ใช่ทุกครั้งที่เราจะได้สัมผัสกับบรรยากาศการชมคอนเสิร์ตของศิลปินตะวันตกที่ได้กรี๊ดให้กับหน้าตา และความน่ารักของศิลปิน และยังได้ดื่มด่ำกับบทเพลง และดนตรีที่ไม่ใช่ป็อปฉาบฉวยตามกระแส แต่วัยรุ่นไอคอน LGBTQ+ รุ่นใหม่ของไทยคนนี้เลือกที่จะทำเพลงซินธ์ป็อป-อิเล็กโทรป็อปที่เล่าเรื่องความรักในแง่บวก และลบในแบบสีเทาๆ แทบจะทุกเพลง แม้ว่าซาวนด์โดยรวมจะเผยให้เห็นว่า Troye ทำดนตรีได้เกินวัยของเขาไปมาก แต่เราที่โตกว่าเขา เมื่อได้ฟังเพลงของเขาแล้ว กลับรู้สึกเรากับได้กลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้งมากกว่า

8 พ.ค. 2019 วัยรุ่นไทยพร้อมใจกันถือแบนเนอร์ (ป้ายกระดาษ) และธงสีรุ้ง สัญลักษณ์ LGBTQ+ เข้าอิมแพค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 เมืองทองธานี แม้ว่าจะเป็นบัตรยืน แต่ทางผู้จัด Live Nation BEC-Tero มีการรันคิวตามหมายเลขบัตรช่วงก่อนเข้าฮอลล์หลายชั่วโมง ส่งเสียงเตือนชัดเจนเมื่อใกล้เวลาแสดง จึงทำให้การเดินเรียงคิวเข้าฮอลล์เป็นไปได้อย่างราบรื่นไม่เสียเวลา และได้ชมการแสดงทันเวลากันทุกคน

20.50 น. Troye Sivan ปรากฎตัวขึ้นมาบนเวทีด้วยท่าเดินสวยงามราวกับรันเวย์ เท่านี้แฟนเพลงทุกคนก็กรี๊ดต้อนรับกันอย่างสนั่นหวั่นไหว Troye ชวนแฟนๆ สนุกไปกับเพลง “17”, “Bloom” และ “Plum” เพลงหวานๆ จังหวะกลางสนุกๆ อุ่นเครื่องช่วงแรกกันไปด้วยรอยยิ้ม ที่ Troye ทั้งร้อง ทั้งเต้น ทั้งเอนเตอร์เทนเต็มที่สมกับเป็ยคืนสุดท้ายของ The Bloom Tour อย่างที่เขากล่าวไว้ว่าเขาจะจัดเต็มแบบไม่มียั้งแน่นอน

>> คลิปสัมภาษณ์ก่อนคอนเสิร์ต TROYE SIVAN THE BLOOM TOUR BANGKOK 2019

หลังจากพูดคุยขอบคุณแฟนเพลงชาวไทยที่มากับเต็มฮอลล์ เอ่ยปากชมบรรดาแบนเนอร์ และธงสีรุ้งที่แฟนเพลงทำเพื่อ Troye และพูดถึงกรุงเทพฯ เมืองที่ยอมรับกับเรื่องเพศทางเลือกแล้ว เขาก็เริ่มเข้าสู่เพลงที่เขาแต่งเกี่ยวกับการออกมายอมรับในตัวตนที่เขาเป็นอย่างเพลง “Heaven” ที่นอกจากไฟบนเวทีจะเปลี่ยนเป็นสีรุ้งแล้ว แฟนๆ ชาวไทยยังทำโปรเจ็กต์เปลี่ยนหน้าจอโทรศัพท์มือถือเป็นธงสีรุ้งด้วย สวยงามทั้งจากมุมของคนดู และศิลปินจริงๆ

หลังจบ “Fools” และ “Lucky Strike” ที่แฟนเพลงร้องตามกันได้อย่างหอมปากหอมคอแล้ว Troye ชวนแฟนเพลงร้องตามเสียงดังสุดเสียง เพราะเพลงต่อไปคือ “Wild” เพลงสุดฮิตจากอัลบั้ม Blue Neighbourhood แต่เซอร์ไพรส์ที่ Troye เตรียมมาให้ คือการ mashup เข้าเพลง “I’m So Tired” เพลงซินธ์ป็อปจังหวะน่าแดนซ์ที่เขาทำกับหนุ่ม Lauv อีกหนึ่งเพลงโปรดของเราที่เรียกพลังให้ทุกคนเต้นตามกันได้ไม่ยาก

