เรามาถึงจุดที่บัตรงานแฟนมีทติ้งราคา 7,500 บาทได้อย่างไร? โดย คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง

ไอดอลชายที่ถือเป็นอันดับหนึ่งของวงการตอนนี้คงหนีไม่พ้น คัง แดเนียล อดีตเซนเซอร์ของวง Wanna One ที่ตอนนี้มาเป็นศิลปินเดี่ยวเต็มตัวและเพิ่งปล่อยอีพีแรกที่ชื่อ Color on Me เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาและทำยอดขายถล่มทลายแบบไม่ผิดคาด และต่อมาแดเนียลก็ประกาศว่าจะจัดงานแฟนมีตติ้งในเอเชีย แน่นอนว่าแฟนคลับก็ลุ้นกันว่าเขาจะมาประเทศไทยด้วย

ผู้เขียนมักได้รับคำถามจากคนรอบตัวอยู่บ่อยครั้งว่า "แฟนมีตติ้ง" คืออะไร ต่างจากคอนเสิร์ตอย่างไร ถ้าให้สรุปแบบหยาบๆ มันก็คือมินิคอนเสิร์ตที่ผสมด้วยกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะพูดคุยกับแฟนคลับหรือสุ่มเรียกผู้โชคดีไปร่วมเล่นเกมบนเวที โดยปกติแล้วงานแฟนมีตจะไม่ได้เน้นโปรดักชันที่ยิ่งใหญ่อลังการ (หลายครั้งที่ผู้เขียนเจองานแฟนมีตที่ระบบเสียงแย่พอๆ กับลำโพงตลาดนัดแถวบ้าน) แต่เน้นความกันเองใกล้ชิดกับศิลปิน นี่เองจึงเป็นสาเหตุที่แฟนคลับยอมจ่ายให้กับงานแฟนมีต

 

จากประสบการณ์ที่ไปงานแฟนมีตมาพอสมควร ผู้เขียนมักแนะนำกับเพื่อนๆ น้องๆ ว่าให้ไปเฉพาะงานแฟนมีตของศิลปินที่เรา "อิน" มากๆ เท่านั้น ไม่ใช่ไปเรื่อยเปื่อยเสียทุกงาน เพราะหลายครั้งบรรดาเกมหรือกิจกรรมต่างๆ ที่ทำบนเวทีมันก็ไม่เวิร์กหรือไม่ได้ต่างไปจากงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัทเลย แต่ทุกอย่าง "รอด" ได้เพราะความผูกพันที่เรามีต่อศิลปิน จะทำอะไรก็ดูน่ารักน่าเอ็นดูไปหมด แต่ถ้าเป็นศิลปินที่เราไม่ได้อินมาก ก็จะกลายเป็นการนั่งหน้าเซ็งหรืออิหยังวะไปตลอดทั้งงาน

เมื่อสมัยสักสิบปีที่แล้ว (โบราณมาก...) ราคาบัตรของงานแฟนมีตมักจะถูกกว่าคอนเสิร์ตใหญ่ และมีราคาสูงสุดอยู่ที่ราวๆ 2-3 พันบาท ก่อนที่ค่อยๆ ขึ้นมาที่ 5-6 พันบาทในที่สุด การถีบตัวสูงขึ้นของราคาบัตรยังพอเข้าใจได้ เพราะบัตรคอนเสิร์ตเป็นสินค้าประเภทที่ราคามีแต่จะสูงขึ้นและแทบไม่มีวันถูกลง แต่สิ่งที่ประหลาดคือปัจจุบันราคาบัตรงานแฟนมีตนั้นไม่ได้แตกต่างจากคอนเสิร์ตใหญ่เลย และเหมือนจะเป็นเรื่องที่แฟนคลับยอมรับกันได้แล้ว (แต่ติ่งรุ่นดึกดำบรรพ์แบบผู้เขียนยังไม่ค่อยชินเท่าไร)

สำหรับงานแฟนมีตของหนุ่ม คัง แดเนียล ก็มีเรื่องที่ต้องร้องโอ้โห เมื่อประกาศออกมาว่าบัตรแพงสุดอยู่ที่ 7,500 บาท (ส่วนถูกสุดคือ 2,500 บาท) ผู้เขียนเองมีเพื่อนที่ทำงานเป็นโปรโมเตอร์จัดคอนเสิร์ตอยู่บ้าง บางส่วนก็บอกว่าผู้จัดไม่ได้อยากให้คอนเสิร์ตมีราคาแพงหรอก แต่ค่าตัวของศิลปินบางรายก็สูงจริงๆ ซึ่งแน่นอนว่าค่าตัวของแดเนียลต้องสูงสมสถานะไอดอลยืนหนึ่ง แต่เมื่อพิจารณาว่าบัตรแพงสุดมีราคาใกล้เคียงกับสิงคโปร์หรือฮ่องกง ก็อดคิ้วขมวดไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าบัตรงานแฟนมีตหรือคอนเสิร์ตใดๆ จะเป็นสินค้าไม่ได้แคร์เรื่องค่าครองชีพสักเท่าไร

อีกหนึ่งงานที่ผู้เขียนต้องมานั่งปวดหัวกับเพื่อนคืองานแฟนมีตของวง GOT7 (เอาจริงๆ ก็ยังงงว่าเป็นแฟนมีตหรือเปล่าเพราะเขาใช้คำว่า Fan Fest) ที่จัดโชว์ถึงเจ็ดรอบ แต่ละรอบจะมีโซโล่ของสมาชิกหนึ่งคน แต่เหวอที่สุดคือสิทธิการไฮทัชกลับเป็นศิลปินอีกคนที่ไม่ใช่คนที่แสดงโซโล่ พูดง่ายๆ ว่าถ้ามีเมมเบอร์คนโปรดแล้วอยากดูทั้งโซโล่สเตจและไฮทัชก็ต้องซื้อบัตรอย่างน้อย 2 รอบ

 

นี่เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ใครเห็นต้องอุทานออกมา (จะอุทานว่าอะไรก็แล้วแต่คน) นั่งไล่อ่านคอมเมนต์ของแฟนคลับก็มีแต่เสียงตำหนิและไม่เห็นด้วย แต่เป็นเรื่องน่าเศร้าใจว่าสงครามระหว่าง "แฟนคลับ" กับ "ผู้จัด" ดูเป็นศึกที่ฝ่ายแรกแพ้อยู่เสมอ ด้วยอำนาจต่อรองที่ฝ่ายหลังมีมากกว่าและแฟนคลับต้องยอมด้วย loyalty ที่มีต่อศิลปิน

หลายครั้งที่เสียงบ่นโวยวายของแฟนคลับก่อนเริ่มงานไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ (แต่ผู้จัดที่รับฟังก็มีเหมือนกัน อย่างเช่นงานแฟนมีตของทิฟฟานี่เมื่อปีก่อนที่ย้ายทั้งวันจัดและสถานที่) หรือกรณีที่จัดงานออกมาห่วยแตก ผู้จัดก็เพียงขอโทษด้วยประโยคแกนๆ ว่า “ขออภัยหากมีข้อผิดพลาดใดๆ” เพื่อนของผู้เขียนเคยทำเรื่องฟ้องร้องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่เรื่องราวก็เงียบหายไปกับสายลม

แต่เคสที่ช็อกที่สุดน่าจะเป็นงานแฟนมีตของวง After School เมื่อหลายปีก่อนที่งานออกมาย่ำแย่ชนิดเหลือทน ผู้เขียนวิจารณ์งานในแง่ลบอย่างรุนแรง แต่คอมเมนต์ที่ได้รับคือ “ด่าเค้าแล้วมีปัญญาจัดงานแบบเค้าได้หรือเปล่า” (!?) และ “เค้าอุตส่าห์พาวงมา เขียนแบบนี้เดี๋ยวเค้าก็ไม่พามาอีกหรอก” (โอ้โห ยังหวังให้ผู้จัดรายนี้จัดงานอีกเหรอจ๊ะ) เหล่านี้น่าจะเป็นปัญหาร้ายแรงที่สุดนั่นคือแฟนคลับบางคน (ย้ำว่าแค่บางคน) ไม่คำนึงถึง "สิทธิผู้บริโภค" ของตัวเองเท่าที่ควร จนเป็นเหตุที่เราต้องตกอยู่ใน "กรงกรรม" ของการขึ้นราคาและการตลาดอันซับซ้อนต่อไป

 

 

 

Photos : Unusual, 4NOLOGUE, Korean Celeb Gossip

____________________

ผู้เขียน - คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง

(Kanchat Rangseekansong)

เปิดโลกดนตรีและไอดอลกับคันฉัตร