Super Junior กับ Super Show 8 ที่เป็นมากกว่าคอนเสิร์ตจากไอดอลเกาหลี

หลังจากสมาชิกในวงเวียนกันรับใช้ชาติจนครบหมดทุกคนแล้ว ถึงเวลาของ Super Junior ที่กลับมาสร้างสรรค์โชว์ Super Show กันอีกครั้งแบบ full team ใน SUPER JUNIOR WORLD TOUR - SUPER SHOW 8 : INFINITE TIME’ in BANGKOK โดย SM True ที่คราวนี้ในไทยจัดใหญ่จัดเต็มที่ อิมแพ็ค อารีน่า กัน 2 วันติด เมื่อวันเสาร์ที่ 23 และอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

นอกจากชาว E.L.F. (ชื่อแฟนคลับของ Super Junior) จะตื่นเต้นกับการกลับมาแบบ (เกือบจะ) ครบทีมของ Super Junior แล้ว แอบเห็นได้ชัดว่าหนุ่ม ๆ โอปป้าของพวกเรา (เหลือไม่กี่วงหรอกที่เรายังเรียกโอปป้ากันได้) ก็ตื่นเต้นไม่แพ้พวกเราเช่นกัน โดยเฉพาะหนุ่มที่เพิ่งพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่รั้วของชาติมาหมาด ๆ อย่าง คยูฮยอน ที่นับว่าครั้งนี้เป็นคอนเสิร์ตใหญ่กับวง Super Junior ครั้งแรกหลังจากที่เขาเพิ่งกลับมาจากการรับใช้ชาติ เราจึงเห็นหนุ่มคนนี้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดโชว์อย่างไม่ต้องสงสัย

ในวันที่ทีม Sanook Music ได้เข้าชมเป็นวันโชว์ในวันอาทิตย์ที่ชาว E.L.F. จับจองที่นั่งในอิมแพ็ค อารีน่ากันอย่างแน่นขนัด 18.15 น. หนุ่ม ๆ เปิดตัวด้วยลุคเท่ ๆ เดินสวนกันไปใน VTR โอปป้าวัย 30 อัพทุกคนกระตุ้นอะดรีนาลีนของแฟน ๆ ให้ตื่นเต้นกับโชว์มากยิ่งขึ้น เหมือนจะเป็นสัญญาณบอกว่า “พวกเราไม่ได้ตลกอย่างเดียวนะ” เปิดตัวเพลงแรกด้วย “The Crown” ที่เล่าเรื่องราวของพวกเขาซึ่งอยู่ในวงการมานานจนเรียกได้ว่าเป็นตำนานแห่ง K-POP ต่อด้วยเพลง “A Man In Love” โชว์สเต็ปเต้นสุดแข็งแรง ตามมาด้วยเพลง “Bonamana” ที่ปรับจังหวะใหม่ให้เร้าใจยิ่งกว่าเดิม และเพลง “Blue World” ที่นำมาร้องในเวอร์ชั่นภาษาเกาหลี แล้วจึงได้ทักทายผู้ชม พร้อมต้อนรับทุกคนเข้าสู่คอนเสิร์ตอย่างเป็นทางการ โดยแต่ละคนได้เตรียมบทพูดภาษาไทยมาสื่อสารกับแฟน ๆ ตลอดทั้งช่วง Super Junior ที่แท้จริงต้องพูดภาษาไทยได้ชัด ๆ ยาว ๆ แบบนี้แหละ

 

หลังจากนั้นจึงได้เร่งเครื่องไปกับเพลงฮิตแบบ non-stop ทั้ง “SORRY, SORRY”, “Mr. Simple”, “Sexy, Free & Single”, “MAMACITA”, “Devil”, “Black Suit” และเพลงใหม่ที่นำมาแสดงเป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นเพลงเปิดตัวจากอัลบั้มเต็มชุดที่ 9 Time_Slip อย่าง “SUPER Clap” และเพลงอื่น ๆ อย่าง “I Think I”, “Heads Up”, “Somebody New”, “Show” ก็ยังคงได้เห็นสมาชิกทุกคนทั้งร้องทั้งเต้นอย่างเต็มที่เหมือนเคย วันเวลาไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้จริง ๆ

ความน่าตื่นตาตื่นใจยังไม่หมด เพราะพวกเขาได้เตรียมเวทีพิเศษมากมายที่รับชมได้เฉพาะในคอนเสิร์ตเท่านั้น ทั้งเพลง “ROKUKO” เวอร์ชั่นฮิปฮอปที่ถึงแม้ว่าคอนเสิร์ตนี้จะไม่มีการใส่ชุดผู้หญิงตลก ๆ เหมือนครั้งก่อน ๆ แต่การได้เห็นทุกคนในเวอร์ชั่นแร็ปเปอร์ก็ฮาท้องแข็งได้ไม่แพ้กัน และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของความฮาในโชว์ครั้งนี้ เพราะหลังจากนั้นเราได้เห็นหนุ่ม ๆ นำทีมโดย อีทึก และ ซีวอน พร้อมใจกันเต้นเพลง “Hairspray” ที่เหล่าแดนเซอร์เอา hairspray มาฉีดบนเวทีกันจริง ๆ ต่อด้วยสามหนุ่ม เยซอง เรียวอุค และ คยูฮยอน จากยูนิต SUPER JUNIOR-K.R.Y. สลัดคราบสายโวคอลมาโชว์สเต็ปแดนซ์อย่างเร่าร้อนดุเดือด (ปนฮา) และยูนิตแดนซ์ ๆ เท่ ๆ อย่าง SUPER JUNIOR-D&E ทงเฮ และอึนฮยอค บวกหนุ่ม ชินดง มาร้องเพลงบัลลาดสไตล์ 80s’ อย่าง “What is Your Name” ทั้งซึ้งทั้งขำจนน้ำตาไหลกันเลยทีเดียว

นอกจากโชว์จะน่าประทับใจเหมือนเคยแล้ว ทางด้านแฟนคลับก็ได้ทำโปรเจกต์เพื่อแสดงการสนับสนุน Super Junior อย่างไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งการชูกระดาษรูปหัวใจสีแดงทั้งฮอลล์เป็นการบอกรัก และข้อความ “ถ้าได้อยู่กับ SJ ตลอดไป ไม่ว่าอะไรพวกเราก็สามารถทำได้ทุกอย่าง”, การแปรอักษรที่มีความหมายว่า “ความรักของพวกเรานั้นไม่มีที่สิ้นสุด”, “FOREVER ME & YOU” และป้ายผ้าที่มีความหมายว่า “พวกเราเป็นความสุขของกันและกันมา 14 ปีแล้ว”, “เมื่อไหร่ที่ต้องการพลัง ลูกโป่งสีน้ำเงินจะคอยเชียร์อยู่ตรงนี้เสมอ” ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 3.30 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น 27 บทเพลง Super Junior ได้เติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับโชว์ด้วยเสน่ห์อันหลากหลาย รวมถึงความเป็นมืออาชีพบนเวทีที่สะกดผู้ชมให้อินไปกับการแสดงอันยอดเยี่ยม และความสนุกสนานตามแบบฉบับของพวกเขาได้ทั้งคอนเสิร์ต พร้อมสร้างอีกหนึ่งความทรงจำน่าประทับใจอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข และพิสูจน์ว่าเวลาที่ใช้ร่วมกันระหว่าง Super Junior กับ E.L.F. นั้นแสนมีค่า และเป็นนิรันดร์

แสง สี เสียงของ Super Show 8 ยังคงรักษามาตรฐานระดับ Super Show เอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นจนไม่ต้องย้ำกันอีกหลาย ๆ รอบ ทั้งการเซ็ตฉากบนเวที แสง พลุไฟ พลุกระดาษ ทุกอย่างจัดเต็มเช่นเคย แต่อาจจะเห็นว่าการจัดฉากบนเวที และวิดีโอใน VTR ในครั้งนี้เป็นการถ่ายทำในรูปแบบง่าย ๆ มากขึ้น เพราะได้อึนฮยอค และชินดงเป็นคนออกแบบเกือบทั้งหมด ได้เห็นเบื้องหลังการทำงานของหนุ่ม ๆ แล้วก็เห็นความตั้งใจ และความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของทุกคนในวงได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงวิดีโอซึ้ง ๆ ในการบอกรักแฟน ๆ และสคริปต์พูดภาษาไทยยาวเหยียดของอึนฮยอคที่ต้องปรบมือให้ในความตั้งใจมาก ๆ ไม่แปลกใจเลยที่แฟน ๆ ชาวไทยจะรัก และผูกพันกับ Super Junior มากขนาดนี้