Troye หันมาพูดคุยกับแฟนเพลงอีกเล็กน้อย ให้แฟนๆ สอนพูด “ขอบคุณครับ” ภาษาไทย รับกางเกงมวยจากแฟนเพลง สังเกตเห็นแฟนเพลงใส่เสื้อ TRXYE ที่เป็นชื่อ EP ชุดแรกของเขา ถ่ายคลิปลง Instagram Story และยังเอ่ยปากถึงแฟนเพลงชาวสีม่วงที่มากันเต็มฮอลล์ว่า “คืนนี้เหมือนจะมีชาวสีม่วงมากันเต็มห้องนี้เลยนะ ขอบคุณทุกคนที่มาเจอผมกันนะครับ” ก่อนจะหายเข้าไปเปลี่ยนชุด และเพิ่มโซฟา และโคมไฟเข้ามาบนเวทีราวกับเขาจะร้องเพลงจากห้องนั่งเล่นในบ้านให้เราได้ฟังกัน วินาทีนั้นเรานึกอยากฟังเพลง “The Good Side” ขึ้นมาจับใจ เพราะดนตรีจากกีตาร์อะคูสติกคงเหมาะกับบรรยากาศห้องนั่งเล่นไฟส้มริบหรี่ที่ Troye จำลองขึ้นมาบนเวที แต่เพลงที่ได้ฟังก่อนเป็น “Postcard” เพลงซึ้งๆ บรรยากาศเหงาๆ ที่ฟังทีไรก็เหงาทุกที และเมื่อ Troye พูดถึงเพลงที่เขาแต่งเพื่อระบายความรู้สึกตอนที่เขาอกหัก ตอนนั้นเราก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็น “The Good Side” แน่ๆ โชว์เพลงนี้เป็นหนึ่งในโมเมนต์ที่เราชอบที่สุดของทั้งคอนเสิร์ต เพราะนอกจากจะได้ฟังเสียงของ Troye ชัดๆ กับกีตาร์เพียงตัวเดียวในช่วงต้นเพลงแล้ว ดนตรีจากซินธิไซเซอร์ อิเล็กโทน และกลองของแบ็คอัพมือฉมังก็หวดไม่ยั้งในช่วงท้ายเพลง ทำเราขนลุกขนพองจนต้องปรบมือให้ดังๆ

แม้ว่า Troye จะบอกไว้ตั้งแต่ตอนต้นแล้วว่า คืนนี้ขอให้ทุกคนมาสนุกไปด้วยกัน ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามเสียงเพลง เต้นเหมือนทุกคนเป็นสาวแสบที่จัดจ้านที่สุดในย่านนี้ แต่เมื่อถึงช่วงเพลงที่ใช่อารมณ์ขับเคลื่อนอย่างหนัก บรรยากาศในฮอลล์ก็อดไม่ได้ที่จะถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีเทาเข้มครึ้ม ยิ่งเจอ “What A Heavenly To Die” ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกเหล่านั้นให้กับแฟนๆ ในฮอลล์ขณะนั้นได้ดี ทุกคนตั้งแต่ใจฟัง และดื่มด่ำกับบรรยากาศตรงหน้ากันอย่างเต็มที่

ช่วงเวลาสีเทาหม่นผ่านไปพร้อมกับโซฟาที่ถูกเก็บเข้าหลังเวที Troye เริ่มเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงสีเทาสว่างอย่างช้าๆ ด้วยเพลงที่ใครฟังก็เขินอย่าง “Bite” ยิ่งท่อน “So kiss me on the mouth and set me free. But please, don’t bite” ฟังทีไรก็เขินม้วนบิดอยู่คนเดียวตลอด ต่อด้วย “1999” เพลงย้อนยุควัยทีนทีทำกับสาว Charli XCX สั้นๆ และ “Dance To This” เพลงเก๋ๆ ที่ทำกับสาว Ariana Grande

จู่ๆ ก็ถึงเวลาที่ Troye บอกว่าเพลงต่อไปจะเป็นเพลงสุดท้าย เรารีบก้มมองนาฬิกา เพิ่งจะชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น เวลาผ่านไปเร็วมาก หนุ่ม Troye รีบเอ่ยปากอย่างขี้เล่นว่า “ผมจะทำเป็นโบกมือลาทุกคน แล้ววิ่งหายเข้าไปหลังเวที ทุกคนก็ทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ เพื่อให้ผมกลับออกมาอีกครั้ง ผมจะทำเป็นเหมือนเหนื่อยราวกับไปเล่นโรลเลอร์โคสเตอร์มา แล้วเราจะมาร้องเพลงด้วยกันอีก 2 เพลง โอเคนะ” เมื่อจบเพลง “Animal” แล้ว แฟนเพลงทุกคนจึงตะโกนเรียกชื่อ Troye กันสุดเสียง ก่อนที่เขาจะออกมากับเพลงที่ไม่ร้องไม่ได้อย่าง “Youth” และปิดท้ายด้วย “My My My!” ที่ท้ายเพลงรีมิกซ์ให้เป็น EDM มากขึ้น ทั้งกระโดดทั้งโยกตัวกันเต็มที่ จบ The Bloom Tour ไปด้วยกันกับ Troye ด้วยบรรยากาศสุดอบอุ่นด้วยพลังวัยรุ่นที่เต็มไปด้วยพลังงานด้านบวกรายล้อมอยู่รอบตัวเต็มไปหมด

แม้ว่าจะจัดในสถานที่ขนาดกลางอย่างอิมแพค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 แต่ระบบแสงสีเสียงจัดว่าดีแบบไม่ทำให้คุณภาพของเพลง Troye เสีย มีแค่บางจังหวะที่อาจจะใส่ดนตรีมา “ล้น” ไปเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในเกณฑ์รับได้ ไฟ LED บนเวทีเรียบง่ายแต่ลงตัวกับบทเพลงของ Troye ที่ให้อารมณ์สนุก หวาน และเศร้าได้ตลอดโชว์ ส่วนตัวคิดว่าแอร์ในฮอลล์อาจจะร้อนไปนิด แต่ไม่ได้ทำลายบรรยากาศในค่ำคืนนั้นมากนัก และที่หาที่ติไม่ได้น่าจะเป็นการแสดงสดของ Troye ที่แบ่งส่วนการร้องเพลง เอนเตอร์เทน และพูดคุยได้อย่างพอดีไม่ขาดไม่เกิน และน้ำเสียงของเขาที่นุ่มละมุน และร้องได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ สมกับเป็นนักร้องนักแต่งเพลงวัยรุ่นที่แต่งเพลงได้เหมาะกับโทนเสียงของตัวเองที่สุด ทำให้ตลอดการแสดงไม่เห็นท่าทีของ Troye ในการพยายามโหนเสียงที่ตัวเองไม่ถนัดเลยแม้แต่ครั้งเดียว

สิ่งที่ทำให้โชว์ครั้งนี้ยังเรียกว่า “เพอร์เฟกต์” ได้ไม่เต็มปาก เห็นจะเป็นฟีดแบกจากคนดูในฮอลล์ที่ไม่ร้อนแรง และไม่จริงจังเท่ากับพร็อพต่างๆ ที่ถือเข้างานกันมาอย่างพร้อมเพรียง ทุกครั้งที่หนุ่ม Troye ยื่นไมค์ให้ร้องตาม เชียร์ให้คนดูเต้น ร้องท่อนนู้นท่อนนี้ ขอเสียงขอพลังเพิ่ม กลับได้รับการตอบรับอย่างเบาบางกว่าที่คิด มีเสียงร้อมตามอย่างตั้งใจแค่เป็นบางจุด โดยรวมทั้งฮอลล์เสียงกรี๊ดยังดังกว่าเสียงร้องตามมากนัก แม้ว่าจะเป็นเพลงดังอย่าง “Bloom”, “Wild”, “Fools” หรือแม้กระทั่งช่วงอังกอร์อย่าง “Youth” และ “My My My!” เรายังแอบคิดว่าเสียงยังดังได้มากกว่านี้ Troye พูดแม้กระทั่งว่า “4 นาทีนับจากนี้จะเป็น 4 นาทีสุดท้ายของผม และวงแบกอัพที่จะจบทัวร์นี้ไปด้วยกัน และอีกนานกว่าเราจะได้กลับมาอีกครั้ง เรามาปล่อยพลังไปสุดๆ ด้วยกันนะ” แต่ผลลัพธ์ที่ได้เรายังเชื่อว่ามันยังมีเหนียมอาย ความอยากถ่ายคลิปของแฟนๆ หลายคนอยู่ จึงทำให้เสียงยังไม่กระหึ่มหนำใจ Troye สักเท่าไร แต่ Troye ก็ยังน่ารักยิ้มแย้ม กล่าวขอบคุณแฟนเพลงอีกครั้ง ก่อนโบกมือลาลงเวทีไป

อย่างไรก็ตาม Troye Sivan ตอกย้ำความคิดของเรา และใครหลายๆ คนอีกครั้งว่าเขาไม่ได้มีดีแค่หน้าตา และชื่อเสียงที่มาจากการเป็นยูทูปเบอร์ หรือนักแสดงฮอลลีวูด แต่ฝีมือการทำเพลง การแสดงสดต่อหน้าคนนับพัน ความคิดความอ่าน ความกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง และพร้อมที่จะส่งต่อความกล้า และกำลังใจดีๆ ให้กับผู้อื่น ถือว่า Troye Sivan สอบผ่านการเป็นศิลปิน เป็นไอคอนของคนรุ่นใหม่ได้อย่างไม่ต้องสงสัย และเราเชื่อว่าเขาจะยังไปได้ไกลบนถนนสายนี้อีกหลายปีแน่นอน

____________________

Story : Jurairat N.

Photos : Live Nation BEC-Tero