“Soul After Six ความทรงจำของก้อนหิน” รำลึกความทรงจำแห่งดนตรีโซลที่รอคอยมา 16 ปีเต็ม | Sanook Music

“Soul After Six ความทรงจำของก้อนหิน” รำลึกความทรงจำแห่งดนตรีโซลที่รอคอยมา 16 ปีเต็ม

“Soul After Six ความทรงจำของก้อนหิน” รำลึกความทรงจำแห่งดนตรีโซลที่รอคอยมา 16 ปีเต็ม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากจะหาวงดนตรีแนวโซล “แท้ๆ” ในเมืองไทยสักวง คุณพอจะนึกออกบ้างไหม...

Soul After Six คือชื่อแรกที่โผล่ขึ้นมาในหัวของเราในทันที 3 สมาชิกอย่าง ปึ่ง-ณรงค์ฤทธิ์ สุพรรณเภสัช (ร้อง, คีย์บอร์ด), ปิงปอง-วิศรุตเทพ สุพรรณเภสัช (ร้อง, คีย์บอร์ด) และ บิ๊ก-ศรุต วิจิตรานนท์ (เบส) ได้สร้างปรากฏการณ์ในการนำพาจิตวิญญาณแห่งโซลมาสู่นักฟังเพลงชาวไทย ไล่เรียงมาตั้งแต่อัลบั้มเปิดตัวที่ชื่อ Soul After Six ในปี 2539 ต่อด้วย The Rhythm ในอีก 6 ปีต่อมา อัลบั้มพิเศษ Mellow Moods กับการคัฟเวอร์เพลงเด็ดเพลงดังออกมาในสไตล์โซล ก่อนจะหายหน้าหายตาไปพักใหญ่ และหวนคืนกลับมาปล่อยซิงเกิลอีกครั้งนับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา

23 ปีโดยประมาณในวงการเพลงบ้านเรา หากจะบอกว่า Soul After Six กลายเป็นศิลปินรุ่นใหญ่ไปแล้วคงไม่ผิดนัก แถมยังเป็นไอคอนของบรรดาศิลปินรุ่นหลังอีกมากมาย แม้ว่าพักหลังๆ เราจะได้ฟังเพลงจากพวกเขาอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เราจึงยังคิดถึงวงดนตรีวงนี้อยู่เนืองๆ

แล้วอยู่มาวันหนึ่ง พวกเขาก็ประกาศคอนเสิร์ตใหญ่เต็มรูปแบบ... แบบไม่ให้สุ้มให้เสียง ทว่าเต็มไปด้วยความยินดีปรีดาของแฟนเพลงที่ตามมาตั้งแต่ยี่สิบกว่าปีก่อน กับคอนเสิร์ต Soul After Six ความทรงจำของก้อนหิน” จัดโดย VIJI CORP ซึ่งขอลองมาหยิบจับศิลปินไทยดูบ้าง

บรรยากาศ ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาคึกคักเอาการ เท่าที่สังเกตวัยรุ่นอาจจะน้อยหน่อย แต่แทนที่ด้วยแฟนคลับตัวยงที่รอคอยคอนเสิร์ตนี้มายาวนาน 16 ปี...

ใช่แล้วครับ... คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งก่อนของ Soul After Six จัดขึ้นเมื่อ 16 ปีที่แล้ว ซึ่งผู้เขียนก็ไม่ได้มีโอกาสเดินทางไปชม และสารภาพตรงนี้เลยว่า นี่คือครั้งแรกในชีวิตของผู้เขียนที่จะได้ดูเทพแห่งดนตรีโซลวงนี้เล่นสด

>> ค่ำคืนแห่งดนตรีโซล “Soul After Six” เตรียมมีคอนเสิร์ตใหญ่ 31 พ.ค. นี้

ปิงปอง-ปึ่ง-บิ๊ก ปรากฏตัวในชุดสูทสีขาว ตัดกับนักดนตรีด้านหลังในชุดโทนสีดำที่ยืนเรียงรายอยู่เต็มพื้นที่เวที เสียงเครื่องเป่าอันเป็นเอกลักษณ์แห่งท่วงทำนองโซลของเพลง “เห็นฉันไหม” ดังก้องขึ้นเป็นสัญญาณว่า คอนเสิร์ต “Soul After Six ความทรงจำของก้อนหิน” ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว “คนละทางเดียวกัน”, “ลำพัง” และ “คำเดียวว่า” คือสามเพลงแรกที่ทำเอาบรรยากาศในฮอลล์นั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่น ก่อนที่เราจะได้ทราบหลังจากนั้นว่า วงแบ็คอัพเกือบทั้งหมดเป็นรุ่นเก๋าที่เคยร่วมเล่นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งก่อนของ Soul After Six อีกด้วย... ขนลุกอย่างจริงจัง

