NCT 127 Beyond the Origin Live โชว์ดีทั้งแสงสีเสียงพร้อมเซอร์ไพรส์ตั้งแต่ต้นจนจบ
ครั้งที่ 4 ของคอนเสิร์ตสตรีมมิ่งออนไลน์ซีรีส์ Beyond Live ต่อจาก SuperM, WayV, NCT Dream ก็เป็น NCT 127 กับโชว์ NCT 127 – Beyond the Origin ผ่านแอปฯ V Live เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 63 ที่ผ่านมา ซึ่งโดยรวมเป็นการต่อยอดมาจากทัวร์ NCT 127 1st Tour 'NEO CITY – The Origin
ที่หนุ่มๆ เพิ่งจัดเวิลด์ทัวร์กันไปเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา แต่เมื่อมันเป็น Beyond the Origin จึงเป็นการผสมผสานระหว่างการแสดงและเพลงในทัวร์ครั้งที่แล้ว บวกกับเพลงใหม่ในอัลบั้ม NCT #127: Neo Zone และอัลบั้มนีแพกเกจ NCT #127 Neo Zone : The Final Round คนที่ยังไม่เคยดูคอนเสิร์ตทัวร์ครั้งที่แล้วยังได้กลิ่นอายของทัวร์ครั้งที่แล้วอยู่ ในขณะเดียวกันคนที่เคยดูแล้วก็ยังตื่นเต้นกับการแสดงเพลงใหม่ๆ ที่มีเซอร์ไพรส์โผล่ออกมาให้ดูกันเรื่อยๆ เรียกว่าบาลานซ์ได้ดีเลยทีเดียว
เมื่อจัดคอนเสิร์ตไปเรื่อยๆ ก็เริ่มมีการปรับปรุงคุณภาพ และเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ๆ เข้ามาเรื่อยๆ คราวนี้นอกจากแท่งไฟจะซิงค์กับมือถือให้ไฟกระพริบขณะดูคอนเสิร์ตได้เหมือนเดิมแล้ว ในโชว์ของ NCT 127 มีลิงค์ Multicam แยกให้เจาะดูสมาชิกเฉพาะคนที่เราชอบได้ด้วย
NCT 127 – Beyond the Origin มีผู้ชมที่มาร่วมสนุกไปด้วยกันแบบเรียลไทม์กว่า 104,000 คน จาก 129 ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทย ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน อินโดนีเซีย แคนาดา อังกฤษ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย เยอรมัน เวียดนาม เม็กซิโก ฝรั่งเศส รัสเซีย อิตาลี บราซิล ชิลี สเปน เนเธอร์แลนด์ ฯลฯ ส่วนแฮชแท็ก #NCT127_BeyondLIVE ก็ครองเทรนด์อันดับ 1 บน Twitter ได้เรียบ ทั้งแบบ Worldwide และในหลายประเทศอย่างประเทศไทย สหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก ฝรั่งเศส รัสเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เปรู เป็นต้น
