Shawn Mendes พาทุกคนเดินทางผ่านการเติบโตบนสายดนตรีในทัวร์ล่าสุด

Shawn Mendes หนุ่มน้อยหน้าตาดีวัย 21 ปีที่เริ่มทัวร์คอนเสิร์ตตั้งแต่อายุ 16 ปี เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในวงการเพลง บ่มเพาะจนได้เป็นอัลบั้มล่าสุดอัลบั้มที่ 3 ที่เขาใช้ชื่อตัวเองว่า Shawn Mendes ตั้งเป็นชื่ออัลบั้ม การกลับมาเมืองไทยครั้งที่ 2 ของเขาจึงเป็นที่คาดหวังของแฟนเพลงในไทย และเด็กอินเตอร์ในเมืองไทยเป็นอย่างมากว่าคราวนี้ในคอนเสิร์ตของเขาจะมีอะไรให้เราได้ตื่นตาตื่นใจเหมือน หรือมากกว่าคราวที่แล้วหรือไม่

>> (รีวิว) Shawn Mendes กับโชว์ที่พิสูจน์ความสามารถไอดอลของเด็กไทยได้เป็นอย่างดี

 

ค่ำคืนวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี กับ SHAWN MENDES: THE TOUR โดย BEC-Tero Entertainment เจ้าเก่า คราคร่ำไปด้วยกลุ่มแฟนเพลงกลุ่มเดิม คือเด็กมัธยม และมหาวิทยาลัยทั้งไทย และต่างชาติ แต่เราแอบเห็นวัยทำงานที่มาดูคอนเสิร์ตกันเป็นคู่ และเป็นกลุ่มหนาตามากกว่าทัวร์ครั้งที่แล้ว อาจจะเพราะเพลงของ Shawn Mendes ในอัลบั้มล่าสุดมีทิศทางแนวดนตรีที่เติบโตขึ้นตามวัยของเขา จนได้ฐานแฟนเพลงที่ขยายกว้างมากขึ้นไปด้วย เราเอาก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบเพลงในอัลบั้มล่าสุดนี้ไม่แพ้ 2 อัลบั้ม จนทำให้ยอมดั้งด้นฝ่ารถติดในวันธรรมดามาที่อิมแพ็ค อารีน่าโดยไม่บ่นสักคำ (แม้ว่าจะใช้เวลามากถึง 2.30 ชม. ก็ตาม) 

หลังการตรวจกระเป๋าอย่างเข้มงวด 2 ครั้ง เราก็ได้รับริสแบนด์มาสวมที่ข้อมือคล้ายคอนเสิร์ต Coldplay ที่ราชมังฯ เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา ทำให้ตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีกว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้จะต้องมีไฟกระพริบเปลี่ยนสีสวย ๆ แน่ ๆ และเมื่อเวลาเกือบ 21.00 น. ไฟในฮอลล์ดับลง หนุ่ม Shawn Mendes ปรากฏกายบนเวทีหลัก โดยมีกุหลาบดอกใหญ่ซ่อนไฟเปลี่ยนสีได้ห้อยอยู่กลาง (แทนที่ลูกโลกในทัวร์ Illuminate) พร้อมกับไฟที่ข้อมือที่เปลี่ยนไปตาม mood & tone และจังหวะของเพลง เท่านี้ก็เรียกเสียงกรี๊ดให้กับผู้ชมในฮอลล์ได้ไม่ยากแล้ว ยิ่งเพลงแรกอุ่นเครื่องเบา ๆ พร้อมกับเพลงจังหวะกลาง ๆ (ที่เป็นเพลงโปรดของเราในอัลบั้มนี้) อย่าง “Lost in Japan” ยิ่งสร้างพลังงานบวกให้กับแฟน ๆ ได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เปิดโชว์เลยทีเดียว

BEC-Tero Entertainment

BEC-Tero Entertainment

ต่อกันด้วยเพลงจังหวะสนุก ๆ จากอัลบั้มเก่าอย่าง “There’s Nothing Holdin’ Me Back” ที่ทุกคนพร้อมใจกันตะโกนร้องตามหนุ่ม Shawn กันอย่างเต็มที่ ต่อด้วย “Nervous”, “Stitches” ก่อนเข้าสู่เพลงจังหวะช้าลงอย่าง “I Know What You Did Last Summer” ที่หนุ่ม Shawn แอบใส่ท่อนเพลง “Señorita” ลงไปสั้น ๆ ด้วย (เสียดายที่ไม่ได้ฟังเพลงนี้เต็ม ๆ) ก่อนจะจัดเข้าเพลง “Mutual” ดิ่ง ๆ ช้า ๆ ไปกับ “Bad Reputation” และเหงา ๆ เศร้า ๆ กับ “Never Be Alone” ที่สองเพลงหลัง Shawn สลับเครื่องดนตรีจากกีตาร์มาเปียโนกลับไปกลับมาได้อย่างครบเครื่อง และเสียงร้องก็ส่งพลังได้ถึงผู้ฟังได้เป็นอย่างดีเช่นกัน

แล้วก็มาถึงเวลาของ B-Stage สเตจรองตรงกลางดอกกุหลาบใหญ่โตกลางฮอลล์ ที่หนุ่ม Shawn เล่นเปียโนตัวเล็กให้ได้เห็นกันอย่างใกล้ชิดใน “I Wanna Dance With Somebody (Who Loves Me)” เพลงคัฟเวอร์จากผลงานของ Whitney Houston ตามมาด้วยเซ็ตเมดเลย์ “Because I Had You”, “A Little Too Much”, “Patience”, “When You're Ready” ก่อนจะซึ้ง ๆ กันอีกครั้งกับ “Life of the Party” ที่หนุ่ม Shawn ถามว่า “มีใครติดตามผลงานของผมตั้งแต่อัลบั้ม Handwritten บ้างไหมครับ ?” แล้วแฟน ๆ ก็ยกมือพรึ่บกันทั้งฮอลล์ และร้องตามเพลงนี้กันอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะลาจากเวทีนี้ไปด้วย “Like To Be You” และ “Ruin” ที่ Shawn สลับมาเล่นกีตาร์ได้อย่างคล่องแคล่ว

BEC-Tero Entertainment

BEC-Tero Entertainment

กลับมาที่เวทีหลักกับเซ็ตที่เราเรียกว่ารวมเพลงฮิต ทั้ง “Treat You Better” และ “Particular Taste”  สนุก ๆ กันไปสักพักจนค่อย ๆ ลดจังหวะลงด้วย “Where Were You in the Morning?”, “Fallin’ All in You” ที่เป็นเพลงที่แต่งร่วมกับ Ed Sheeran (และเพลงมีความเป็น Ed สูงมาก) และ “Youth” ที่มาในเวอร์ชั่น acoustic ที่หนุ่ม Shawn ย้ำว่า “อยากให้ทุกคนที่ฟังเพลงนี้เข้าใจว่า Youth ในที่นี้ไม่ได้พูดถึงอายุ แต่พูดถึงทุกคนที่อยู่ในฮอลล์นี้ ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ตาม พวกเรามีพลังที่จะร่วมกันเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้” เท่านี้ก็ยิ่งทำให้เพลงนี้มีพลังมากกว่าเดิม เรียกเสียงปรบมือให้แฟน ๆ ในฮอลล์ได้ในทันที

ก่อนจะลาจากเวทีไป Shawn กลับมาเร่งจังหวะสนุก ๆ อีกครั้งด้วย “If I Can’t Have You” ที่เขาส่งเสียงให้ทุกคนร้องเพลงตามไปด้วยตลอดเพลง จนกลายเป็นอีกหนึ่งช่วงไฮไลท์เล็ก ๆ ของโชว์ในค่ำคืนนี้ ต่อด้วย “Why” และ “Mercy” และไม่ต้องรอช่วง encore ให้เสียเวลา เพราะ Shawn เซอร์ไพรส์ผู้ชมต่อด้วย “Fix You” เพลงคัฟเวอร์จาก Coldplay และ “In My Blood” ที่ปล่อยพลังเต็มที่ก่อนลงจากเวทีไปด้วยเสียงกรี๊ด และเสียงปรบมือกึกก้อง

BEC-Tero Entertainment

การกลับมาในครั้งนี้ของ Shawn Mendes เติบโตขึ้นในทุกด้าน ทั้งเพลงที่ไม่ได้พูดถึงเรื่องความรักชายหญิงเพียงอย่างเดียวอย่างใน “Youth” และ “In My Blood” หรือการโชว์สกิลนักดนตรีอย่างเต็มที่กับการเล่นเปียโน และกีตาร์สลับไปมาอย่างคล่องแคล่ว และยังมีช่วงโซโล่กีตาร์ให้ได้ดูกันเพลิน ๆ อีกด้วย นอกจากนี้การใช้เสียงในช่วงเพลงช้าอย่าง “Bad Reputation” ก็ทำให้แฟน ๆ สัมผัสถึงบรรยากาศที่เต็มไปด้วยอารมณ์ดำดิ่งได้ค่อนข้างดี แต่อาจจะมีช่วงเพลงเร็วอย่าง “Particular Taste” หรือช่วงเพลงอื่น ๆ ที่ยังควบคุมการใช้เสียงได้ไม่ดีนัก ช่วงเสียงสูงอาจจะสูงจนล้นแสบหู และใช้เสียงสะบัดปลายมากเกินไปในบางช่วง แต่เรื่องของการเอนเตอร์เทนยังต้องยกให้เพราะหนุ่ม Shawn แรงดีไม่มีตก ส่งเสียงเชียร์ให้แฟน ๆ ร้องตามตลอดการแสดง และยังลดแลกแจกแถม fan service อย่างไม่มีกั๊ก บวกกับแสงสีเสียงที่ตระการตามากขึ้น ทั้งไฟจากริสแบนด์จากข้อมือของทุกคนในฮอลล์ ดอกกุหลาบตั้งเด่นเป็นสง่ากลางฮอลล์ และวิชวลกราฟิกบนจอรูปวงกลมบนเวทีที่ขับเน้นธีมดอกกุหลาบให้เด่นชัดขึ้น ยิ่งทำให้โชว์นี้เห็นการพัฒนามากขึ้นในทุกด้านมากขึ้นไปอีก

Shawn Mendes ในวัย 21 ปีที่ทัวร์รอบโลกมาครั้งที่ 2 แล้วเห็นการพัฒนาที่ดีขึ้นในทุกด้านอย่างนี้ ยิ่งทำให้เราใจจดจ่อรอคอยการแสดงของเขาในทัวร์ครั้งหน้าว่าจะทำได้ประทับใจเหมือนกันครั้งที่ผ่าน ๆ มาอีกหรือไม่ และเราว่าอาจจะไม่ต้องรอนาน เพราะดูแล้วหนุ่มคนนี้มีไฟในการทำงานเพลงล้นเหลือเหลือเกิน แฟน ๆ วางใจได้เลย