SuperM Beyond the Future Live เปิดประสบการณ์คอนเสิร์ตสุดยอดกราฟิกผสม AR ที่ชมได้ที่บ้าน
สดจริง เต็มที่จริง กราฟิกสวยจริง และแปลกใหม่จริง
เป็นคำจำกัดความสั้นๆ ของการรับชมคอนเสิร์ตออนไลน์เต็มรูปแบบครั้งแรกของเราในโปรเจกต์ Beyond Live ที่ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ SM Entertainment จับมือกับแพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์ยักษ์ใหญ่ไม่แพ้กันของเกาหลีใต้อย่าง V LIVE แฟนๆ K-POP คุ้นหน้าคุ้นตากันดี แต่ถ้าใครไม่คุ้น เราจะอธิบายสั้นๆ ว่าเป็นแพลตฟอร์มคล้าย YouTube แต่เน้นเฉพาะคอนเทนต์กับศิลปินเกาหลี โดยเฉพาะ K-POP เจ้าของคือ NAVER ผู้ให้บริการออนไลน์ที่แทบจะใหญ่ที่สุดในเกาหลี คนเกาหลีใช้ NAVER search แทนการใช้ Google ประมาณนั้นเลย
ที่เกริ่นมายาว เพื่อให้เข้าใจว่าการร่วมมือกันของ SM และ V LIVE ในครั้งนี้มันไม่ธรรมดา เมื่อมันเป็นการฉายสดคอนเสิร์ตที่ออนไลน์ไปทั่วโลก มีลูกเล่นมากมายที่สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนเพลง เพื่อทดแทนการจัดคอนเสิร์ตจริงๆ ที่ตอนนี้ไม่สามารถทำได้ ทีมงานเลยพยายามสร้างโชว์ที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียง และลูกเล่นต่างๆ แบบจัดเต็มที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีจะทำได้ โดยใช้ชื่อโปรเจกต์นี้ว่า Beyond Live
ศิลปินเบอร์แรกที่ SM เลือกให้จัดคอนเสิร์ตก่อนคือ SuperM วงซูเปอร์กรุ๊ปที่มีสมาชิกจากวงดังๆ ของ SM แทบทั้งหมด แทมิน จาก SHINee แบคฮยอน กับ ไค จาก EXO แทยง กับ มาร์ค จาก NCT 127 และ เตนล์ กับ ลูคัส จาก WayV ไลฟ์สตรีมคอนเสิร์ตในวันที่ 26 เม.ย. 63 เวลา 13.00 น. ตามเวลาประเทศไทย และจะมีคอนเสิร์ตต่อไปอีกอาทิตย์ละโชว์ ทั้ง WayV ในวันที่ 3 พ.ค. NCT DREAM วันที่ 10 พ.ค. และ NCT 127 วันที่ 17 พ.ค. ในเวลาเดิม (ครบจักรวาล NCT พอดี)
ความพิเศษของไลฟ์คอนเสิร์ตออนไลน์ในครั้งนี้ อธิบายสั้นๆ ก็คือ
- เป็นคอนเสิร์ตออกอากาศสดส่งตรงจากฮอลล์ ศิลปินเล่นสดจริงๆ เดี๋ยวนั้น
- โชว์เต็มรูปแบบบนเวที มีแสง สี เสียง ตระการตา เหมือนเราซื้อตั๋วไปดูคอนเสิร์ตในฮอลล์จริงๆ
- มีแฟนคลับจากทั่วโลก 160 คนที่ได้เปิดกล้องวิดีโอโชว์หน้าของตัวเองบนจอที่ฉายบนเวทีระหว่างโชว์ด้วย และมีแฟนเพลงบางคนถูกเลือกให้ได้พูดคุยถามคำถามกับศิลปินสดๆ บนเวทีอีกต่างหาก
- ระหว่างโชว์ ศิลปินสามารถเห็น และอ่านคอมเมนต์ของแฟนเพลงที่พิมพ์เข้าไปสดๆ ได้