13.00 น. ตรงเวลาเป๊ะ เปิดตัวด้วย VCR บรรยากาศคอนเสิร์ต NEO CITY - The Origin ที่ตอนแรกนึกว่าจะเป็น VCR เก่าทั้งหมด แต่จริงๆ เป็นการตัดสลับของเก่าและของใหม่ที่ภาพกราฟิกสวยจนลืมกระพริบตา โดยมาในธีมของ “เวลา” และ “วิทยาศาสตร์” สมกับเป็น Neo Culture Technology เริมต้นด้วยเพลงแรก “Cherry Bomb” เพลงแนะนำสมาชิกทีละคน ทั้ง แทยง, แทอิล, ยูตะ, จอห์นนี่, โดยอง, แจฮยอน, จองอู, มาร์ค และ แฮชาน เพิ่มส่วนของแดนซ์เบรกให้แต่ละคนได้โชว์ตัวเหมือนกับใน NEO CITY - The Origin Tour กราฟิกระเบิดควันสีชมพูจากจอ LED ทั้งด้านหลัง ด้านข้าง และด้านล่างทำได้สวยมาก ยังไม่ทันได้หายใจหายคอก็มามันกันต่อกับ “Chain” เวอร์ชั่นญี่ปุ่น และ “Regular” เวอร์ชั่นอังกฤษ แค่ 3 เพลงแรกก็ 3 ภาษาแล้ว สมกับเป็น NCT 127 ที่เน้นกลุ่มแฟนคลับทั่วโลกจริงๆ
พักหายใจหายคอด้วยการที่สมาชิกในวงออกมาพูดคุยทักทายหลายหลายภาษาเช่นเคย (แน่นอนว่ามีภาษาไทยจาก แทอิล ด้วย) จากนั้นก็เริ่มเซอร์ไพรส์แรกกันด้วยการเปลี่ยนเสื้อเป็นแจ็กเก็ตทรงเบสบอลสีน้ำเงินตัวเก่ง เพื่อการแสดงในเพลงใหม่จากอัลบั้ม Neo Zone อย่าง “Boom” ที่เป็นเพลงที่แฟนๆ โหวตให้ได้คะแนนมากที่สุดจากการปล่อย track videos (มินิเอ็มวี) เพลงจากในอัลบั้มทุกเพลงใน Neo Zone ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทั้งเพลงและท่าเต้นสบายๆ น่ารักๆ ร้องไปยิ้มไปเหมือนเป็นเพลง “Touch” เวอร์ชั่นใหม่เลยทีเดียว
จากนั้นเข้าช่วง VCR เบื้องหลังทัวร์อเมริกาเหนือของทัวร์ NEO CITY - The Origin โดยมีเพลง “Dreams Come True” เปิดประกอบภาพ กลับมาที่เวทีอีกครั้งก็เปลี่ยนอารมณ์เป็นเพลงบัลลาด ซึ่งเป็นเพลงใหม่จาก Neo Zone: The Final Round รีแพกเกจ นั่นคือ “Make Your Day” ที่ได้สมาชิกสายโวคอล โดยอง, แจฮยอน, แทอิล, แฮชาน และ จองอู มาในลุคเชิ้ตขาวกางเกงสีดำ ค่อยเดินร้องเพลงมาเจอกันตรงกลางเวที และมีแยกจอให้เห็นใบหน้าของสมาชิกแต่ละคนแยกกันด้วย (ถ้านึกไม่ออก ให้นึกถึงหน้าจอประชุมออนไลน์ผ่าน ZOOM) เมื่อเพลงค่อยๆ จบ ก็มีสมาชิกคนอื่นๆ ตามมาสมทบจากด้านข้างเวที และต่อกันที่เพลงบัลลาดเพราะๆ อีกเพลงอย่าง “White Night” ที่มาถึงเพลงนี้ฟังก์ชั่น Multicam เปิดให้แฟนๆ ทุกคนเปลี่ยนเข้าไปดูลิงค์ focus เฉพาะสมาชิกที่เราชอบได้ตลอดทั้งเพลง ใครที่อยากดูสมาชิกทุกคนก็ดูลิงค์ main cam ไปเหมือนเดิม แต่ละคนร้องได้ดีและเสียงค่อนข้างนิ่ง ทำได้ดีไม่มีแววตื่นเต้นเลย
คลิปวิดีโอซ้อมร้องเพลง "Make Your Day"
