Black Metal ดนตรีต่อต้านศาสนา Part 1 โดย อริญชย์ Dose | Sanook Music

Black Metal ดนตรีต่อต้านศาสนา Part 1 โดย อริญชย์ Dose

Black Metal ดนตรีต่อต้านศาสนา Part 1 โดย อริญชย์ Dose
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การที่เราจะพูดถึงเรื่องอะไรสักเรื่อง พูดถึงใครสักคนไม่ว่าจะเป็นในแง่มุมไหน เราควรศึกษาเขาให้ท่องแท้ก่อน โดยยิ่งถ้าไม่ได้เป็นเรื่องไร้สาระเล่นมุกฮาในวงเหล้าเม้าท์แตก อ่านแล้วอาจจะดูว่าไม่เข้ากับสิ่งที่จั่วหัวมาในบทความเลยใช่ไหม แต่จริงๆ แล้วส่วนตัวข้าพเจ้าคิดว่าสิ่งกล่าวมาข้างต้นมีส่วนเป็นแรงขับดันใหญ่ให้ศิลปินที่ผลิตดนตรีแนวที่ชื่อว่า Black Metal อย่างมาก แล้วมันเกี่ยวข้องกันยังไง ลองใช้สายตาอ่านแล้วคิดตาม โดยเราจะไล่จากประวัติแล้วคุณอาจจะเข้าใจมันมากขึ้น

ปฏิสนธิ 

ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกมีการพัฒนาการไม่มากก็น้อยไปตามสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามยุคสมัย ในปี 1982 วงแนว Speed Thrash Metal จาก Newcastle นามว่า Venom ได้ออกอัลบั้มชื่อ Black Metal  นั่นเป็นครั้งแรกที่โลกใบนี้ได้สัมผัสกับคำว่า Black Metal ถ้าจะถามว่ามันคือ Black Metal แบบ Pure เลยรึเปล่าก็ตอบได้เลยว่าไม่ใช่เพราะในแง่ของดนตรีจะออกเป็น Thrash มากกว่าส่วนเนื้อหาแม้จะพูดถึงเรื่อง มนต์ดำ ปีศาจ ซาตาน ไวกิ้ง และการเหยียดและต่อต้านศาสนาโดยเฉพาะศาสนาที่มีรากมาจาก อับบราฮัม คือ ยูดาห์ คริสต์ อิสลาม เพราะ Black Metal จะเน้นไปที่การบูชานับถือซาตานด้านมืดศึกคือ Boss ตัวร้ายของศาสนา ยูดาห์ กับ คริสต์ หรือ ชัยฏอน ในอิสลาม

ว่ากันในแง่เนื้อหาทำนองนี้ Venom ก็ไม่ใช่วงดนตรีวงแรกที่พูดถึงเพราะประมาณนี้ Ozzy เองก็พูดมาแล้วตั้งแต่สมัย Black Sabbath มาก่อนแล้ว หรือแม้แต่วงจากทวีปยุโรปอย่าง Hellhammer, Celtic Frost, Sodom, Destruction, Bulldozer, Death SS, Tormentor, Root , Mercyful Fate และ Bathory (วงนี้เป็นผู้กำเนิดแนว ไวกิ้งเมทัลที่พูดวิถีชาวไวกิ้งในสแกนดิเนเวีย) จะมีหลงมาจากอเมริกา และ ละตินก็แค่วง Sarcofago จาก Brazil และ Blasphemy จาก Canada (รายนี้ต้นกำเนิด War Metal) แม้ว่าทั้งหมดจะพูดเรื่องเดียวก็หาใช่เป็น Black Metal แบบแท้ๆ แต่นั่นคือจุดกำเนิดของดนตรีสายนี้

