“Disco in Tuxedo” ราตรีพิศวงของ “บุรินทร์” และแขกรับเชิญในคราบวายร้าย
เวลาพูดถึงเพลงแนวดิสโก้ในไทย ชื่อของศิลปินกลุ่มอย่างวง Groove Riders ที่นำโดยนักร้องนำอย่าง บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ น่าจะเป็นชื่อแรกที่หลายคนนึกถึง เพราะพวกเขาเป็นศิลปินที่มาพร้อมเพลงที่มีกลิ่นอายดนตรีแนวดังกล่าว ซึ่งหลายๆ ผลงานของวงนับตั้งแต่เปิดตัวในปี พ.ศ. 2544 ก็เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
นอกจากเพลงฮิตแล้ว เสน่ห์และเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ บุรินทร์ ก็ทำให้เขากลายเป็นศิลปินที่มีผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง และเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ ซึ่งทำให้เมื่อเขาได้มีคอนเสิร์ตใหญ่เต็มรูปแบบในชื่อ Burin Boonvisut Disco in Tuxedo ในวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2562 ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งงานนี้ บอล-กันต์ รุจิณรงค์ มือกีตาร์ประจำวง อพาร์ตเมนต์คุณป้า มารับหน้าที่เป็นมิวสิคไดเร็คเตอร์ของโชว์
คอนเสิร์ต Burin Boonvisut Disco in Tuxedo ที่เป็นการร่วมมือระหว่างต้นสังกัดของบุรินทร์อย่าง Muzik Move Records, ทีมงาน Mi6 Bangkok และบริษัท GAN ที่บริหารโดย เต็ด-ยุทธนา บุญอ้อม หรือ ป๋าเต็ด ได้รับความสนใจตั้งแต่ปล่อยทีเซอร์ของงานในธีมสายลับ และเผยแขกรับเชิญอย่าง 2 สาวแซ่บ โบ-สุรัตนาวี สุวิพร และ จ๊อยซ์-กรภัสสรณ์ รัตนเมธานนท์ จากวง Triumphs kingdom, พระเอกหนุ่มฮอต นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ, แร็ปเปอร์มาแรง Twopee Southside (โต้ง-พิทวัส พฤกษกิจ), ดีโว่เสียงทรงพลัง เบน-ชลาทิศ ตันติวุฒิ วงดนตรีโซล The Parkinson และศิลปินเพลงแดนซ์แถวหน้า เจ-เจตริน วรรธนะสิน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นศิลปินที่มีความโดดเด่นในสไตล์ตัวเอง จนทำให้บัตรงานคอนเสิร์ตครั้งนี้ขายหมดก่อนวันงานจะมาถึง
เนื่องจากเราเองมีโอกาสได้ร่วมชมคอนเสิร์ต The Lyrics Of Love : Greatest Hits of Dee & Boyd และ J Adrenaline 360° ที่บุรินทร์ร่วมแสดงในฐานะศิลปินรับเชิญที่ทำให้เราได้สัมผัสเสน่ห์ขณะแสดงสดของเขาทั้งในแง่การร้องไปจนถึงการพูดคุยและเคลื่อนไหวตามจังหวะดนตรี จนทำให้เราอยากเห็นการแสดงของเขาบนเวทีที่เป็นของเขาเอง