จบช่วงเพลงบัลลาด ทุกคนพักพูดคุยอ่านคอมเมนต์จากแฟนเพลง จากนั้นก็เริ่มเซอร์ไพรส์ช่วงที่ 2 กับสมาชิก จอห์นนี่ ที่กลายร่างเป็น ดีเจ จอห์นนี่ เปิดรีมิกซ์เพลง “Kick It” ให้กับอีกสามสมาชิกสายแดนซ์อย่าง มาร์ค, แทอิล และ ยูตะ มา dance battle กัน โดยนอกจากจะเป็นเพลง “Kick It” EDM remix ที่ทำโดยโปรเจกต์ iScreaM ของ SM แล้ว ยังมีรีมิกซ์ที่ทำโดยตัวจอห์นนี่เองอีกด้วย ฟังแล้วเข้าท่าน่าแดนซ์ไม่เบาเหมือนกัน ต่อจากนั้นดีเจจอห์นนี่ยังส่งเพลง “Love Me Now” เวอร์ชั่นรีมิกซ์ เปลี่ยนเวทีแดนซ์เป็นคลับเก๋ๆ แล้วให้สมาชิกในวงคนอื่นๆ ถือแท่งไฟออกมาชวนแฟนๆ กระโดดโลดเต้นกันมันจนเมื่อยคอกันไปข้างนึง นับว่าเป็นช่วงไฮไลต์ของโชว์ที่สนุกมากจนไม่อยากให้จบ
พักพูดคุยกันถึงฝีมือการรีมิกซ์เพลงของจอห์นนี่ และการเต้นของแต่ละคนเรียบร้อยแล้ว ก็มาทำการแสดงด้วยกันต่อกับ “Superhuman” ต่อด้วย “Wake Up” และ “Baby Don’t Like It” ที่เป็นการแสดงบน Jungle Gym โครงเหล็กขนาดใหญ่ที่เหมือนโครงเหล็กในสนามเด็กเล่น ที่ให้สมาชิกขึ้นไปปีนป่ายข้างบนขณะทำการแสดงไปด้วย โดยสมาชิกทุกคนเคลื่อนขบวนจากเวทีหลัก LED ขนาดใหญ่ เดินผ่านโซนทีมงานควบคุมเวที แล้วมาที่เวทีด้านหลังที่เป็นที่ตั้งของโครงเหล็กขนาดใหญ่หลายฟุตที่น่าจะไม่สามารถติดตั้งบนเวที LED เดิมได้ ในส่วนนี้ของ 2 เพลงนี้เป็นการแสดงเหมือนใน NEO CITY - The Origin Tour แม้ว่ารายละเอียดต่างๆ จะเปลี่ยนนิดหน่อย แต่ความเซ็กซี่ ความฮ็อตในโชว์เซ็ตนี้ยังเหมือนเดิม (หรือมากกว่าเดิม)
Jungle Gym โครงเหล็กขนาดใหญ่ในทัวร์ NEO CITY - The Origin
เข้าช่วงเซอร์ไพรส์ช่วงที่ 3 กับทีเซอร์ซิงเกิลใหม่ “Punch” ที่เราจะได้ฟังเพลง และชม live performance เป็นครั้งแรกในคอนเสิร์ตนี้ หนุ่มๆ มาในชุดเสื้อแจ๊กเก็ตแนวทหารอังกฤษสีแดงขอบดำพร้อมเข็มกลัดคล้ายเครื่องราชฯ ต่างๆ เต็มไปหมด และ AR TEchnology ที่จัดให้แบบชุดใหญ่ไฟกระพริบด้วยการเนรมิตเวทีแสดงเพลงเป็นเวทีแข่งมวย พร้อมกระสอบทรายขนาดใหญ่ และจอทีวีตรงกลางที่ฉายให้เห็นภาพสมาชิกและชื่อวงสลับไปมาเหมือนในเวทีมวยสากล เพลงมาในแนวดุดันแต่ไม่มากเท่า “Kick It” และมีเสียงเอฟเฟกต์คล้ายเสียงเกมยุค ‘90s อยู่ในเพลงด้วย เข้ากับธีมของคัมแบ็คนี้ที่มีอัลบั้มเวอร์ชั่น 1st Player และ 2nd Player ดูจบแล้วอยากดูเอ็มวีขึ้นมาทันที
เข้าสู่ช่วง Interactive Q&A ที่หนุ่มๆ ได้พูดคุยกับแฟนเพลงทั้งในเกาหลี อเมริกา และญี่ปุ่น สมาชิกได้พูดขอบคุณซึ่งกันและกัน ตอบคำถามถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งในฐานะวงและตัวเองตั้งแต่วันเดบิวต์ และกิจกรรมที่ทำในช่วงที่ผ่านมา จากนั้นก็เป็นเซอร์ไพรส์วิดีโอคอลจาก ยุนโฮ TVXQ! รุ่นพี่ที่มาให้กำลังใจ และมาขอคำแนะนำการเล่นคอนเสิร์ตสตรีมมิ่งออนไลน์ครั้งแรกจากรุ่นน้อง ทั้งหมดนี้ไม่มีปัญหาทางด้านเทคนิคเลย ถือว่าพัฒนาระบบได้ดีขึ้นเยอะ