Ozzy OsbournePhoto by George De Sota/LiaisonOzzy Osbourne 

ประสูติ

เมื่อเข้าสู่ยุค '90s ที่ประเทศนอร์เวย์ มีวงคลื่นลูกใหม่ที่รับอิทธิผลจากวงยุค '80s ที่พูดถึงก่อนหน้านี้ อย่าง กำเนิดขึ้นหลายวงอาทิ Mayhem, Emperor, Enslaved, Immortal ,Burzum, Darkthrone, Immortal, Satyricon, Enslaved, Emperor, Dimmu Borgir, Gorgoroth และได้พัฒนามันจนก่อเกิดเป็นดนตรีที่ต่อต้านศาสนาบูชาซาตานแบบเต็มตีน ซึ่งถือสิ่งที่วงดนตรีเหล่านี้ได้พัฒนาเอาสิ่งที่วงยุค '80s พูดมากระจายต่อแบบตรงๆพร้อมแทรกอุดมการณ์ทัศนะคติในเชิงลบต่อทุกศาสนาในโลกไม่มีคำว่าพระเจ้าล่ามไปการบูชาซาตาน บวกกับแต่งตัวแสดงภาพลักษณอย่างออกรสออกชาติไม่มีอ้อมเหมือน Taxi เมืองไทยชัดที่สุดคือไม่เอาเยซูต่อต้านเหล่าคริสเตียนล้อเลียนแม่ชีและพระเเม่มารี แล้วดนตรี Black Metal มันเป็นยังไงแน่นอนว่าไม่มีอะไรดีที่สุดนอกจากการฟังแต่จะให้เข้าใจแบบถ่องแท้จงเปิด Platform ฟังเพลงของท่านที่ถนัด แล้วพิมพ์หา Playlist แนว Black Metal ฟังไปและอ่านไปจะเพิ่มอรรถรสมากยิ่งขึ้น    

ภาพรวมของดนตรี

Black Metal ในยุค '90s ลดความเป็น Thrash ลงไป Riff จะน้อยลง Solo แทบไม่มีจะเพิ่มทางคอร์ดและขั้นคู่เสียงที่ฟังดูชั่วร้ายนึกถึงซาตานกลอง Blast Beat เบสเสียงแตกและความดิบแบบ Punk เรียกว่าทำดนตรีออกมาเป็นบรรยากาศเพื่อรองรับสิ่งที่ตัววงจะพูดมากกว่าเน้นทักษะ การร้องแบบจะเป็นการว้ากแบบแหลมสูงหรือ High Pitched Shrieks Screams, Snarls แตกต่างจากการร้องแบบกดต่ำสำรอกหรือดูดแบบแนว Death Metal หรือใช้คนที่มีอาการป่วยทางจิตมาบันทึก บันทึกเสียงกรีดร้องออกมาเป็นเวลานานหลายชั่วโมง โดยรวม Sound จะฟังแล้ว ดิบ สาก หยาบกร้าน ชั่วช้าและหนาวเย็น

การบันทึกเสียง

ด้วยปัจจัยหลายๆอย่างการผลิตผลงานของวงเหล่านี้จะทำออกมาในแบบ DIY ทุนต่ำวงตำนานอย่าง Mayhem ก็บันทึกเสียงกันที่ชั้นใต้ดินของร้าน Helvete แปลว่า นรก ซึ่งเจ้าของร้านคือ Euronymous มือกีตาร์ของวงนั้นเอง

ช่วงปลายยุค '90s หลายๆวงที่เริ่มดังและทุนหนาจากการเข้ามาอุ้มชูของค่ายเพลงได้นำเอา Keyboard และ Synthesizer มาใช้ และเพิ่มคุณภาพการผลิตดนตรี ทั้งจ้างวงประสานเสียงหรือนำเอาวงออเครสต้าซิมโฟนีมาบันทึกเสียงพัฒนาด้านดนตรีไปจนเรียกได้ว่าเป็น Symphonic Black แม้ปัจจุบันจะมีการบันทึกเสียงที่ดีขึ้นในงบที่ต่ำ แต่ศิลปินหลายๆ วงยังคงรักษาการบันทึกเสียงให้มีความดิบไว้เพื่อรักษาอุดมการณ์และรากเหง้าของดนตรี Black Metal และแฟนๆ เพลงพันธุ์แท้แนวนี้หลายคนก็นิยมชมชอบมันด้วย Sound ดีไม่ฟังต้องฟังเทปยิ่งห่วยๆ อู้ๆ ยิ่งสะใจถึงอารมณ์ จึงทำให้วง Black หลายๆ วงยังผลิต Format เทปและ Vinyl ออกมาขายอยู่โดยเฉพาะ Pics Disc หรือ Colour Disc ที่ทำมาแค่ 1000 ชุดในโลก ในสมัยก่อนเราสะสมเพราะเราชอบวงนั้นจริงๆ แต่ปัจจุบันมันกลับทำราคาได้ดีจนพ่อค้าหัวใสใน Ebay หลายคนร่ำรวยจากการปั่นราคาแผ่นราคาเทปวง Black Metal ไปเยอะแล้ว