พูดถึงแท่งไฟใหม่เวอร์ชั่น 2.0 ครั้งนี้ได้ใช้งานกันเป็นครั้งแรกในไทย แต่ทีมงานก็ยังไม่ทิ้งแท่งไฟเวอร์ชั่นเก่าไปเหมือนงานคอนเสิร์ตของ EXO ที่ใครถือเวอร์ชั่นเก่าไป ไฟจะไม่เปลี่ยนสี สำหรับคอนเสิร์ต Super Show 8 ครั้งนี้ แท่งไฟเก่าก็ยังคงเปลี่ยนสีได้เหมือนแท่งไฟใหม่ (แต่อาจจะโชว์เฉดสีต่างกันบ้างเล็กน้อย) ใครที่พกไปสองอันก็โบกกันสนุกไปเลย แต่ก็ต้องแลกมากับความสวยงามของแสงไฟในฮอลล์ที่ถ้าให้เปรียบเทียบ แท่งไฟเวอร์ชั่นใหม่มีลูกเล่นในการเปลี่ยนสีได้เยอะกว่าเวอร์ชั่นเก่ามาก ทำให้คอนเสิร์ตของ EXO ที่เน้นแท่งไฟเวอร์ชั่นใหม่เป็นหลัก แสงและสีสวยกว่า ค่อนข้างตระการตา และน่าตื่นเต้นมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่การที่ทีมงานเลือกที่จะเก็บแท่งไฟเวอร์ชั่นเก่าเอาไว้ด้วย ก็ถือเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายเวอร์ชั่นเก่าไปใหม่ได้ดีเช่นกัน คือยังเห็นใจแฟนเพลงที่ยังคงมีแท่งไฟแบบเก่ากันอยู่ แต่ครั้งหน้าก็น่าจะใช้เวอร์ชั่นใหม่อย่างสมบูรณ์ 100% แล้วล่ะ

แม้จะมีบางช่วงที่ฉากด้านหน้าจะบังสมาชิกที่ยืนอยู่ริม ๆ ไปบ้าง (เมื่อมองจากทางด้านฝั่งผู้ชมที่นั่งโซนริม) และช่วงท้าย ๆ ของโชว์ที่สมาชิกอย่าง คยูฮยอน และเยซอง ที่มีปัญหากับไมโครโฟนไปบ้าง แต่โดยรวมยังถือว่าทุกคนแก้ไขสถานการณ์ได้ดี และจัดการโชว์ได้อย่างมืออาชีพ ของแบบนี้มาพร้อมประสบการณ์ของทีมงาน และตัวศิลปินจริง ๆ

ไม่ว่าใครที่ได้ชม Super Show 8 ก็ต้องบอกว่าเป็นเสียงเดียวกันว่า “เป็นมากกว่าคอนเสิร์ต” เพราะนอกจากจะได้เพอร์ฟอร์มานซ์ระดับโลกแล้ว ยังได้รับการเอนเตอร์เทนราวกับนั่งชมรายการวาไรตี้ ที่เป็นเสน่ห์ของ Super Junior ที่ไม่มีใครทำได้ นอกจากนี้ยังสัมผัสได้ถึงความสนิทสนมเป็นกันเองระหว่างศิลปิน และแฟนคลับที่เป็นมากกว่าแฟนคลับและศิลปิน เพราะเราสัมผัสได้ถึงการเป็นพี่น้อง เป็นเพื่อน และความรักที่มอบให้กันไม่ใช่ “รักข้างเดียว” แบบที่คยูฮยอนกล่าว เป็นความรักที่ศิลปินเองก็มีให้กับแฟนคลับมาตลอด 14 ปีเช่นกัน

… หลายคนบอกว่า แม้ว่าหลัง ๆ มานี้แฟน ๆ หลายคนจะแอบไปเชียร์วงรุ่นน้องวงนั้นวงนี้อยู่บ้าง แต่เมื่อไรก็ตามที่ Super Junior คัมแบ็ค แฟน ๆ ทุกคนจะเปิดโหมด E.L.F. คัมแบ็คตามทุกครั้ง ใครที่ไม่เข้าใจว่าทำไมแฟน ๆ ชาวไทยถึงหลงรัก Super Junior กันมาอย่างยาวนานขนาดนี้ ครั้งหน้าต้องลองตีตั๋วเข้าไปชม Super Show 9 กันดูแล้วจะเข้าใจเอง