หลังพูดคุยกับแฟนๆ อย่างสนุกสนานก็เป็นเพลงสนุกๆ สีสันสดใสเหมือนในเอ็มวีกับ “Touch” ต่อด้วย “Highway to Heaven” เวอร์ชั่นอังกฤษ กับกราฟิก LED ที่เป็นภาพถนนหลวงในต่างประเทศสวยๆ และหนุ่มๆ ทั้งร้องทั้งเต้นได้ดี เต็มไปด้วยพลังที่ยังไม่มีตกตั้งแต่เพลงแรกยันเพลงเกือบสุดท้าย หลังจากเข้าสู่ช่วง Talk เพื่อขอบคุณแฟนๆ จากทั่วโลกแล้ว ก็ปิดท้ายด้วย “Kick It” ที่เปลี่ยนเวทีเป็น China Town มาทั้งเสาหลักเมืองสีแดง ไฟนีออนสีเหลือง โคมไฟสีแดง และ AR มังกรยักษ์สีทองอร่ามแบบ 3D ที่ออกมาวาดลวยลายช่วงต้นและท้ายเพลง สร้างความตื่นเต้นให้ผู้ชมจนถึงเพลงสุดท้ายได้ดีจริงๆ
การแสดงของทุกคนยังคงทำได้ดีไม่ว่าจะร้อง เต้น และการเอนเตอร์เทนที่น่าจะมาจากประสบการณ์ในการทัวร์ และขึ้นแสดงบนเวทีมานับครั้งไม่ถ้วน แม้กระทั่งแฮชาน สมาชิกที่เพิ่งขึ้นเวทีกับ NCT Dream ไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วยังบอกว่าในโชว์ครั้งนี้เขารีแลกซ์และเป็นธรรมชาติมากขึ้น สมาชิกที่มีหลายคนสามารถดำเนินโชว์ในช่วง Talk ให้ผ่านไปได้อย่างราบรื่น แต่ละคนแทบไม่มีอาการตื่นเวทีให้เห็นกันเลย และทางด้านเทคนิคอย่างกราฟิกบน LED และภาพ AR ก็ทำได้สวยจนอ้าปากค้างได้เช่นกัน รวมไปถึงการ support อุปกรณ์ต่างๆ เช่น วิดีโอจากแฟนเพลง ไมโครโฟน ที่เคยมีปัญหานิดหน่อยจากโชว์ก่อนหน้านี้ คราวนี้ก็ดีขึ้นจนไม่พบปัญหาใดๆ ถือว่าทีมงานทำการบ้านมาดี และอีกไฮไลต์กับการยกโครงเหล็ก Jungle Gym เข้ามาใช้อีกครั้ง ก็เป็นลูกเล่นที่คุ้มค่าและลงทุนมาก แม้ว่าจะใช้แค่ 2 เพลง แต่ก็เป็นโมเมนต์ที่น่าประทับใจ ไม่ว่าจะเคยดู NEO CITY - The Origin Tour มาก่อนหรือไม่ก็ตาม และถึงแม้จะทำการแสดงแค่ราวๆ 15 เพลงเหมือนวงก่อนหน้านี้ แต่เพราะการเปลี่ยนเวที การแสดงพิเศษช่วงดีเจ EDM ต่างๆ ทำให้โชว์ดูมีความพิเศษ และมีลูกเล่นมากขึ้นอีก 1 ระดับ
แต่การเป็นศิลปินที่เล่นต่อจากวงก่อนๆ การเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็ทำให้อะไรหลายอย่างหายไป เช่น การไม่มีภาระกิจให้เล่นกับแฟนเพลงระหว่าง Interactive Q&A เหมือนกับวงอื่นๆ การมาของ Multicam ที่แฟนๆ หลายคนชอบ แต่ในทางกลับกันการเปลี่ยนลิงค์ในการชมจากกล้องหลัง ไปกล้องโฟกัส อาจทำให้แฟนๆ ที่ชมกล้องโฟกัสขาดประสบการณ์ในการชมการแสดงโดยรวมที่อุตส่าห์ดีไซน์กันมาอย่างดี (นอกจากแฟนเพลงคนนั้นจะเปิดสองลิงค์ดูพร้อมกัน ซึ่งก็เสี่ยงต่อการที่วิดีโอจะเล่นไม่พร้อมกันด้วย) การออกจากลิงค์เดิมเพื่อเข้าลิงค์ใหม่ในการชมกล้องโฟกัส