Artwork

จะเน้นโทนขาว-ดำแบบเรียบง่ายแต่ไม่ได้เรียบหรูแบบวง The 1975 ที่กำลังโด่งดัง อัลบั้มวง Black Metal มักใช้รูปบรรยากาศ รูปบรรยากาศต่างๆ รูปทิวทัศน์ธรรมชาติ หรือจินตนาการต่างๆ รูปวาดหรือรูปถ่ายที่ล้อเลียนศาสนา ส่วนใหญ่จะเป็นคริสเตียนเช่น โบสถ์ที่ถูกเผา แม่ชีติ้_น้องสาว หรือพระเยซูสาวแห_ เรียกได้ว่า F**k You Jesus ของแท้แม้แต่รูปศพจริงๆ ของนักร้องนำก็เคยถูกนำมาใช้ และเมื่อดนตรีที่ดิบหยาบมารวมกับเนื้อหาที่ต่ำช้าในมุมของ คริสเตียนมันจึงจึงบังเกิดกระแส Norwegian Black Metal เพื่อเป็นคำเรียกให้ชัดเจนมากขึ้นในหมู่เเฟนเพลง

การแสดงสด 

วง Black Metal จะต้องมีอุปกรณ์ต่างๆในการใช้ประกอบโชว์บนเวที จะมีหัวสัตว์ อาวุธมีด ดาบ โล่ ละเลงเลือดสัตว์บนตัว ใช้นางแบบเปลือย ตรึงไว้กับไม้กางเขน การตัดหัวสัตว์สดๆพร้อมกับแฟชั่น ในชุดสีดำกับรองเท้าคอมแบท เข็มขัดกระสุน ปลอกแขนหนาม กางเขนกลับหัว ซึ่งแล้วแต่ว่าแต่ละวงจะหาอาวุธได้แบบไหนบางวงลึกซึ้งในยุคเก่าอิงตามประวัติศาสตร์ท้องถิ่นทั้งชุดเกราะ ขวาน กระบองหนาม ดาบ โล่ หรือบางวงที่เป็นสมัยใหม่ยิ่งสาย War Metal ก็จะติดอาวุธหนักอย่าง หน้ากากแก๊ส แผงกระสุนปืน M60 เข็มขัดกระสุน ระเบิด พร้อมบวกพร้อมทำสงครามเอาคืนจากพวกคริสเตียนที่ได้ทำลายรากวัฒธรรมและเข่นฆ่าบรรพบุรุษของชาว Viking การใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์มันดูธรรมดาไปและดูไม่แปลกแยกจากตัวตนปกติ จึงมีการแสดงให้เหนือไปกว่านั้นนั่นคือการ Corpse Paint (Dead จาก Mayhem คือคนแรกที่นำมันกลับมาใช้หลังจาก Sarcófago) ซึ่งมันสำคัญพอๆ กับเนื้อเพลงที่จะสื่ออธิบายง่ายๆ มันคือการแต่งหน้าแต่งตัวเป็นศพ ด้วยสีขาว สีดำ หรือสีแดงแต่บางทีก็ใช้เลือดจริง บางวงที่เล่นติด Viking จะทาหน้าอีกแบบเสมือนการออกรบเผื่อเข่นฆ่าเหล่าคริสเตียนและศาสนาอื่นๆ เลยการใส่ Cloak หรือผ้าคลุมยาวสีดำก็เสมือนเป็นการต่อต้านนักบวชในศาสนาในศาสนาคริสต์ที่ใส่ผ้าขาว

เมื่อกายพร้อมใจพร้อมก็ก้าวขึ้นเวทีหรือที่ศิลปินหลายๆ คนเรียกมันว่าวิหารทำพิธีสรรเสริญเทพเจ้า แต่เทพในที่นี่คือองค์ซาตานและวง Moshpit ข้างล่างนั่นคือ ลานประหัตประหารเยซูคริสต์ที่สาวกพร้อมจะรอเชือดและสาปแช่งศาสนา เมื่อเสียงจากบทเพลงแรกเริ่มร่ายบทเพลงบรรเลงเพลงสวดซาตาน กะโหลกแกะจำนวนมากห้อยลงมาจากเสา ไม้กางเขน ชายเปลือยสองคนคลุมหัว ห้องไม้กางเขน กับสาวเปลืองอีกสองคนที่โฉลมไปด้วยเลือด บางวงใช้หัวหมู บางวงใช้แกะ เหตุผลที่ใช้แกะเพราะเป็นตัวแทนคนที่หลงทางไปตามไบเบิ้ลของคริสเตียน บางโชว์มีการตัดหัวสัตว์สดๆ จนถูกกลุ่มรณรงค์เกี่ยวกับสัตว์ต้องแจ้งความเกี่ยวกับการกระทำต่อสัตว์โดยมนุษย์ใจ Black Metal บางวงใช้ภาพเพื่อบอกเล่าประวัติศาสตร์การทำลายล้าง จำลองเหตุการณ์สงครามสู้รบกับคริสเตียนไปโหมไฟแห่งสงคราม ซึ่งไม่ว่าคุณจะเข้ามาเพื่ออะไรแต่ทั้งหมดนั้นมีนัยยะแฝงหมด ทุกมนต์ขลังในโชว์แม้จะสุดโต่งในทุกแง่มุมแต่ล้วนมีที่มาที่ไป วางแผนค้นคว้าข้อมูลผ่านกระบวนการคิดเพื่อที่จะให้ Live นั้นเป็นดุจพิธีกรรมแฝงให้ตราตรึงติดในห้วงความคิดของสาวกผู้ชมทุกคนที่ไม่ว่าสิ่งที่ได้รับจะเป็นความสนุกตื่นเต้น เมามัน  ตื้นตัน โกรธแค้น หรืออาจจะอินกับพิธีกรรมจนเกลียดชังตามกันไป บางวงทำเพื่อการตลาดบางวงอุทิศให้ดนตรีบางวงเน้นให้ความบันเทิงบางวงมีนัยยะแฝง

ถ้าถามว่าทำไมถึงต้องทำเช่นนี้แน่นอนว่าการไปดูวง Black Metal เล่นสดเหมือนเราหลุดไปในโลกอีกโลกหนึ่งที่เหมือนเราเข้าไปเป็นสักขีพยานในพิธีกรรมบูชาซาตานปลดปล่อยความความมืดมนเกลียดชัง ความโหยหา ความรุนแรง ศึกสงคราม และปลดปล่อยด้านมือในจิตใจ และดูถูกเหยียดหยามการกระทำของกลุ่มนักบวช หรือกลุ่มพระในศาสนาทั้งหลายทั้งปวง เนื้อหาได้แสดงออกถึงความเกลียดชังในศาสนาและความเชื่ออย่างสุดๆ ทั้งหมดทั้งมวลเพื่อการปลุกเร้าให้ผู้ชมเข้าถึงการกระทำที่ต่อต้านศาสนา พร้อมจะเผาทำลายให้สิ้นซากจากประวัติศาสตร์ในสมัยอดีต เพื่อส่งพลังแห่งไฟสงครามมาปลุกระดมความรุนแรง เผาคัมภีร์ที่สร้างด้วยความเชื่อจากผู้ชนะ แต่ผู้แพ้สงครามกลับโดนทำลายย่ำยีพังสิ้นพินาศไป จุดประสงค์หลักของหลายๆวงคือการทำให้ปีศาจหรือซาตานได้ยิน กระจายความกลัวเพื่อส่งต่อความคิดของวงบ้างไม่สนใจดนตรีด้วยซ้ำ สนใจแต่สาส์นและ Massage ที่จะส่งออกมาเพื่อไปให้บรรลุเป้าหมายของซาตานซะมากกว่า

แฟชั่น

ชุดสีดำแจ็กเก็ตหนังติดอาร์ม แพช กับรองเท้าคอมแบท เข็มขัดกระสุน ปลอกแขนหนาม กางเขนกลับหัว คือของที่คู่กันขาดไม่ได้ทรงผมคือยาวแบบวง Heavy ยุค '80s ไม่ก็สกินเฮดไปเลย

วิถีชีวิต

นอกจากดนตรีที่เข้มข้นดิบเถื่อนแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาในโลกพฤติกรรมของวงดนตรีเหล่านี้ก็ดุดันไม่แพ้กันเพราะแนวคิดหลักๆของดนตรีแนวนี้คือ มนต์ดำ ปีศาจ ซาตาน ไวกิ้ง และการเหยียดศาสนาศิลปินหลายคนมีความคิดว่า การเผาโบสถ์เป็นการแสดงออกทางสัญลักษณ์ของการล้างแค้น เพราะศาสนาคริสต์เป็นศาสนาหัวรุนแรงในมุมมองของเขา ถ้ามองตามประวัติศาสตร์ที่คริสต์เตียนไปบุก อิสลาม และ ไวกิ้ง เมื่อชนะก็บังคับให้คนเหล่านั้นเข้าคริสต์พวกมันสมควรโดนแล้ว Grutle Kjellson จากวง Enslaved ได้เคยกล่าวไว้