หลังจากที่เข้าฮอลล์ตคอนเสิร์ตไม่นาน การแสดงก็เริ่มขึ้นเมื่อมีคลิปอินโทรการแสดงที่คล้ายซีนเปิดตัวหนังสายลับ และตามด้วย บุรินทร์ ที่ปรากฎตัวด้านหลังวงดนตรีและร้องเพลง “Spotlight” ผลงานเดี่ยวเพลงแรก ก็ตามด้วย “Amplify Love” และ “Superstar” ที่ทำกับ Groove Riders ก่อนที่จะทักทายแฟนๆ และโชว์เพลงที่เขาชอบอย่าง “ได้โปรดบอก” และ “พบกันบนดวงดาว” ท่ามกลางสีสันจากดนตรีของวง The Soul Smith ที่คอยสนับสนุนการแสดง และแสงสีเสียง รวมถึงกลุ่มแดนเซอร์ที่มาพร้อมลีลาการเต้นที่ร้อนแรง
ช่วงกลางของการแสดง ก็ถึงคราวที่ บุรินทร์ จะต้องเผชิญหน้ากับแขกรับเชิญ ที่เขาเรียกว่าคนร้ายตามธีมของงาน ซึ่งแขกรับเชิญกลุ่มแรกที่ขึ้นมาบนเวทีคือ The Parkinson ที่นอกจากจะโชว์เพลงดังของตัวเองแล้ว กานต์-นิภัทร์ กำจรปรีชา นักร้องนำ ก็ร้องเพลง “ศัตรูที่รัก” พร้อมโซโล่กีตาร์สะกดผู้ฟัง และเมื่อพาร์ทของ The Parkinson จบก็ถึงคิวของ นาย ณภัทร ที่ขึ้นมาโชว์พร้อมร้องเพลง “สัญญา” ที่ บอย โกสิยพงษ์ นักแต่งเพลงแถวหน้าที่เขียนผลงานนี้โดยให้บุรินทร์ถ่ายทอด
การแสดงของบุรินทร์ และ แขกรับเชิญในคอนเสิร์ตครั้งนี้จะเป็นการผสมผสานระหว่างการประชันความสามารถ และการที่บุรินทร์แปลงโฉมการแต่งกาย และ โชว์ความสามารถแบบใหม่เพื่อที่จะทำโชว์ที่กลมกลืนไปกับเกสต์ของเขา เพราะหลังจากที่เขาร้องเพลง “ถ้าปล่อยให้เธอเดินผ่าน” เขาก็แปลงโฉมเป็นมาเฟียจีนเพื่อร้องเพลง “ผ้าเช็ดหน้า” กับ Triumphs Kingdom ก่อนที่จะโชว์แร็ปขณะร้องเพลง “แค่เธอก็พอ” กับ Twopee และปิดท้ายช่วงกลางของการแสดงด้วยการพูดคุยกับเพื่อนนักร้องที่ร่วมงานมานานอย่าง เบน ชลาทิศ และร้องเพลง “September” ของ Earth, Wind & Fire ด้วยกัน ซึ่งเบนก็ได้เซอร์ไพรส์แฟนๆ ในช่วงการแสดงเดี่ยวของตัวเอง ด้วยการโชว์ร้องและเล่นเปียโนเพลง “Bohemian Rhapsody” ของวง Queen กับเพลง "I Will Survive" ของ Gloria Gaynor ที่มีการนำเนื้อเพลง"เจ้าตาก" ของ Carabao มาสอดแทรก
เมื่อส่งเบนลงจากเวที บุรินทร์ ก็กลับมาพร้อมโชว์เพลง “ขอโทษ” ที่เขาได้ลงจากเวทีไปแสดงต่อหน้าแฟนๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมชักชวนให้ อะตอม-ชนกันต์ รัตนอุดม ผู้แต่งเพลง “ขอโทษ” ที่นั่งชมการแสดงมาร่วมร้อง และระหว่างที่เดินทักทายแฟนๆ เขาก็ร้องเพลงฮิตอย่าง “รักไม่ได้” ที่แฟนๆ Groove Riders คิดถึง โดยขณะที่อยู่ด้านล่างเวทีเขาก็โอบกอด จุมพิตมือแฟนคลับหญิงที่เข้ามาทักทายจนเรียกเสียงกรี๊ดสนั่นฮอลล์
ก่อนที่จะเริ่มช่วงท้ายของงาน แขกรับเชิญคนสุดท้ายอย่าง เจ เจตริน ที่เพิ่งร่วมงานกับบุรินทร์ในงาน J Adrenaline 360° ก็ได้มาปรากฎตัวพร้อมเพลง “ฝากเลี้ยง” และ “ประมาณนี้หรือเปล่า” ที่ทำแฟนๆ กระโดดสนั่นฮอลล์ ซึ่งในงานครั้งนี้ เจ เปรียบเสมือนบอสของแขกรับเชิญในคราบวายร้าย และเมื่อบุรินทร์ก้าวขึ้นมาบนเวทีทั้งสองก็ร่วมร้องเพลง “ลมหายใจ” อีกหนึ่งผลงานในตำนานของ บอย โกสิยพงษ์ ด้วยกัน
