Backstreet Boys โชว์เก๋าบอยแบนด์ยุค 90s’ ว่าความ “คลาสสิก” ต่างหากที่เจ๋งจริง
“มีใครเป็นแฟน Backstreet Boys มาตลอด 26 ปีบ้าง ?”
ประโยคที่ทำให้คนทั้งฮอลล์ชูมือโบกไปมากันอย่างพร้อมเพรียง ในคอนเสิร์ต Backstreet Boys DNA World Tour Live in Bangkok ที่อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5-6 เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 62 ที่ผ่านมา นอกจากจำนวนแฟนเพลงของวงบอยแบนด์ในตำนานยุค 90s’-2000s ที่แน่นขนัดทั้งไทยและต่างชาติในค่ำคืนนี้แล้ว เสียงกรีดร้อง เสียงร้องเพลงตามเพลงดังนับสิบที่ดังกระหึ่มอย่างต่อเนื่องก็เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่า Backstreet Boys ยังคงเป็นบอยแบนด์ที่ไม่มีวันตาย และยังมีฝีมือไม้ลายมือไม่ธรรมดามาตลอด 26 ปีจริง ๆ
20.45 น. โดยประมาณ VTR เปิดกราฟิกหน้าจอสวยงามพร้อมอินโทรเปิดตัว 5 หนุ่มที่อายุไม่สามารถทำอะไรเขาได้ Brian Littrell, Nick Carter, AJ McLean, Howie D และ Kevin Richardson มาด้วยชุดสีดำตัดแดงที่ให้ลุคเท่ ๆ ตามแบบฉบับบอยแบนด์ฝั่งตะวันตก อุ่นเครื่องเบา ๆ ด้วย "Everyone" สั้น ๆ ก่อนต่อด้วย “I Wanna Be With You” พอหอมปากหอมคอ คนในฮอลล์ยังปรบมือกันเปาะแปะอยู่ แต่พออินโทรเพลง “The Call” สุดเท่ดังขึ้นเท่านั้นแหละ ก้นไม่ติดเก้าอี้กันสักราย ลุกขึ้นเต้นและตะโกนร้องตามกันอย่างคล่องปาก ก่อนจะผ่อนจังหวะลงเล็กน้อยด้วย “Don’t Want You Back” และหนุ่ม Brian ที่แวะมาทักทายพร้อมร้องเพลงจากอัลบั้ม DNA อย่าง "Nobody Else" สั้น ๆ ตอนนี้บรรยากาศภายในฮอลล์อบอุ่นไปด้วยกลิ่นอายของเพลงป็อปยุค 90s’-2000s ที่หลายคนคิดถึง เพลงที่ทุกคนร้องตามได้แม้ว่าจะไม่ได้ฟังมานานแค่ไหนก็ตาม
ใครที่คิดว่าค่ำคืนนี้จะมีเพลงใหม่จากอัลบั้ม DNA เยอะจนอดฟังเพลงเก่า ๆ ที่ชอบมากไปบ้างแน่ ๆ บอกเลยว่าคิดผิด เพราะหนุ่ม ๆ BSB เลือกที่จะทำตามใจแฟนคลับอย่างแท้จริง ขนเพลงฮิตเกือบ 3 ทศวรรษอัดมาแน่น ๆ เน้น ๆ ชนิดที่นั่งนับแล้ว เพลงดังของ BSB ที่หลายคนรู้จัก น่าจะได้ฟังกันครบเกือบทุกเพลงเลยทีเดียว ทั้ง “Get Down (You’re the One For Me)”, “Show Me the Meaning of Being Lonely”, “Incomplete”, “More Than That”, “Shape of My Heart”, “Drowning” และเซ็ตหลังที่จัดมาแบบติดกันจนแทบไม่เหลือใครนั่งเก้าอี้แล้ว “Quit Playing Games (With My Heart)”, “As Long As You Love Me”, “I’ll Never Break Your Heart”, “All I Have to Give” ตัดสลับกับการแนะนำเพลงใหม่จากอัลบั้ม DNA สั้น ๆ ทั้ง "Chateau", "The Way It Was", "Passionate" และร้องเพลงใหม่เต็ม ๆ ทั้ง “New Love”, “Chances”, “Breathe” และ “No Place” ที่เปิดเอ็มวีที่เผยให้เห็นสมาชิกแต่ละคนใช้เวลาอยู่ร่วมกับครอบครัวด้วย “ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาตลอด จนตอนนี้หลายคนเป็นพ่อเป็นแม่คนแล้ว ก็ยังพาลูกมาดูพวกเราด้วย ขอบคุณที่ช่วยส่งต่อความรัก ความผูกพันของพวกเราไปถึงรุ่นต่อ ๆ ไปด้วย ยินดีต้อนรับเข้าสู่ Backstreet Family” หนุ่ม AJ กล่าวหลังจบเพลง
หากคิดว่าเพลงฮิตของ BSB จะหมดแล้ว ไม่เลย เพราะไฮไลท์ของคอนเสิร์ตนี้อยู่ตรงช่วง Remix นี่แหละ ทั้ง “Everybody (Backstreet’s Back)”, “We’ve Got It Goin’ On”, “It’s Gotta Be You”, “That’s The Way I Like It”, “Get Another Boyfriend”, “The One” และปิดท้ายด้วย “I Want It That Way” ที่รู้มาตั้งแต่ใส่ชุดขาวล้วนแล้วว่าต้องมีเพลงนี้แน่ ๆ ก่อนจะ encore กันด้วยเพลงจากอัลบั้มใหม่ “Don’t Go Breaking My Heart” และจบเท่ ๆ กับ “Larger Than Life” ที่ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ อมตะระดับตำนานสมกับที่อยู่ในวงการเพลงมาอย่างยาวนานเกือบ 3 ทศวรรษจริง ๆ
5 หนุ่มที่อายุอานามก็เป็นพ่อคนกันได้หมดแล้วยังคงวาดลวดลายสเต็ปเต้นได้อย่างแม่นยำและแข็งแรงเหมือนเคย อันนี้ต้องชมจากใจจริง แม้ว่าจะไม่ได้กระฉับกระเฉงเท่าสมัยวัยรุ่น แต่ด้วยวัยนี้ถือว่าทำได้ดีเกินมาตรฐานไปมากแล้ว และที่ต้องพูดถึงอีกเรื่องคือ “เสียงร้อง” ที่ยังมีพลังแม้ว่าจะเต้นไปไม่น้อย แม้ว่าจะเอาไม่อยู่ในคีย์สูงบางคีย์ แต่ช่วงเสียงกลางยังคุมเสียงได้ดีไร้ที่ติ รวมถึงการร้องประสานเสียงตามแบบฉบับของบอยแบนด์ในเพลง "Breathe" ก็ยังทำได้กลมกล่อมมาก การคุมเวทีก็เจนจัดจนไม่มีอะไรที่จะต้องพูดถึง การยิงมุก พูดคุยไหลลื่น ช่วงที่เหมือนจะต่อไม่ได้ก็รีบช่วยกันตีกลับมาคุยกันต่ออย่างเป็นธรรมชาติ ละลายพฤติกรรมของคนในฮอลล์ได้อย่างมืออาชีพ ช่วงโชว์ลูกเล่นเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังกล่องกลางเวที และโยนกางเกงชั้นในและเสื้อทัวร์มาแจกคนดูอาจจะไม่ได้หวีดร้องกันมากนักเพราะแฟนเพลงฝั่งเอเชียอาจจะเขินอายกว่าที่อื่น ๆ แต่ก็ช่วยเติมเต็มให้การเอนเตอร์เทนบนเวทีมีสีสันมากขึ้นกว่าการพูดคุยธรรมดา ๆ และแสงสีเสียงก็ครบครันสวยงามเหมือนเคย แม้ว่าจะมีเสียงเบสที่บวมกระแทกหูไปบ้างบางช่วง และซาวด์โดยรวมยังถือว่าเป็นรองงานอื่น ๆ อยู่บ้าง ไม่มีความเสถียร์ เดี๋ยวดังเดี๋ยวเบา แต่การแสดงของหนุ่ม ๆ รวมทั้งเพลงฮิตที่ขนมาอย่างต่อเนื่อง สามารถดึงความสนใจไปได้มาก แอบคิดเล็กน้อยว่าถ้าคราวหน้ากลับไปจัดที่อิมแพ็ค อารีน่า อาจจะดีกว่านี้อีกนิดหรือเปล่า เพราะเอ็กซิบิชั่นฮอลล์เป็นเก้าอี้ระนาบเดียวกันทั้งหมด ไม่มีการยกสเต็ปขึ้นเลย ผู้ชมด้านหลังอาจถูกบดบังทุกครั้งเมื่อผู้ชมด้านหน้าลุกขึ้นยืน แต่แฟน ๆ ก็น่ารักพอที่จะยืน ๆ นั่ง ๆ สลับ ๆ กันไปตลอดทั้งโชว์ได้
นอกจากนี้ การขนเพลงฮิตตลอด 26 ปีมาร้องในคอนเสิร์ตเกือบ 2 ชั่วโมงที่แฟน ๆ ต่างคาดหวังว่าจะต้องร้องเพลงโปรดของพวกเขาให้ครบนั้นเป็นโจทย์ใหญ่ที่ถือว่า BSB ทำได้ดี แม้ว่าจะต้องสละเพลงเพราะ ๆ ไปหลายเพลง รวมถึงการที่หนุ่ม ๆ เลือกที่จะร้องเพลงจากอัลบั้มใหม่สั้น ๆ และเน้นที่เพลงฮิตเก่า ๆ แทน จนเพลงที่เราอยากฟังเราว่าเราก็ได้ฟังจนครบแทบจะทุกเพลง รวมไปถึงเพลงที่ไม่คิดว่าจะได้ฟังแต่ชอบมาก ๆ และดีใจมากที่ได้ฟังอย่าง “More Than That” และ “The One” หรือการที่หลาย ๆ เพลงจะต้องยกมาร้องแค่ครึ่งเพลงอย่าง “Shape of My Heart” และ “Drowning” แต่เชื่อว่าแฟน ๆ เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ แค่ครึ่งเพลงก็ขอให้ได้ลอง ถือว่าเอาใจแฟน ๆ ได้ผ่านฉลุย
แม้ว่าจะอัดเพลงเก่าในอดีตมาแน่นขนาดนี้ ก็ใช่ว่าเขาจะมากันแบบทื่อ ๆ ตรง ๆ แบบเปิด backing track ร้องเฉย ๆ การมิกซ์ดนตรีใหม่ในหลาย ๆ เพลงทำได้ดี และสร้างมิติ สร้างความแปลกใหม่ให้กับเพลงเก่าที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไปอีก แม้ว่าจะแปลกหู แต่ไม่แปลกใจ ทุกคนยังซึมซับดนตรีเดิมได้อยู่โดยที่อารมณ์ของดนตรีแบบเดิมยังอยู่ครบ ตรงนี้ก็ถือว่าสอบผ่านเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากได้ชื่อว่า DNA World Tour เป็นทัวร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 18 ปี เราอาจจะแอบหวังว่าโปรดักชั่นบนเวทีสามารถยิ่งใหญ่อลังการมากกว่านี้ได้อีกนิด ยิ่งถ้าได้ดนตรีสดมาเล่นด้วยก็คงจะเพอร์เฟกต์ แต่เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นทัวร์ระดับโลกแบบไร้ข้อกังขาได้แล้วล่ะ
แม้ว่าเราจะได้ชมคอนเสิร์ตของ BSB มาเป็นครั้งที่ 3 แล้ว แต่พวกเขายังคงสร้างความแปลกใหม่ และความประทับใจให้กับเราอยู่ทุกครั้งที่เจอ เพลงเดิมแต่อารมณ์ใหม่ทุกครั้ง ดังนั้นเราเชื่อว่าเพลงป็อป 90s’-2000s’ ไม่มีวันตายง่าย ๆ และจะยังคงความ “คลาสสิก” จนสามารถส่งต่อให้กับเยาวชนคนรุ่นหลังต่อ ๆ ไปได้อีกหลายสิบปีแน่นอน
อัลบั้มภาพ 15 ภาพ