- จุดเด่นที่เขาขายหนักมากคือ ในโชว์มีการเทคโนโลยี AR สร้างภาพกราฟิกสวยๆ และสร้างประสบการณ์ในการรับชมคอนเสิร์ตแบบใหม่ให้เราได้ตื่นเต้น
- หลังจบคอนเสิร์ตมี live talk ต่ออีกนิดหน่อย และแฟนเพลงฝากคำถามเพิ่มเติมถึงศิลปินได้
- แฟนๆ สามารถซื้อเหรียญเพื่อกดเข้าชมคอนเสิร์ตได้ และสามารถดูย้อนหลังได้
เวลา 12.50 น. หน้าวิดีโอจะขึ้นปุ่มว่า เริ่มไลฟ์แล้วนะ ก็กดอีกครั้งแล้วหน้าเพจจะรีเฟรชเพื่อเข้าชมไลฟ์ จะเห็นฉากด้านหลังตีวงล้อมเวทีตรงกลางราว 180-270 องศาโชว์ใบหน้าของแฟนๆ 160 คนที่ได้ไลฟ์วิดีโอขึ้นจอพร้อมกัน หน้าตาประมาณนี้ (คลิปจากรอบซ้อมในวันเสาร์ที่ 25 เม.ย. ที่ทาง SM นัดแฟนเพลงผู้โชคดีทั้ง 160 คนทดสอบระบบก่อน)
เมื่อถึงเวลา 13.00 น. ตรงก็เริ่มโชว์จริงๆ SuperM เริ่มด้วยเพลง “I Can’t Stand the Rain” ฉากบนเวทีเปลี่ยนเป็นกราฟิกฝนตกพร้อม AR ที่เห็นฝนตกเป็นเม็ดๆ แบบสามมิติ เพิ่มความสมจริงราวกับหนุ่มๆ ทั้งร้องทั้งเต้นท่ามกลางสายฝน ภาพสวยจริงอะไรจริง และเราคิดว่าหากเป็นคอนเสิร์ตปกติ ในฮอลล์ที่เล่นสดกันจริงๆ น่าจะใช้เทคนิคนี้ลำบาก เป็นข้อได้เปรียบของการไลฟ์คอนเสิร์ตผ่านวิดีโอแบบนี้ ถือว่าแปลกใหม่แปลกตาดีเลยทีเดียว ถ้านึกไม่ออกลองดูคลิปสปอยล์ก่อนเริ่มโชว์จริงที่น้องมาร์คโชว์ให้พวกเราดูได้
ต่อจากนี้จะเป็นโชว์สเตจเดี่ยวของแต่ละคนสลับกับช่วง talk กับแฟนคลับ เริ่มที่ แทยง กับเพลง “GTA” เพลงใหม่ที่เพิ่มเข้ามาเพื่อโชว์ใน SuperM ดุเดือดเลือดพล่าน เพิ่มเอเนอจี้บนเวทีได้ดี ต่อด้วยเตนล์กับ “Dream in a Dream” และ “New Heroes” เพลงเดี่ยวสมัยโปรเจกต์ SM Station ที่มาพร้อมกับความอ่อนช้อยงดงาม แต่คมกริบกับท่าเต้นที่มองกันเพลิน แต่จริงๆ แล้วเต้นตามยากมากๆ และโชว์เดี่ยวของ แทมิน กับผลงานเดี่ยวของตัวเองอย่าง “MOVE” และ “WANT” ที่เซ็กซี่เร้าร้อน และเล่นแสงสีกับ AR ได้เป็นอย่างดี ก่อนที่สมาชิกจะออกมาพูดคุย แซวเรื่องโชว์เดี่ยวของแต่ละคน พูดถึงภาพกราฟิกสวยๆ จาก AR และฉาก LED ที่แสดงภาพทั้งฉากเวทีหลัง ด้านข้าง และจากพื้นเวทีสำหรับมุมกล้องด้านบน
จากนั้นก็เริ่มเข้าสู่ช่วงพูดคุยตอบคำถามกับแฟนเพลงทั่วโลกผ่านจอบนเวที โดยมีแฟนเพลงถูกเลือกเพียง 7 คนที่ได้คุยและถามคำถามกับเมมเบอร์ที่ตัวเองเลือก คราวนี้สมาชิกแต่ละคนได้พูดคุยกับแฟนๆ โดยตรง สลับภาษากันสนุกไปเลย เพราะมีแฟนคลับทั้งจากอเมริกา ญี่ปุ่น จีน และไทยด้วย ถือว่าเป็นช่วงพิเศษที่ในคอนเสิร์ตจริงๆ ไม่เคยมีมาก่อน