ในช่วงท้ายของงานก็จะมาพร้อมการแสดงของบุรินทร์กับแขกรับเชิญ ไม่ว่าจะเป็นเพลง “Cosmetics” ที่มี Triumph Kingdom มาแจม, เพลง “She’s Hot” กับ กานต์ The Parkinson และเพลง “เมาไม่ขับ” กับ เบน ชลาทิศที่มีการผสมผสานท่อนร้องจากเพลง “That’s The Way (I Like It)” ของ KC & The Sunshine Band รวมถึงเพลง “คนใจร้าย” ที่ Twopee มาร่วมแจมและสอดแทรกท่อนแร็ปเพลง “Lots of love” ของตัวเองเข้าไปในโชว์ ก่อนที่ทุกแขกรับเชิญจะมาแจมกับบุรินทร์ในเพลง “Hormone” ซึ่งสร้างบรรยากาศอันครื้นเครงในฮอลล์
ถึงแม้ว่าจะมีภาพ VTR สไตล์ End Credit ภาพยนตร์ขึ้นบนจอ แต่สุดท้ายแล้ว บุรินทร์ ก็กลับมาอยู่กลางเวทีพร้อมร้องเพลงช้าอย่าง “รักที่พึ่งผ่านพ้นไป” และ “เกือบ” ก่อนตามด้วยการพูดคุยขอบคุณที่แฝงมุกตลก และการโชว์เพลงที่แทนคำขอบคุณอย่าง “เธอทั้งนั้น” และ “หยุด” ที่บุรินทร์ลงไปจากเวทีเพื่อร้องให้แฟนๆ ฟังอย่างใกล้ชิดเพื่อบอกลาทุกคน
สิ่งที่เราเรียนรู้หลังจบงานคอนเสิร์ต ก็คือ บุรินทร์ ที่ไม่ได้มีดีแค่เสน่ห์ในการร้องและเคลื่อนไหวบนเวที แต่เขาเป็นนักร้องผู้มาพร้อมเสียงที่มีพลังและแสดงสดได้ดีมากคนหนึ่งเวลาร้องเพลงช้าอย่าง “รักที่พึ่งผ่านพ้นไป” และ “เกือบ” และในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่ตลกเมื่อต้องประชันมุกกับ เบน ชลาทิศ และตอนพูดคุยกับแฟนๆ พร้อมแอบขายรถจากโชว์รูมตัวเอง ซึ่งนอกเหนือจากที่กล่าวมา เราก็ประทับใจที่เขาให้เกียรติศิลปินและคนที่ร่วมงานด้วยการเมนชั่นทีมงานตลอดทั้งงาน
อีกสิ่งที่ทำให้เราเซอร์ไพรส์ก็คือการตีโจทย์ธีมสายลับในคอนเสิร์ตครั้งนี้ เพราะนอกจากอินโทรตอนเริ่มและตอน End Credit ที่คล้ายภาพยนตร์สายลับแล้ว ในการแสดงก็มีพาร์ทที่บุรินทร์ได้โชว์เคียงคู่กับแขกรับเชิญอย่างเช่นการแร็ปกับ Twopee การเล่นมุกกับเบน ที่ดูเหมือนกับการต่อสู้ของพระเอกภาพยนตร์และคู่ปรับ และในขณะเดียวกันเราก็เห็นเขาเปลี่ยนคอสตูมเพื่อเข้ากับธีมต่างๆ ของงานอย่างเช่นพาร์ท Triumphs Kingdom ที่เขาต้องแต่งตัวในธีมจีน ที่ชวนนึกถึงการปลอมตัวเพื่อสอดแนมของสายลับ ซึ่งเรามองว่าเป็นการสอดแทรกธีมของงานผ่านการแสดงได้กลมกล่อม และในขณะเดียวกันธีมนี้ก็เปิดโอกาสให้เราได้ฟังเพลงดังของ บุรินทร์ และผลงานของศิลปินคนอื่นที่แฟนๆ คาดไม่ถึงอีกมาก
ส่วนฝั่งของแขกรับเชิญเอง ถึงแม้สมาชิกวง Groove Riders ที่ร่วมงานกับบุรินทร์จะไม่มาขึ้นเวที แต่แขกรับเชิญทั้ง 6 ก็ทำหน้าที่ได้ดี และแสดงคาแรคเตอร์ที่แตกต่างในการเติมเต็มงาน ซึ่งในมุมมองของเราแขกรับเชิญที่ทำให้ประหลาดใจที่สุดก็คือ Twopee ที่ร้องเพลงโชว์แฟนๆ ในแบบที่หลายคนไม่เคยเห็น นอกเหนือจากการแร็ปสุดเดือดที่หลายคนคุ้นเคย
ทางด้านของทีมดนตรีงาน Burin Boonvisut Disco in Tuxedo ก็ทำหน้าที่ได้ดีมาก การแสดงของวง The Soul Smith ที่คอยซัพพอร์ทการแสดงของบุรินทร์และทำโชว์คั่นเวลาขณะศิลปินหลักลงไปพักนั้นออกมาดี และซาวด์ที่ได้ยินค่อนข้างชัดเจนและไม่ตีกัน อย่างเช่นพาร์ทที่เน้นเบสกับกีตาร์ก็จะได้ยินเสียงการโซโล่ที่ชัด รวมถึงในส่วนดนตรีเครื่องเป่าและกลอง แต่นอกเหนือจากความพิเศษที่กล่าวมา งานครั้งนี้ก็มีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นการที่เสียงดนตรีแอบกลบเสียงร้องของบุรินทร์ช่วงเพลง “Spotlight” และ “Amplifly Love” หรือการที่ไมค์ของ Triumphs Kingdom มีค่อนข้างเสียงเบาขณะที่พวกเธอแสดง
สำหรับภาพรวมของงาน ทางบริษัท GAN ก็จัดคอนเสิร์ตออกมาได้ดี มีความโดดเด่นในส่วนของแสงสีเสียงกับการแสดงของธีมแดนเซอร์ และ VTR ประกอบ ที่ทำให้ค่ำคืนวันแสดงเต็มไปด้วยความน่าแปลกใจและพิศวงราวกับว่ากำลังดูฉากจากหนังสายลับที่มีเรื่องราวจัดจ้าน โดยงานครั้งนี้การจัดเวทีให้มีลูกเล่นการหมุน และสามารถเปลี่ยนแปลงฉากรวดเร็วแม้จะมีพร็อพเยอะ จนทำให้การแสดงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และในขณะเดียวกันทีมงานก็มีการเอาใจใส่ผู้ชม อย่างเช่นการจัดแถวเข้างานที่แบ่งการตรวจแถวชายหญิง เพื่อไม่ให้ผู้ชมรู้สึกอึดอัดขณะถูกตรวจค้น หรือการที่ Usher มีการส่องไฟให้ผู้ชมขณะเดินขึ้นลงบันไดอัฒจันทร์ในความมืด ซึ่งเรามองว่าเป็นสิ่งเล็กๆ แต่สามารถอำนวยความสะดวกและป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขณะมีการแสดง
ตลอดระยะเวลา 4 ชั่วโมง เราได้สัมผัสโชว์ที่เต็มไปด้วยสีสัน รวมถึงเสน่ห์และความสามารถของบุรินทร์ที่สะกดอยู่หมัด เหมือนผู้นำที่มีเสียงดนตรีเป็นอาวุธประจำกาย จนทำให้นอกจากเราออกจากฮอลล์พร้อมรอยยิ้มแล้ว เรายังเข้าใจอย่างถ่องแท้เลยว่าทำไมหลายๆ คนถึงพร้อมใจกันขนานนาม บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ ว่าเป็น “เจ้าพ่อเพลงดิสโก้”
>> "J Adrenaline 360°" ปาร์ตี้ดนตรีเร้าใจที่ "เจ เจตริน" รอคอยมา 30 ปี (วันที่สอง)
>> "Spotlight" ดวงใหม่ของ “บุรินทร์” กับอนาคต Groove Riders ที่ยังเป็นเครื่องหมายคำถาม
>> “The Lyrics Of Love” ค่ำคืนที่เพลงรัก “ดี้-บอย” ถูกขับขานด้วยเสียงศิลปินระดับตำนาน (วันแรก)
อัลบั้มภาพ 19 ภาพ