"WHITEHAUS #3" คืนปล่อยความอัศจรรย์ของ 17 ศิลปิน "White Music"
ปัจจุบันนี้ถือเป็นธรรมเนียมไปแล้ว ที่หลายๆ ค่ายเพลงจะมีคอนเสิร์ตที่รวมศิลปิน ซึ่งค่าย White Music ในเครือ GMM Grammy เองก็เป็นอีกหนึ่งค่ายที่มีกิจกรรมนี้ โดยใช้ชื่อว่างาน WHITEHAUS ซึ่งจัดมาแล้ว 2 ครั้งในปี พ.ศ. 2559 และ 2560 ก่อนที่จะห่างหายไปสองปีเต็มๆ
เนื่องจากปัจจุบันค่าย White Music เองก็ได้เติบโตอย่างรวดเร็วจนมี 17 ศิลปินในค่าย ไม่ว่าจะเป็น เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร, โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน, อะตอม-ชนกันต์ รัตนอุดม, ลุลา (ตุ๊กตา - กันยารัตน์ ติยะพรไชย), แพรว-คณิตกุล เนตรบุตร, มิ้นท์-ภัทรศยา ยงรัตนมงคล, ป๊อบ-ปองกูล สืบซึ้ง, เบล-สุพล พัวศิริรักษ์, หมู Muzu (บัณฑิต แซ่โง้ว), โอปอ-ประพุทธ์ พิมพามา, SIN (ทศพร อาชวานันทกุล), อาย-ญาณิน พันธัย, เดือน จงมั่นคง, เหวยเหวย-ปภัสสร ฮัน, getsunova, Jetset’er และ Meyou (มิว-ชิษณุชา ตันติเมธ) ทำให้พวกเขาได้กลับมาพร้อมงาน WHITEHAUS #3 Time Traveller Concert ในวันที่ 21-22 กันยายน พ.ศ. 2562 ณ รอยัล พารากอนฮอลล์ ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์การท่องเวลา
ด้วยความที่มีศิลปินมากถึง 17 ชีวิต ทำให้เราสงสัยว่างาน WHITEHAUS #3 Time Traveller Concert จะออกมาในรูปแบบไหนภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง และในขณะเดียวกันก็ยังต้องคงคอนเซ็ปต์ของงานไว้ จนเราแอบกลัวว่ามันจะออกมาไม่ดีแบบที่เราคิด
และในวันที่ 21 กันยายน เราเองก็มางาน WHITEHAUS #3 Time Traveller Concert เพื่อหาคำตอบของสิ่งที่กำลังคาใจ ซึ่งตัวงานก็เริ่มขึ้นเมื่อทุกศิลปินได้ร้องเพลง “ไปด้วยกันไหม” ขณะที่ปรากฏตัวท่ามกลางคนดู และตามด้วยเพลง “แตกต่างเหมือนกัน” ของ getsunova พร้อมขอบคุณแฟนๆ เพื่อล้อฉากตอนจบของคอนเสิร์ต ก่อนที่จะมี VTR ที่สื่อถึงการย้อนเวลาไปอดีต โดยมีภาพวิธีการสื่อสารและสิ่งของที่เคยฮิตปรากฏในคลิปดังกล่าว
เมื่อ VTR จบทุกศิลปินกลับขึ้นมาแสดงเพลงดังจากอดีตและปัจจุบันสลับสับเปลี่ยนกันไปในพาร์ทที่ใช้ชื่อว่า ก๊อปปี้โชว์ ซึ่งเริ่มโดย ป๊อบ และ โอ๊ต ที่เซอร์ไพรส์ทุกคนด้วยการร้องเพลง “Bounce” ของ กอล์ฟ-พิชญะ นิธิไพศาลกุล และ ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล ก่อนที่ Jetset’er จะโชว์เพลง “ยังยินดีครับเพื่อน” ของ U.H.T. ในมาดบอยแบนด์ ซึ่งหลังจาก 2 เพลงนี้จบ หลายๆ ศิลปินก็แวะเวียนมาโชว์เพลงที่ทำให้แฟนๆ อึ้ง ไม่ว่าจะเป็น เบล สุพล ที่โชว์เพลง “I Need Somebody” ของ บี้-สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว, มิ้นท์ ที่โชว์สเต็ปการเต้นในเพลง “OK นะคะ” ของ แคทรียา อิงลิช, ลุลา ที่ร้องเพลง “รักติดไซเรน” จากละครเรื่อง My Ambulance รักฉุดใจนายฉุกเฉิน
นอกจากเพลงแดนซ์แล้ว ก็มีศิลปินที่โชว์เพลงร็อคอย่าง Muzu ที่ขอโชว์ความเท่ผ่านเพลง “แสงสุดท้าย” ของ Bodyslam หรือ SIN ที่ฉีกแนวโชว์เพลง “Bye Bye” ของศิลปินญี่ปุ่น นานาเสะ ไอคาวะ และ อะตอม ผู้เลือกเพลง “เอาไปเลย” ของ Micro (ไมโคร) ในขณะที่ศิลปินหญิงอย่าง แพรว คณิตกุล ขอโชว์พลังเสียงในเพลง “หนึ่งเดียวคนนี้” ของ ปุ๊-อัญชลี จงคดีกิจ จนทำให้เราลืมภาพศิลปินเสียงใสของเธอไปชั่วขณะ เช่นเดียวกับน้องใหม่อย่าง เหวย เหวย ที่เซอร์ไพรส์ทุกคนด้วยการร้องเพลง “ไม่มีเธอ ไม่ตาย” ของ แก้ม-วิชญาณี เปียกลิ่น พร้อมโชว์เทคนิคการร้องแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นการหวีดเสียง การใส่ลูกเล่นการร้องแบบต่างๆ ที่เธอถนัดเข้าไปในโชว์
ถึงแม้ว่าพาร์ทเริ่มต้นของงานจะมีบางศิลปินที่เลือกฉีกแนวตัวเอง แต่ก็มีบางคนที่ตัดสินใจเลือกแสดงเพลงที่ใกล้เคียงกับแนวทางตัวเอง แต่ก็แอบสอดแทรกเซอร์ไพรส์เอาไว้ อย่างเช่น เป๊ก ที่เลือกร้องเพลงป๊อปแดนซ์ “ด้วยรักและปลาทู” ของ มอส-ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ พร้อมโปรยเสน่ห์ความน่ารักและเรียกเสียงกรี๊ดถล่มทลาย หรือ Meyou ที่ร้องเพลง “ปาฏิหารย์” ของ กบ-ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี ซึ่งเขาได้เพิ่มท่อนแร็ปในสไตล์ตัวเองเข้าไปในเนื้อร้อง
หลังจากการแสดงเพลงย้อนอดีตจบลง ลุลา และ ป๊อบ ก็ได้ต้อนรับแฟนๆ อย่างเป็นทางการ ก่อนนำเข้าสู่ช่วง WHITEHAUS การละคร ที่โอ๊ต ปราโมทย์ นำแสดงบทของคนในยุคปัจจุบันที่ย้อนไปในช่วงยุค 2000 ตอนต้น และพบกับ เป๊ก ผลิตโชค ที่กำลังจะส่งเดโม่ตัวเอง และทีมงานรายการ Five Live รวมถึงเหล่าคนดังในอดีตซึ่งรับบทโดยเพื่อนศิลปินค่าย White Music ซึ่งรวมถึง เป๊ก-เปรมณัช สุวรรณานนท์ พิธีกรดังที่มาเป็นแขกรับเชิญ โดยถึงแม้ว่าพาร์ทละครนี้จะมีบางส่วนที่ไม่ถูกต้องตามไทม์ไลน์ อย่างเช่นการเอ่ยถึงเหตุการณ์และศิลปินยุค 90 ในขณะที่ละครเน้นเล่าเหตุการณ์ยุคปี 2000 แต่ภาพรวมของโชว์พาร์ทนี้ก็ออกมาสนุก และ เรียกเสียงหัวเราะมากมายจากมุกที่ทางทีมงานขนมาใส่ในสคริปต์ และการแสดงที่จัดเต็มของศิลปิน
ตอนที่พาร์ทการละครจบ เป๊ก ผลิตโชค ก็ได้โชว์เพลง “ไม่มีใครรู้” ของเขาเพื่อส่งต่อให้เพื่อนๆ ศิลปินในค่ายมาโชว์เพลงฮิตตัวเอง สลับกับการพูดคุย ซึ่งนอกจากศิลปินรุ่นพี่จะออกมาโชว์เพลงตัวเองแล้ว พาร์ทนี้เรายังได้ฟังผลงานของศิลปินใหม่อย่างเพลง “ฟุ้ง” ของ เหวย เหวย, “เช่นเคย” ของ ญาณิน, “ว่างเปล่า” ของเดือน และเพลง “ภาวนา” ของ Meyou ซึ่งเป็น 4 ศิลปินใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวไม่ถึงปี รวมถึงการแสดงของศิลปินที่เป็นคลื่นลูกใหม่ของค่ายอย่าง มิ้นท์ ที่ร้องเพลง “พบเธอก่อน” และ โอปอ ที่สะกดคนดูด้วยซิงเกิล “ควันเหงา” ของเขา โดยพาร์ทนี้ศิลปินรุ่นพี่ก็ได้ถือโอกาสแนะนำแฟนๆ ของค่ายให้รู้จักเหล่าน้องใหม่ในเวลาเดียวกัน
เนื่องจากคอนเสิร์ต WHITEHAUS #3 เป็นงานรวมศิลปินในค่าย White Music ดังนั้นคราวนี้ก็มีการแลกเพลงกันร้องด้วย โดยเริ่มจากอะตอมที่ร้องเพลง “ติดตลก” ของโอ๊ตด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยอินเนอร์ SIN และ ญาณิน ที่เซอร์ไพรส์ทุกคนด้วยเพลง “รู้ดีว่าไม่ดี” ของ getsunova ป๊อบ ปองกูล ที่ร้องเพลง “คนถูกทิ้ง” ของ Muzu ซึ่งนอกจากเพลงที่กล่าวมาแล้ว พาร์ทนี้ก็การแสดงที่หลายคนคาดไม่ถึง ซึ่งก็คือการที่ลุลาหยิบเพลง “ช่วงนี้” ของอะตอมมาโชว์ลีลาการร้องที่ผสมผสานความเป็นแจ๊ส และการเต้นสไตล์ลีลาศที่แฝงความเซ็กซี่จนเรียกเสียงกรี๊ดได้ตลอดโชว์
ส่วนทางฝั่งของวงดนตรีอย่าง getsunova และ Jetset’er ก็มีโชว์พิเศษ โดยพวกเขาได้นำเพลง “จูบ”, “โดดเดี่ยวด้วยกัน” และ “วัดใจ” ของ Silly Fools มาร้องเพื่อเร้าอารมณ์ผู้ชมที่เพิ่งฟังเพลงรักเนื้อหาเศร้าๆ ไป ซึ่งพวกเขาได้ฉีกภาพวงดนตรีป็อปและแสดงมาดความร็อคแบบจัดเต็มในแบบที่หลายคนอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งการแสดงนี้ก็เหมือนช่วงเปลี่ยนผ่านเพลงช้า ก่อนเข้าสู่ความสนุกสนานในช่วงท้าย
ในพาร์ทของเพลงเร็วที่อยู่ช่วงท้ายของคอนเสิร์ตเองก็เริ่มขึ้นเมื่อ เบล สุพล ได้โชว์เพลง “Kill This Love” ของ BLACKPINK และ Muzu ที่เผยมุมสนุกๆ ในเพลง “กา กา กา” ของ ปาล์มมี่-อีฟ ปานเจริญ ร่วมกับลุลา ซึ่งในพาร์ทนี้เหล่าศิลปินได้ขนเพลงดังจากหลากหลายค่ายมาโชว์ ไม่ว่าจะเป็นเพลง “คิดฮอด” ของ Bodyslam ที่แสดงโดยวง Jetset’er และ เหวยเหวย เพลง “Uptown Funk” ของ Bruno Mars ที่ถ่ายทอดโดย เป๊ก, อะตอม, Meyou และ โอปอ ก่อนจะปิดท้ายพาร์ทนี้ด้วยเพลง “มีหัวใจแต่ไม่อยากรัก” ที่เจ้าของเพลงอย่าง เป๊ก ร่วมแจมกับ ป๊อบ และ โอ๊ต
ก่อนที่งานคอนเสิร์ตจะจบลงศิลปินทุกคนก็ได้แยกย้ายไปประจำตามจุดต่างๆ ของงานใกล้คนดู และ ร้องเพลง “แตกต่างเหมือนกัน” พร้อมพูดคุยกับแฟนๆ ถึงมิตรภาพพร้อมอัปเดตว่าเร็วๆ นี้โอ๊ต และ เอ็ด-จุมภฏ จรรยหาญ มือกลองวง Jetset’er กำลังจะขยับขยายและมีผลงานใหม่นอกค่าย White Music ซึ่งเมื่อการพูดคุยจบ ทุกๆ ศิลปินก็ร่วมร้องเพลง “มันคือความรัก” ของลุลา เพื่อส่งแฟนๆ กลับบ้าน
ถ้าให้เรานิยามคอนเสิร์ต WHITEHAUS #3 ใน 3 คำ เราคงเรียกงานนี้ว่า "คืนปล่อยของ" เพราะถึงแม้หลายๆ ศิลปินจะพูดไม่เก่งจนมีความติดขัดตรงพาร์ทการพูดคุยบ้าง แต่แฟนๆ ก็ยังได้เห็นศิลปินที่พวกเขาชอบโชว์ความสามารถที่หลายคนคาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็น เบล, ลุลา, มิ้นท์ ที่โชว์สเต็ปการเต้น หรือการที่ SIN, แพรว คณิตกุล ได้โชว์ร้องเพลงในสไตล์ที่พวกเขาไม่ค่อยได้ทำ หรือแม้แต่ เป๊ก ผลิตโชค และ หมู Muzu ที่โชว์ความสามารถด้านการแสดง ซึ่งพาร์ทที่หมูได้รับบทเป็นเจ้าพ่อเพลงแดนซ์ เจ-เจตริน วรรธนะสิน กับการแสดงของแพรวที่ต้องสวมคาแรคเตอร์ของ อมิตา-ทาทา ยัง ในช่วง WHITEHAUS การละคร ก็สร้างเสียงหัวเราะให้กับแฟนๆ ซึ่งเราเองจะไม่แปลกใจเลย ถ้าแฟนๆ บางคนมีศิลปินในดวงใจเพิ่มขึ้นหลังงานจบ
ทางฝั่งของศิลปินใหม่อย่าง เดือน, ญาณิน, เหวย เหวย และ Meyou รวมถึง มิ้นท์ และ โอปอ ที่เพิ่งเข้ามาร่วมค่ายเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ก็ได้พิสูจน์ให้แฟนๆ เห็นว่าพวกเขาสามารถแสดงได้ดีบนเวทีใหญ่ และในขณะเดียวกันก็มีคาแรคเตอร์ทางดนตรีและผลงานที่น่าติดตาม ซึ่งในงานนี้คนที่ทำให้เราอึ้งมากสุดก็คือ เหวย เหวย ที่นอกจากจะโชว์ความสดใสในเพลง “ฟุ้ง” แล้ว เธอยังเลือกที่จะระเบิดพลังเสียงในเพลง “ไม่มีเธอ ไม่ตาย” และการร้องสไตล์หมอลำในเพลง “คิดฮอด” จนทำให้เราตกใจกับความสามารถที่ซ่อนอยู่ของเธอ ซึ่งเราเองต้องขอปรบมือให้ทีมงานและหัวเรือใหญ่ค่ายอย่าง อาร์ม-รัฐการ น้อยประสิทธิ์ ที่พาพวกเขาเข้ามาสู่บ้าน White Music
ส่วนทางฝั่งของสคริปต์งานนั้น เราเองประทับใจในแง่ที่ทุกศิลปินมีแอร์ไทม์โชว์ความสามารถตัวเองทุกคน รวมถึงมีการนำมุกมาสอดแทรกจนเรียกเสียงหัวเราะแฟนๆ ได้ตลอด แต่ในขณะเดียวกันเราเองก็แอบรู้สึกเสียดายที่การแสดงช่วงเพลงฮิตไปจนถึงพาร์ทเพลงปาร์ตี้ ไม่มีเหตุการณ์ที่บ่งบอกถึงคอนเซ็ปต์ความเป็น Time Traveller ชัดเจนเหมือนพาร์ทแรก นอกเหนือไปจากการที่บางศิลปินพูดถึงการย้อนเวลา การนำเพลงจากช่วงยุคปี ค.ศ. 2000-2010 มาสอดแทรกในเซ็ทลิสต์ หรือการตกแต่งเวทีของบางโชว์ที่มีกลิ่นอายย้อนยุค ซึ่งทำให้เรามองว่าพาร์ทนี้แอบดูโดดๆ ไปจากพาร์ทเริ่มต้นที่มีการสื่อถึงเรื่องราวการเปลี่ยนยุคสมัยทางดนตรีอย่างชัดเจน
ทางฝั่งของดนตรีนั้น Music Director อย่าง หนึ่ง-จักรวาล เสาธงยุติธรรม และทีมนักดนตรีก็ทำซาวด์ดนตรีออกมาได้ดี และเข้ากับโชว์ เพราะงานนี้หลายๆ เพลงได้มีการเรียบเรียงดนตรีใหม่จนต่างจากต้นฉบับชัดเจน จนเราแอบอยากเห็นบางผลงานถูกเอามาทำเป็นซิงเกิลพิเศษ อย่างเช่นเพลง “ช่วงนี้” ในสไตล์ลุลา หรือเพลง “ติดตลก” เวอร์ชั่นอะตอม แต่ถึงแม้ซาวด์ดนตรีจะออกมาดี แต่ก็มีเหตุการณ์ผิดพลาดเกิดขึ้นบ้าง อย่างเช่นการแสดงของ Meyou ที่ไมค์ดับช่วงแรกตอนร้องเพลง “ปาฏิหารย์” ซึ่งทางทีมงานเองเมื่อเห็นเหตุการณ์ ก็ทำการเปลี่ยนไมค์อย่างรวดเร็วจนการแสดงดำเนินต่อไปได้ ส่วนพาร์ทอื่นๆ ของงานอย่างเช่น VTR บนจอและแสงสีเสียงก็ออกมาดีและเข้ากับการแสดงแต่ละช่วง
WHITEHAUS #3 Time Traveller Concert ทำให้เราตื่นเต้นกับทิศทางและการเติบโตของบ้าน White Music ในวันที่หลายๆ ศิลปินพัฒนาตัวเองไปข้างหน้าและเติบโตไปกับแฟนคลับที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเราแอบคิดว่าวันหนึ่งงาน WHITEHAUS อาจเติบโตจากคอนเสิร์ตยาว 5 ชั่วโมง กลายเป็นเทศกาลดนตรีเต็มวันที่มีแฟนๆ เข้าร่วมเป็นจำนวนมากก็ได้
อัลบั้มภาพ 29 ภาพ