ช่วงต้นยุค '90s โบสถ์คริสตจักรมากกว่า 50 โดนวางเพลิงไม่เว้นแม้แต่โบสถ์ที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก Vang Vikernes แห่ง Burzum เคยถูกจับข้อหา Fantoft Stave เมื่อหลุดมาได้เขาได้ใช้รูปซากโบสถ์แห่งเป็นปกอัลบั้มของวงแต่นั่นไม่ใช่แค่โบสถ์เดียว

varg

Vang ได้ร่วมมือกับ Euronymous และ Faust วง Emporer (รายนี้เคยก่อเหตุแทงชาว LGBTQ+ เสียชีวิตมาแล้ว) กระทำการอุกอาจระเบิดวิหาร Holmenkollen แต่ระเบิดกลับชื้นจึงทำได้แค่เอาคัมภีร์ออกมาแล้วเผาจนวิหารนั้นจนเหลือแค่ซากตอตะโก ปัจจุบัน Vang อยู่ในคุกข้อหาแทง Euronymous จนเสียชีวิต เคยกล่าวว่า “เขาสนับสนุนการเผาโบสถ์ 100% และต้องทำมากกว่านี้และอนาคตจะต้องเกิดขึ้นมากกว่านี้เราต้องทำลายทุกสิ่งที่เป็นรากของคริสต์กับยิวเพื่อโลกนี้"

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เล่น Black Metal จะต้องมีความคิดแบบนี้ Abbath จากวง Immortal คือ 1 ในคนที่ไม่เคยเผาโบสถ์เพราะเขามองว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรหากคุณเผาโบสถ์รัฐบาลก็สร้างมันขึ้นมาใหม่อยู่ดีด้วยภาษีของเราเองนี่แหละ

หนึ่งในเหตุการณ์ดังของซีน Black Metal ยุค '90s คือการตายของ Dead นักร้องนำวง Mayhem ซึ่งเขาอัตวินิบาตกรรมด้วยปืนลูกซอง ผู้พบศพคนแรกก็คือ Euronymous มือกีตาร์ของวง ภาพสมองที่กระจายพร้อมข้อความว่า Excuse All The Blood แทนที่เขาจะแจ้งตำรวจมาสืบสวนกลับวิ่งไปที่ร้านขายของชำเพื่อซื้อกล้องมาถ่ายรูปศพเพื่อน สุดท้ายเขาเอามาเป็นปกอัลบั้ม Dawn Of The Black Hearts

Gaahl อดีตนักร้องวง Gorgoroth ทุบหัวชายที่มาปาร์ตี้ที่บ้าน แล้วจับมากักขังทรมานไว้หลายชั่วโมงพร้อมขู่ว่าจะทำพิธีเหมือนกับนำเขาไปบูชายัญซาตานโดยต้องการดื่มเลือดของเหยื่อแล้วเอาไปพรมไว้ให้ทั่วบ้าน

GorgorothGorgoroth

Steinar Gundersen และ A.O. Gronbech วง Satyricon ถูกจับกุมและตั้งข้อหาในแคนาดาเพื่อให้ยาและข่มขืนผู้หญิงคนหนึ่งในรถทัวร์ของวงหลังจากคอนเสิร์ต

ทุกเรื่องราวของวงการ Black Metal ยุค '90s แลดูจะดิบเถื่อนไม่ว่าจะด้วยอุดมการณ์และจิตวิญญาณ หรืออะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายสิ่งที่สื่ออกมามันราวกับว่าอาชญากรรมและความตายได้วนเวียนและปกคลุมดนตรีแนวนี้เหมือนกับเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของชาว Black Metal ไปโดยปริยาย แต่อีกมุมหนึ่งมันคือความหอมหวานของสื่อสมัยนั้นที่สามารถขายข่าวฉาวๆ ได้สบาย

จากสแกนดิเนเวียกระจายสู่ยุโรป 

Black Metal เริ่มต้นจากแถบสแกนดิเนเวียและคนมักจะมองไปที่ นอร์เวย์เป็นพิเศษแต่สวีเดนก็มีวงเจ๋งๆ อยู่มากมายเช่น Dark Funeral, Dissection, Marduk, Necrophobic, Watain ขยับมาอีกนิดอย่าง Finland ดินแดนปลาทะเลก็มี Sanojesi Äärelle, Ugra-Karma, Verisäkeet, Numinous และ Archgoat เป็นต้น