พูดคุยกับแฟนเพลงเสร็จก็มาโชว์กันต่อ กับเพลงของวงอย่าง “Super Car” ต่อด้วยสเตจเดี่ยวของสมาชิกที่เหลือ ทั้ง ลูคัสกับเพลง “Bass Go Boom” มาพร้อม AR ภาพตัวอักษรดุ๊กดิ๊กน่ารัก ขัดกับเสียงเข้มๆ ของลูคัส แต่ก็เข้ากันได้ดีกับบุคลิกขี้เล่นสนุกๆ ของเขา ต่อด้วยแบคฮยอนกับ “Betcha” และ “UN Village” เพลงจากผลงานเดี่ยวของเขาเอง ที่มาพร้อมกับฉากที่เซ็ตเป็นถนนในเมืองหน้าร้านกาแฟ แบคฮยอนสวมบทบาทเป็นแฟนหนุ่มจับมือ และหยอกล้อกับแฟนสาว (มุมกล้องเสมือนเป็นแฟนหนุ่มกับแฟนสาวที่เป็นคนถือกล้อง) นาทีนี้บอกเลยตอนดูไลฟ์คือเขินจริง boyfriend materials ที่แท้
คั่นโชว์ด้วยสาวๆ Red Velvet จอย ไอรีน และซึลกิ โผล่มาเซอร์ไพรส์บนจอพร้อมกับแฟนๆ กันสดๆ ด้วยการมอบภารกิจให้แฟนๆ SuperM ที่อยู่บนจอทั้ง 160 คนโชว์ของที่เป็นสีชมพูที่หน้าจอของตัวเองพร้อมๆ กัน และทำท่ารูปหัวใจภายในเวลาที่กำหนด โดยมีเพลง “With You” เพลงใหม่ที่หนุ่มๆ เพิ่งปล่อยให้ฟังครั้งแรกในงาน One World: Together At Home ที่ผ่านมาเปิดเป็นแบคกราวด์ เมื่อหนุ่มๆ ทำภารกิจสำเร็จ แฟนๆ ก็ได้ของรางวัลเป็นการสปอยล์เพลงใหม่ของ SuperM ทั้งเพลง “We Go Hundred” เพลงอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์ตามสไตล์ SuperM , “Drip” เพลงแร็ปฮิปฮอปมันๆ และ “Line ‘Em Up” เพลงอิเล็กทรอนิกส์ฮิปฮอปที่มีกลิ่นอายตะวันออก ถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์ที่แฟนๆ ปลื้มกันไปถ้วนหน้า
ยังไม่หมดเซอร์ไพรส์เพัยงเท่านี้ เมื่อมีการแสดงสดครั้งแรกของเพลงใหม่แกะกล่อง “Tiger Inside” โชว์นี้เราชอบเป็นพิเศษเพราะกราฟิกพร้อม AR บนเวทีสวยมาก เป็นกรงสามมิติครอบสมาชิกทุกคนเอาไว้ ก่อนจะเปิดกรงออกมา แล้วมีเสือวิ่งผ่านไปมาด้วย น่าจะเป็นหนึ่งในกราฟิกที่สวยที่สุดของโชว์นี้เลยทีเดียว ต่อกันด้วย “2 Fast” และ “No Manners” ที่แบ่งสมาชิกออกเป็น 2 กลุ่ม แสดงคนละเซ็ต มีการบล็อกกิ้งประกอบกราฟิก และมีโครงเหล็กพร้อมสเต็ปรูปตัว M ที่สมาชิกสลับขึ้นไปเต้นด้านบนกันด้วย เป็นแบบเดียวกันกับที่ใช้ใน SuperM Tour ที่อเมริกาที่ผ่านมานั่นเอง
ต่อกันด้วยเพลงที่หลายคนรอคอย “Baby Don’t Stop” สเตจของดูโอ้ แทยงและเตนล์ เพลงของ NCT U ในตำนานที่ไม่เน้นกราฟิก แต่เน้นท่าเต้นและเพอร์ฟอร์มานซ์ของทั้งคู่ล้วนๆ ท่าเต้นและสายตาที่รับส่งกันได้ดีของทั้งคู่ บอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งทีเด็ดของโชว์ที่แฟนๆ หลายคนรอคอย และทั้งคู่ก็ทำออกมาได้ดีเหมือนเคย ก่อนจะปิดโชว์กันด้วยโซโล่สเตจของ มาร์คในเพลง “Talk About” กับแร็ปดุๆ รัวๆ วันแมนโชว์โนแดนเซอร์ แต่มาร์คเอาอยู่กับท่อนเนื้อเพลงภาษาอังกฤษเท่ๆ เข้าปากมาร์ค แสงสีเสียงทั้งจากฉากหลัง ด้านข้าง และบนพื้นเวที ไหนจะเปิดกล่องและเล่นกับมุมกล้องที่มาจากข้างในกล่อง เดินเปลี่ยนมุมรอบด้านพร้อม text จากเนื้อเพลงขึ้นตามจังหวะด้วย AR เป็นอีกหนึ่งโชว์ที่เราชอบมากและขอกราบคนออกแบบโชว์มากๆ จากนั้นตามด้วยหนุ่มขาแดนซ์ ไค ที่มาพร้อมกับ “Confession” และ “Spoiler” ที่เน้นการเต้นสุดสตรองแอนด์เซ็กซี่ตามแบบฉบับของไค พร้อมกับมุมกล้อง 360 องศา และควบคุมแสงมืดสว่างได้ดีไร้ที่ติ
ช่วง encore เปิดด้วย VCR การเปิดตัวของ SuperM ที่อเมริกากับโชว์บนเวทีหน้า Capital Records สุดอลังการที่ผ่านมา ก่อนเข้าสู่เพลงสุดท้ายปิดโชว์จริงๆ ด้วย “Jopping” เพลงเปิดตัว SuperM เพลงแรก ที่กราฟิกและ AR น่าจะจัดเต็มที่สุดในทุกเพลง กับภาพโคลอสเซียมที่มีหนุ่มๆ เข้าไปแสดงอยู่ด้านใน และมีแท่งไฟสีม่วงจากแฟนเพลงเชียร์อยู่ด้านล่าง จบโชว์ด้วยซาวด์ยิ่งใหญ่ตระการตาสมกับเป็นโชว์ของ Avengers of K-POP จริงๆ
ก่อนอื่นขอชมเรื่องกราฟิก แสง สี เสียง และ AR technology ที่ขายเอาไว้หนักมากช่วงโปรโมต ทำได้ดีเกินคาด ช่วงแรกๆ อาจจะ “โอเค ก็ดีนะ” แต่ช่วงหลังๆ เหมือนค่อยๆ ปล่อยของ และเพลงท้ายๆ ทำเราอ้าปากค้างได้เลย สมราคาคุย ถือว่าผ่านฉลุย แต่สำหรับ LED แม้ว่าภาพจะสวยตามมาตรฐาน SM แต่ในบางครั้งสำหรับการที่กล้องซูมออกเพื่อให้เห็นภาพ AR ที่ลอยเด้งออกมา มันทำให้เห็นขอบฉาก LED กับไฟบนเพดานบ่อยไปหน่อย คือเห็นกันชัดๆ ว่าเป็นฉาก ถ้าฉากใหญ่กว่านี้ (ซึ่งจริงๆ ก็ใหญ่แล้ว แต่การซูมออกเพื่อให้เห็นภาพ AR ในหลายๆ เพลง ทำให้เห็นขอบฉาก LED บ่อยเกินไป) หรือว่าซูมออกน้อยกว่านี้อีกนิดก็อาจจะลดปัญหานี้ได้ (แต่ก็แลกมากับการลดการมองเห็นอันสวยงามของภาพจาก AR ไปด้วย)
การไลฟ์คอนเสิร์ตที่คิดว่าน่าจะเป็นภาพแตกๆ ระดับ 480p ก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อเจอภาพความชัดระดับ HD ที่ 1080p ต่อจอเข้าทีวีภาพก็ยังชัดกริบชนิดเห็นหลุมสิวศิลปินได้ และไม่กระตุกเลย (ขึ้นอยู่กับอินเตอร์เน็ตของแต่ละคนด้วย) ถือว่าทำได้ดีมาก แต่ประเทศเจ้าแห่งอินเตอร์เน็ตอย่างเกาหลี กับการไลฟ์วิดีโอคอลกับแฟนคลับ แม้กระทั่งกับ Red Velvet ที่อยู่เกาหลีเหมือนกัน ภาพยังเป็นระดับ 480p ที่นอกจากจะไม่ชัดแล้วยังมืดอีกต่างหาก (เกือบจะดูไม่ออกว่าใครใน Red Velvet มาไลฟ์บ้าง) อันนี้ก็งงนิดหน่อยว่าทำไม ยิ่งช่วงที่น้องแฟนคลับคนไทยได้วิดีโอคอลพูดคุยกับมาร์ค เสียงกลับขาดๆ หายๆ จนรู้สึกเสียดายแทนเจ้าตัวมากๆ (แต่ก็ไม่ต้องเสียใจไปเพราะมาร์คแก้ไขสถานการณ์ได้ดี)
ซับไตเติลระหว่างพูดคุยกันบนเวที และหลังไลฟ์จบ มีให้เลือกหลายภาษา ทั้งอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย สเปน และโปรตุเกส แต่ก็แปลได้ไม่ครบถ้วน บางครั้งก็ขึ้นเร็วไปเร็วจนอ่านไม่ทัน แต่ก็ถือว่าดีกว่าไม่มี และช่วยให้พอจะเข้าใจบริบทโดยรวมได้บ้าง
การแสดงของหนุ่มๆ SuperM ถือว่าทำได้ดีตามมาตรฐานศิลปิน SM ร้องสดบ้างลิปซิงค์บ้างในโชว์ที่เน้นเต้น แอบคิดว่าหนุ่มๆ ค่อนข้างตื่นเต้นในช่วงแรกๆ การพูดคุยยังไม่ลื่นไหลมากนัก เพราะทุกอย่างค่อนข้างใหม่มาก การพุดคุยกันเอง โชว์เองโดยปราศจากฟีดแบ็คและเสียงเชียร์จากแฟนเพลงเป็นเรื่องที่ยากต่อศิลปินมากกว่าที่พวกเราคิด เพราะพวกเขาต้องสร้างอารมณ์ในการแสดงกันเองโดยที่ไม่มีรีแอคชั่นจากคนดู ทั้งที่จริงแล้วการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปิน รีแอคชั่นจากคนดูสำคัญมากเหมือนกัน ถึงขนาดว่าแทยงขอถามแฟนเพลงกลับตอนได้คุยบนเวทีว่า โชว์ของพวกเขาเป็นยังไงบ้าง ชอบกันบ้างไหม ทุกเพลงหลังโชว์จบไม่มีเสียงกรี๊ดเหมือนเคย ทำให้บรรยากาศการแสดงดูแห้งๆ เงียบๆ แบบแปลกๆ ไปเหมือนกัน แต่หนุ่มๆ แสดงเต็มที่มาก เอเนอจี้ไม่ดร็อป สีหน้าท่าทางเหมือนแสดงคอนเสิร์ตต่อหน้าแฟนๆ จริงๆ ถือว่ามีความพยายามและทำได้ดี น่าชมเชย
ถือว่าเป็นประสบการณ์ชมคอนเสิร์ตในช่วงนี้ที่น่าประทับใจ และทำได้ดีกว่าที่คิด เชื่อว่าแฟนๆ หลายคนโหยหาการชมไลฟ์ที่เป็น full performance แบบนี้กันมานานมากๆ รวมถึงศิลปินเองก็เช่นกัน ตื่นเต้นกันทั้งแฟนเพลงและศิลปิน ถ้าถามว่าคุ้มค่าไหมกับเงิน 899-900 บาทต่อโชว์ เราคงต้องถามกลับว่า คุณโหยหาไลฟ์คอนเสิร์ตดีๆ แบบ full scale แบบนี้มากแค่ไหน คุณพร้อมจะสนับสนุนศิลปินที่คุณรักไหม คุณอยากเห็นโชว์ที่เต็มไปด้วยความตั้งใจของศิลปิน และทีมงานนับร้อยชีวิตที่ช่วยกันสร้างโชว์เหล่านี้ขึ้นมาไหม ถ้าใช่ ก็ขอบอกว่าเงินที่เสียไปคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์แน่นอน ได้โปรดสนับสนุนการชมด้วยวิธีที่ถูกลิขสิทธิ์กันด้วยนะคะ
เจอกันอีกครั้งในโชว์ของ WayV, NCT DREAM และ NCT 127 เมื่อ SuperM ทำได้ดีขนาดนี้ ความคาดหวังของเรายิ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน จะน่าตื่นตาตื่นใจเหมือนเดิมไหม มาลุ้นกัน
อัลบั้มภาพ 19 ภาพ