ทำให้แท่งไฟหลุดจากการเชื่อมต่อ bluetooth และต้องเชื่อมต่อใหม่อีกครั้งเมื่อกลับมาที่ลิงค์วิดีโอกล้องหลัก (แต่คนที่ใช้ไอโฟน หรือดูผ่านคอมพิวเตอร์จะไม่ได้เชื่อมต่อ bluetooth กับแท่งไฟได้อยู่แล้ว) หลายคนอาจเพลิดเพลินกับการชมกล้องโฟกัสเฉพาะสมาชิกที่ชอบ แต่สำหรับเรามีความเห็นส่วนตัวว่าค่อนข้างยุ่งยากสำหรับคนที่อยากชมคอนเสิร์ตแบบภาพรวม จึงตัดปัญหาด้วยการเลือกชมแต่กล้องหลัก (ถ้ามีให้ชมย้อนหลังค่อยเข้าไปดูกล้องเดี่ยวอีกครั้งในภายหลัง) นอกจากนี้กล้อง Multicam ก็ไม่ได้มีทุกเพลง ต้องคอยสังเกตที่หน้าจอว่าเพลงนี้จะมีกล้องแยกหรือไม่ ก็ถือว่าเป็นฟังก์ชั่นที่มีข้อดีและข้อเสียอยู่เหมือนกัน
ทางด้านของ AR Technology ที่นำมาใช้ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ถือว่าไม่มากและไม่น้อยไปกว่าโชว์ของ WayV และ NCT Dream เพราะโผล่ออกมาแค่ 2-3 เพลงเหมือนกัน แต่ต้องยอมรับว่ากราฟิก LED และ AR สวยกว่า น่าตะลึงและติดตากว่ามาก ไม่แน่ใจว่าเพราะยิ่งทำคอนเสิร์ตแล้วมันก็เลยค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับหรือเปล่า แต่ของ SuperM เรายังยกให้เป็นโชว์ที่ AR เยอะที่สุด และสวยที่สุดอยู่ดี แต่ก็แลกมากับปัญหาทางด้านเทคนิคมากมายที่เกิดขึ้นเพราะเป็นศิลปินเบอร์แรกของโปรเจกต์ ในขณะที่โชว์ที่ตามมาหลังๆ จะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม กับการแสดงคอนเสิร์ต NCT 127 Beyond the Origin สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้ค่อนข้างมาก แม้ว่าเราจะคาดหวังว่าจะได้ชมการแสดงจากอัลบั้มใหม่มากกว่านี้ (เช่น “Mad Dog” และ “SIT DOWN!”) และต้องเสียดายกับเพลงเก่าๆ ที่โดนตัดไปมากมาย แต่คอนเสิร์ตนี้คือ Beyond the Origin เราคงต้องรอ Neo Zone Tour เพื่อจะได้ฟังเพลงอัลบั้มใหม่เต็มๆ จากการชมคอนเสิร์ตในครั้งนี้ เราแทบไม่มีข้อกังขากับความสามารถในฐานะศิลปินของหนุ่มๆ เลย เป็นการชมคอนเสิร์ตแบบสบายหูสบายตา ไม่ต้องคอยลุ้นว่าจะมีอะไรพังอะไรพลาดหรือไม่ ทุกอย่างราบรื่นดีจนแทบจะเรียกได้ว่าเพอร์เฟกต์ จนแอบคิดว่าชมออนไลน์ก็สนุกขนาดนี้ ถ้าได้ชมจริงๆ ในฮอลล์จะสนุกขนาดไหน
หวังว่าจะได้ชมคอนเสิร์ตจริงๆ ในเร็วๆ นี้
โชว์ต่อไปเป็นตาของวงรุ่นพี่ TVXQ! วันที่ 24 พ.ค. และ Super Junior วันที่ 31 พ.ค. แค่ชื่อวงก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดาแน่ๆ ใครเป็นแฟนคลับศิลปินตึกชมพูก็ดูกันต่อยาวๆ ทุกอาทิตย์ด้วยกันไปเลยนะ
อัลบั้มภาพ 15 ภาพ