เซตลิสต์ในคอนเสิร์ตหนนี้ของ Soul After Six จัดวางได้อย่างมีเสน่ห์ เพลงช้า เร็ว เก่า ใหม่ สลับกันอย่างลื่นไหล เพลง “เก็บเอาไว้” มาพร้อมกับมือกลองคนพิเศษที่ก้าวขึ้นสู่เวที ต๊อด-วรรณยศ มิตรานนท์ ซึ่งถือเป็นมือกลองคนแรกของ Soul After Six ซึ่งเขาก็ขึ้นมาแจมในหลายๆ เพลง ก่อนจะถึงคิวของแขกรับเชิญคนแรกอย่าง มาเรียม เกรย์ ที่ออกมาร่วมร้องในเพลง “คงรักตลอดไป” อีกทั้งเธอยังได้โชว์พลังเสียงต่อแบบเต็มๆ ในเพลง “ยังไม่ชิน” ที่พูดได้คำเดียวว่า... เพราะมาก

นอกจากแต่ละเพลงในความทรงจำที่ Soul After Six ค่อยๆ ละเลียดเล่นบนเวทีจนทำให้ยิ้มไม่หุบแล้ว ในช่วงต้นของคอนเสิร์ตเรายังมีความสุขมากๆ กับซาวด์โดยรวมบนเวทีที่ได้ยินทุกเม็ด คีย์บอร์ด 4 เครื่อง (รวมของปิงปองและปึ่งแล้ว) คอรัส 3 คน กีตาร์, แซกโซโฟน, ทรัมเป็ต เครื่องละ 2 ชิ้น ร่วมด้วยเพอร์คัสชั่น, กลองชุด, เบส, ทรอมโบน อีกอย่างละ 1 ทุกภาคส่วนมาเต็มโสตประสาท เรียกได้ว่าเพลงก็เพราะ ซาวด์ก็ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง

บทเพลงที่ไม่ได้ยินมาเนิ่นนานทยอยเข้าหู “เวลา”, “วันของเรา”, “คำตอบ” ซึ่งนำเพลงของ Yokee Playboy มาคัฟเวอร์, “เข้าใจไปเอง” ที่ฟังสดๆ แล้วไพเราะกว่าเดิมหลายเท่า รวมไปถึง “สัญญา” ที่แทบไม่เคยเล่นสดที่ไหน ก่อนจะต้อนรับอีกหนึ่งนักดนตรีระดับเซียนอย่าง แป๊ป-วิโรจน์ สถาปนาวัตร มือเบสแห่งวง Infinity อาจารย์ของ บิ๊ก ศรุต ที่ขอมาแบทเทิลเบสกับลูกศิษย์ในเพลง “รักแล้ว” ทว่าน่าเสียดายที่ปัญหาทางเทคนิคเสียงดันมาเกิดกับอีกหนึ่งเพลงมาสเตอร์พีซเพลงนี้

อ.แป๊ป ยังคงอยู่บนเวทีกับเพลง “ขอเพียงเวลา” ก่อนที่พระเพทราชาแห่งละคร บุพเพสันนิวาส จะออกมาทำหน้านี้นักร้องกับเพลง “ในฝัน” รวมถึงเดี่ยวเปียโนในเพลงสุดซึ้งอย่าง “หมื่นล้านคำ” ที่ทำเอาน้ำตาของมือเบสหน้าหล่อไหลไม่หยุด ทะเลดาวก็ไม่ต้องร้องขอ แฟนเพลง Soul After Six จัดให้