แม้จะมีวงที่โด่งดังจากทางนั้นซะเยอะแต่เมื่อมันมาถึงจุดพีค Black Metal ได้ขยายอำนาจทางดนตรีไปสู่ยุโรปฝรั่งเศษ คือ หนึ่งในประเทศที่มีวงเจริญรอยตามแนวทางนี้อยู่พอสมคารเช่น Belenos, Deathspell Omega, Nocturnal Depression, Blut Aus Nord, Peste Noire, Vorkreist, Arkhon Infaustus, Merrimack, Les Légions Noires และอีกประเทศที่มีวง Black Metal ดีๆชุกชุมอยู่เยอะก็คือโปแลนด์ซึ่งมีวงดีๆ อย่าง Behemoth, Mastiphal, Graveland, North, Taranis, Infernum Witchmaster แม้แต่จากอเมริกันเองที่จะมีวง Death Metal เป็นส่วนมากก็ยังมีวง Black Metal เล่นดนตรีแนวนี้อย่าง Absu, Black Witchery, Von, Woe, Wykked Wytch

และท้ายสุดทวีปที่แทบจะไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย นับถือคริสต์ก็น้อยที่สุดด้วยอย่างเอเชียของเราก็ยังร่วมกระโดดเข้ามาสังฆกรรมกับดนตรีแนวนี้

Japan มี Abigail, Gallhammer, Sigh และ Sabbat 

Singapore มี Impiety, Netherealm, abhorer, SGP, Istidraj และ Draconis Infernum

Taiwan มี Chthonic 

Thailand มี Surrender Of Divinity, เล็บมือนาง, Legendary of Lanna, Annular Eclipse, Plaguebringer, Lotus of Darkness, Genocidal Sodomy, Angelholocaust และ Zygoatsis เป็นต้น

Dark FuneralDark Funeral

แม้ในปัจจุบันดนตรีแนวนี้เปลี่ยนไปมากพัฒนาแตกกิ่งก้านสาขาออกไปขยายขอบเขตของคำว่า Black Metal ไปไกลจนเหล่าดวงวิญญาณของตำนาน Black Metal ผู้ล่วงลับไปหันกลับมามองวงอย่าง Baby Metal ต้องมีงงว่ามึงพาดนตรีที่กูสร้างออกไปไหนกันแล้วหลายคนอาจจะบอกว่าวงนี้ไม่ Black Metal ถ้าเรามองว่าเอาดนตรีหนักที่บาดหูมาวางแล้วฉาบด้วยเสียงร้องเด็ก J-Pop บูชาปิศาจจิ้งจอก นักดนตรีทาหน้าขาวแต่งตัวเป็นผี มันก็คงเป็น Black เพราะตามทฤษฏีดนตรีแล้วโทนเสียงมันออกมาเป็นแบบนั้นได้แหละแต่เป็นแบบปี 2020 ไม่ใช่ Old School ที่มีอุดมการณ์จิตวิญญาณแบบ True Norwegian Black Metal ในยุค '90s นอกจากนี้แนวที่แตกออกมาจาก Black Metal แท้ๆก็แตกแขนงไปเยอะมากๆ จนแทบจะตามฟังไม่หมดแล้วเช่น Folk Black Metal, Industrial Black Metal, Post-Black Metal (Blackgaze), Psychedelic Black Metal Black 'n' Roll, Blackened Crust, Pagan Metal, Viking Metal, War Metal, Gothic Black Metal, Christian Black Metal บางแนวฟังผ่านจิตนการไม่ออกเลยว่าเป็น Black Metal ถ้าไม่ได้ฟังเนื้อหา เอาเป็นว่าใครใคร่รู้ลองไป Search หาฟังเอาต่อยอดเองละกันเดี๋ยวจะยาวไปในส่วนของ Part นี้

ส่วน Part ต่อไปจะเจาะลึกแนวคิดของนักดนตรี Black Metal แวดวงดนตรีในประเทศต่างๆ ทั้งไทยและเทศแยกย่อยแนวต่างๆ ว่ามันสร้างอะไรให้กับโลกใบนี้ รวมทฤษฏีสมคบคิดต่างๆ เกี่ยวกับดนตรีแนวนี้ว่าดนตรีแนวเป็นแค่แนวดนตรีหรือมีนัยยะอื่นแอบแฝง

ChthonicChthonic

อัลบั้มภาพ 27 ภาพ

อัลบั้มภาพ 27 ภาพ ของ Black Metal ดนตรีต่อต้านศาสนา Part 1 โดย อริญชย์ Dose

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook