“Safeplanet Neonplanet Concert” จักรวาลนีออนอันแสนสง่างาม การเติบโต และการเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด
วงดนตรีเล็กๆ วงหนึ่ง วงดนตรีอิสระที่ไม่ได้สังกัดค่ายเพลงใด ทำเพลงกันเอง นำซีดีไปวางขายกันเอง นำของที่ระลึกไปจำหน่ายกันเอง ภายใต้แถวคิวยาวเหยียดแทบทุกงาน บทเพลงแต่ละเพลงที่ไม่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “ซิงเกิลโปรโมต” เพราะทยอยปล่อยจนเกือบครบอัลบั้ม ต่างได้รับการตอบรับที่ยอดเยี่ยม เหล่า Safeboys และ Safegirls (ชื่อเรียกแฟนเพลงของพวกเขา) ต่างร้องตามเสียงดังสนั่น ไม่ว่าเพลงๆ นั้นจะเป็นเพลงที่ปล่อยมานานหลายปี หรือจะแอบซ่อนอยู่ในแทร็คใดแทร็คหนึ่งของอัลบั้มก็ตาม
หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อในวงการเพลงยุคปัจจุบัน... แต่ Safeplanet ทำได้
ระยะเวลากว่า 4 ปีกับการค่อยๆ เดินไต่ขึ้นเขาไปเรื่อยๆ จุดสูงสุดบนยอดเขานั้น ก็คงหนีไม่พ้นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในชีวิตของ Safeplanet ในชื่อ “My Beer presents Safeplanet Neonplanet Concert” ที่ผู้เขียนรู้สึกหัวใจพองโตตั้งแต่แรกเห็นทีเซอร์ เพราะพวกเขาคืออีกหนึ่งวงดนตรีที่เราเฝ้ามองการเดินทางซึ่งเต็มไปด้วยความน่าสนใจ และยังคงหลงรักท่วงทำนองที่พวกเขาสรรค์สร้างอย่างหัวปักหัวปำ
3 สมาชิกอย่าง เอเลี่ยน-ฐิติภัทร อรรถจินดา (ร้องนำ, กีตาร์), ดอย-อภิวิชญ์ คำฟู (กลอง, เพอร์คัสชั่น) และ ยี่-ชยปัญญ์ จันทรานุสนธิ์ (เบส) คือคลื่นลูกใหม่ของวงการดนตรีบ้านเราอย่างไม่มีเงื่อนไข อย่างไร้ข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น
เป็นไปตามคาด บรรยากาศ ณ สถานที่จัดแสดงอย่าง มนตรี สตูดิโอ ลาดพร้าว 101 แน่นขนัดไปด้วยเหล่า Safeboys และ Safegirls ซึ่งเท่าที่กวาดสายตามองก็เป็นกลุ่มวัยรุ่นมัธยมปลายไปจนถึงมหาวิทยาลัยเสียเป็นส่วนใหญ่ น่าปลื้มปิติที่นักฟังเพลงอีกหนึ่งเจเนอเรชั่นยังคงหลงใหลในการมาดูมาชมการเล่นสดของวงดนตรีที่พวกเขาหลงรัก การันตีด้วยบัตรคอนเสิร์ตที่ขายหมดเกลี้ยงในพริบตา ซึ่งเรื่องหลังนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกอะไรสักเท่าไหร่สำหรับ Safeplanet
ก้าวเท้าเข้าสู่ฮอลล์ด้านใน กับการขับขานเพลงแจ๊สเป็นการต้อนรับ เคลิบเคลิ้มชิลๆ อยู่สักพักก็ถึงเวลาของ Anatomy Rabbit อีกหนึ่งวงดนตรีนอกกระแสที่ค่อยๆ เพิ่มความนิยมทีละเล็กทีละน้อย กระต่ายตัวนี้มีแนวทางเป็นอินดี้ป็อปเฉกเช่นเดียวกับเจ้าของคอนเสิร์ต หลายเพลงแฟนๆ ร้องตามกันได้ อาทิ “ยังเยาว์”, “Udon Town”, “สภาวะเดียวดายบนดาวอังคาร”, “ขับรถเล่น”, “Wonder Why?” โดยเฉพาะสองเพลงหลังเรียกได้ว่ากระหึ่มอยู่เหมือนกัน แถมยังเปิดกล่องของขวัญสุดพิเศษ เล่นเพลงแรกจากอัลบั้มชุดใหม่กับ “ออกมายัง” ให้ทุกคนได้ฟังเป็นที่แรกของโลกอีกต่างหาก
Anatomy Rabbit ถือเป็นอีกหนึ่งวงที่น่าจับตามองในสายอินดี้ป็อปเมืองไทย ด้วยเมโลดี้ที่จดจำง่าย เรื่องราวที่นำเสนอก็มีแบบฉบับของตนเองซึ่งน่าสนใจไม่น้อย ทว่าสำหรับการเล่นสดอาจยังขาดความเฉียบคมอยู่พอสมควร อีกทั้งในคอนเสิร์ตหนนี้ซาวด์ในย่านต่ำทั้งเบสและกระเดื่องค่อนข้างล้นอยู่ไม่น้อย รวมไปถึงการติดๆ ดับๆ ของเสียงเพลงที่ออกมา ทำให้ความต่อเนื่องของโชว์ขาดตอนอยู่พอสมควร
ตามกำหนดการคือในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เราจะได้สัมผัสกับจักรวาลนีออนของ Safeplanet กันแล้ว แต่เวลาล่วงเลยไปกว่า 1 ชั่วโมง พร้อมกับการออกมาเซตเครื่องดนตรีใหม่ ซึ่งไม่น่าใช่เรื่องราวปกติที่จะเกิดขึ้นในคอนเสิร์ตใดคอนเสิร์ตหนึ่ง ในใจพลันคิดว่า ระบบเสียงน่าจะมีปัญหาไม่มากก็น้อย ได้แต่ภาวนาด้วยความหวังว่าคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงของวงและทีมงานทุกคน
ในที่สุด เอเลี่ยน-ดอย-ยี่ ก็ก้าวขึ้นสู่เวทีพร้อมเสียงปรบมือให้กำลังใจดังสนั่น กับอินเทอร์ลูดนำเข้าด้วยเสียงเครื่องสายที่เต็มไปด้วยมนต์ขลัง พร้อมกับ 3 เพลงที่ทำให้ทุกคนได้รู้จักกับ Safeplanet อย่างเป็นทางการไม่ว่าจะเป็น “โอยา”, “กล่องดำ” และ “ระบาย” ความตื่นตาตื่นใจจากวงแบ็คอัพของพวกเขาที่ไม่เคยเห็นจากการเล่นสดโชว์ไหนมาก่อน ด้านซ้ายหันหน้าเข้าเวทีคือกลุ่มนักดนตรีเครื่องสาย ไล่เรียงมาถึงทีมคอรัส คีย์บอร์ดและมือกีตาร์ขาประจำ ปิดท้ายด้วยเซตเครื่องเป่า
แม้ช่วงต้นโชว์ซาวด์จะยังไม่เข้าที่เข้าทางแม้แต่น้อย แต่เราก็ยังค่อนข้างมีความสุขกับแต่ละเพลงในอัลบั้ม Safeboys ที่พวกเขาหยิบมาเล่นทีละเพลงไปเรื่อยๆ ทั้ง “ลอง”, “ห้องกระจก” รวมไปถึง “กอดความเจ็บช้ำ” และ “แสงสว่าง” ที่เพิ่มเติมสีสันของเครื่องสายอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย รวมไปถึง “ตัดสินใจ” ที่หนุ่มดอยมีโอกาสได้โซโล่กลองในสไตล์เฉพาะตัวของเขา ไม่หวือหวา แต่เท่เป็นบ้า
อีก 2 เพลงเพราะประจำอัลบั้มอย่าง “ดินแดน” และ “เพียงเธอ” ดังขึ้นพร้อม 2 แขกรับเชิญอย่าง สฤษฎ ตันเป็นสุข มือทรัมเป็ตจากวง T-Bone และวง Whal & Dolph ตามลำดับ เล่นเอาบรรยากาศในฮอลล์หม่นเศร้าไปตามๆ กัน โดยเฉพาะเพลงหลังที่เล่นสดได้ไพเราะเหลือเกิน (ยกให้เป็น แมจิก โมเมนต์ ของผู้เขียนเลยก็ว่าได้) ต่อเนื่องด้วยอีกหนึ่งเพลงเศร้าอย่าง “คำตอบ” ที่เข้าไปอยู่ในใจใครหลายคน ก่อนที่ Safeplanet จะปิดท้ายโชว์ด้วย “ข้างกาย” กับความหมายดีๆ ที่พวกเขาอยากส่งต่อไปถึงแฟนเพลง
อย่างที่เกริ่นนำไปว่า Safeplanet เป็นวงดนตรีที่ผู้เขียนติดตามผลงานมาตั้งแต่เพลงแรกๆ ที่พวกเขาปล่อยสู่สาธารณชน ท่ามกลางการแข่งขันในวงการดนตรีที่เข้มข้น แต่คอนเสิร์ตในครั้งนี้เป็นข้อพิสูจน์ชั้นเยี่ยมว่า วงดนตรีอิสระไร้ค่ายไร้สังกัดวงนี้น่าจะเป็นวงดนตรีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโพสิชั่นเดียวกัน 12 เพลงจากอัลบั้ม Safeboys ไม่มีเพลงไหนที่เหล่าสาวกนิ่งเงียบ ช่วยส่งเสียงร้องตาม ตะโกนให้กำลังใจวงอยู่โดยตลอด แม้จะเป็นโชว์ที่ไม่ยาวมากนัก แต่ก็อิ่มเอมกับบทเพลงที่เต็มไปด้วยความเฉพาะตัว แถมด้วยการเรียบเรียงบางท่อนบางวรรคเสียใหม่ได้อย่างลงตัวและน่าฟัง จนอยากให้มีบันทึกการแสดงสดเก็บมาดูอีกครั้งยามที่คิดถึง
แต่แน่นอนว่าการที่ Safeplanet มีเพียง 12 เพลงอยู่ในมือ โชว์ที่ไม่ยาวมากนักก็อาจสั้นเกินไปในทางกลับกัน เหมือนโชว์กำลังค่อยๆ พุ่งไปแตะจุดสูงสุดของเทือกเขา แล้วก็จำเป็นต้องกระโดดลงมาในทันทีทันควันอะไรเทือกนั้น รวมไปถึงการตีโจทย์คำว่า Neonplanet หรือ จักรวาลนีออน อาจยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมมากสักเท่าไหร่ ซึ่งเราอาจจะพกความคาดหวังในการไปพบเจอกับนีออนหลากสีในแบบจัดจ้านที่วางเอาไว้สำหรับแต่ละเพลงมากไปสักหน่อย
ในขณะที่เรื่องซาวด์โดยรวมที่มีปัญหา ทางวงก็ได้ออกมาชี้แจงในภายหลังเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้แต่แอบเสียดายถึงเรื่องติดๆ ดับๆ ของเสียงที่ทำให้โชว์ไม่ต่อเนื่อง รวมถึงบางพาร์ต อาทิ เครื่องสาย หรือ เครื่องเป่า ที่โดดเด่นในบางท่อนของบางเพลงนั้นค่อนข้างโดนกลบจนเราไม่ได้ยินไฮไลท์ของเครื่องดนตรีนั้นๆ รวมไปถึงย่านต่ำที่ดีขึ้นมาเล็กน้อยจากวงเปิด แต่ท้ายที่สุดเราก็ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กับ Safeplanet
เพราะเราเชื่อเสมอว่า ไม่มีใคร... ไม่เคยผิดพลาด
และความผิดพลาด มักนำไปสู่การเรียนรู้ ซึ่งเป็นบ่อเกิดของความสำเร็จเสมอมา... และตลอดไป
ซึ่ง Safeplanet Neonplanet Concert ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวแห่งความเติบโตของวงดนตรีที่ชื่อ Safeplanet อย่างแท้จริง แถมเป็นการเติบโตอันแสนสง่างาม ในความตั้งใจ ในความมุมานะ ในความกดดัน และเพียรพยายามจนถึงวินาทีสุดท้ายเสียด้วย
Story by: Chanon B.
Photos by: MJokerSniper
อัลบั้มภาพ 31 ภาพ