“พวกเราเตรียมคอนเสิร์ตนี้มา 16 ปี พวกเราจะไม่ยอมปล่อยให้ปัญหามันเกิดขึ้นต่อไป” คำกล่าวบนเวทีของ ปึ่ง ที่บอกกล่าวต่อแฟนๆ เพราะนับจากเพลง “รักแล้ว” เป็นต้นมา ปัญหาเรื่องซาวด์ยังเกิดขึ้นอยู่โดยตลอด Soul After Six จึงตัดสินใจพักเบรก 15 นาทีเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้หมดสิ้นเสียทีเดียว ทุกคนต่างปรบมือให้กับความหาญกล้านี้ แม้ว่าโชว์จะไม่ต่อเนื่อง ทว่าด้วยความเป็นมืออาชีพ และในฐานะศิลปินเจ้าของคอนเสิร์ต... พวกเขาละเลยไม่ได้จริงๆ

15 นาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว เรายังคงลุ้นอย่างใจจดใจจ่อว่าปัญหาจะถูกแก้ไขได้หรือไม่ เพราะซาวด์ช่วงแรกนั้นดิบดีจนแอบเสียดาย Soul After Six เริ่มต้นพาร์ตหลังด้วย “ดินแดนแห่งความฝัน” ที่หลายคนรอคอย หลังจากนั้นก็เป็นโชว์ไทม์ของแขกรับเชิญคนต่อมา เบน-ชลาทิศ ตันติวุฒิ ที่มาแจมในเพลง “รอ...คงเพียงพอ” ที่น่าจะเป็นโมเมนต์ที่ผู้เขียนประทับใจที่สุดของคอนเสิร์ตหนนี้ ด้วยอารมณ์ของเพลงและการเรียบเรียงดนตรีที่ไต่ระดับพีคขึ้นไปเรื่อยๆ เหมือนกับว่าพวกเขาลากเราเข้าไปอยู่ในภวังค์แห่งความเศร้าอย่างไรอย่างนั้น

ทุกคนในฮอลล์ยังคงได้สัมผัสความทรงจำของก้อนหินทุกก้อนของ Soul After Six อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น “กลัว”, “อีกทีได้ไหม” ตัดสลับกับโซโล่กลองชุดจาก ต๊อด วรรณยศ และต้อนรับอีกหนึ่งนักกีตาร์มือฉมังของบ้านเรา แฮงค์-โอสถ ประยูรเวช แห่งวง Bangkok Connection เจ้าของสมญานาม จอร์จ เบนสัน ของเมืองไทย ที่ขึ้นมาร่วมสร้างสีสันในเพลง “ยังมี” เพลงในตำนานของวงเฉลียง ก่อนที่ Soul After Six จะยกเวทีให้ แฮงค์ มาซัดสาดความสนุกในจังหวะฟังกี้กับเพลง “ใจต่างใจ” ที่หลายคนคงคุ้นหูกับเวอร์ชั่นของ มาลีวัลย์ เจมีน่า

3 สมาชิกแห่ง Soul After Six กลับขึ้นสู่เวทีด้วยสูทดำต่างจากในช่วงต้น และจัดเต็มให้แฟนๆ กันต่อทั้ง “วันของเรา”, “ทิ้งฉันไว้” ที่ได้แขกรับเชิญคนสุดท้าย บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ ที่หลงใหลในดนตรีโซลและดิสโก้เช่นกันมาแจม แถมยังมี “ถ้าปล่อยให้เธอเดินผ่าน” ผลงานจาก Groove Riders ที่ฟังอย่างไรก็ได้กลิ่นอาย Soul After Six อยู่ดี

ทิ้งท้ายด้วยเซตเพลงฮิตที่ทำเอาน้ำตารื้น “ข่าวร้าย”, “รักเก่าเก่า” ซึ่งได้สุดยอดมือแซกโซโฟน โก้-เศกพล อุ่นสำราญ หรือ Mr. Saxman ซึ่งเป็นผู้บันทึกเสียงแซกฯ ตัวจริงมาร่วมเล่นบนเวที, “จังหวะชีวิต”, “เจ้าพายุ” แถมยังมีแขกลับๆ อย่าง Tattoo Colour ที่มาขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในเพลง “จากกันด้วยดี” ต่อเนื่องด้วย “รู้” และเพลงดิสโก้จัดจ้านอย่าง “Nude” ที่นอกจากโชว์ฝีมือทางดนตรีระดับพระกาฬแล้ว ยังเป็นช่วงที่ผู้ชมมีโอกาสได้รู้จักขุนพลนักดนตรีที่ประจำการอยู่ด้านหลังอีกด้วย

และแล้วก็ถึงเวลาของ “ก้อนหินละเมอ” บทเพลงที่ทุกคนต่างตกหลุมรัก ต่างอยู่ในความทรงจำมายาวนานกว่า 20 ปีที่ยังคงไพเราะไม่เปลี่ยน ก่อนจะปิดคอนเสิร์ตครั้งนี้ด้วยเพลง “เคียงเธอ” ที่เปรียบเสมือนความรู้สึกซึ่ง Soul After Six ให้ความเชื่อมั่นกับเหล่าแฟนเพลงว่าพวกเขาไม่เคยหายไปไหน เพราะอย่างน้อย วงดนตรีโซลวงนี้ก็ยังแอบซ่อนอยู่ในซอกหลืบแห่งความทรงจำของทุกคนนั่นเอง

>> เพราะ “Soul After Six” ไม่ได้มีแค่ “ก้อนหินละเมอ” 6 เพลงรักแบบฉบับโซลที่อยากให้คุณฟัง

จะว่าไป “Soul After Six ความทรงจำของก้อนหิน” ถือเป็นคอนเสิร์ตที่แทบจะไม่มีที่ติ แน่นอนว่า Soul After Six ไม่ได้มีโชว์ที่หวือหวาจัดจ้าน แต่พวกเขากลับใช้ดนตรีโซลที่สุขุมและนุ่มลึกมาใช้เป็นอาวุธ ทุกเพลงคือเพลงอันเป็นที่รักซึ่งก่อนหน้านี้แทบจะไม่มีโอกาสได้ดูเวอร์ชั่นสด หากจะเอ่ยว่านี่คือคอนเสิร์ตที่สาวก Soul After Six จะไม่มีวันลืม... เราว่ามันคือเรื่องจริงนะ

ในพาร์ตดนตรีขอเรียกว่าเป็น “บุญตา” ที่ได้เห็นการบรรเลงของแต่ละเครื่องจากศิลปินแต่ละคน ทั้งเก๋า ทั้งเก่ง และไม่แย่งซีนกันเอง แต่ละบทบาทหน้าที่ต่างหาจุดลงตัวและเรียบเรียงออกมาได้อย่างน่าตื่นเต้นและน่าติดตาม อย่างที่เกริ่นไปในช่วงแรกของบทความว่า ซาวด์ดีมาก นานแล้วที่ไม่ได้ดูคอนเสิร์ตศิลปินไทยที่ซาวด์เยี่ยมขนาดนี้ น่าเสียดายที่เกิดปัญหาบางประการ ทำให้อารมณ์ของโชว์ขาดตอนไปสักหน่อย อีกทั้งยังส่งผลให้ความยาวของโชว์นั้นยืดออกไปอีก และในความเห็นส่วนตัว แม้จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว แต่ในความรู้สึกส่วนตัว ซาวด์ในช่วงหลังก็ยังยอดเยี่ยม... เพียงแต่ว่าอาจไม่เทียบเท่าร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนในช่วงต้นคอนเสิร์ตนั่นเอง

นับจากวันนี้ไม่รู้ว่า Soul After Six จะมีโชว์เต็มรูปแบบอีกครั้งเมื่อไหร่ แต่คอนเสิร์ต “Soul After Six ความทรงจำของก้อนหิน” ที่เล่าทุกๆ ความทรงจำที่ผ่านมาของก้อนหินทั้ง 3 ก้อนที่ทั้ง 3 สมาชิกเปรียบเปรยกับตนเอง ก็ได้เข้าไปอยู่ในความทรงจำของแฟนเพลงทุกคนเป็นที่เรียบร้อย... อย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น

 

Story by: Chanon B.
Photos by: VIJI CORP

อัลบั้มภาพ 136 ภาพ

อัลบั้มภาพ 136 ภาพ ของ “Soul After Six ความทรงจำของก้อนหิน” รำลึกความทรงจำแห่งดนตรีโซลที่รอคอยมา 16 ปีเต็ม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook