ชีวิตยังคงสวยงาม โดย ต้า Paradox
บทเพลง...
บางครั้งก็สามารถส่งผ่านพลัง เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนจำนวนมากได้
บทเพลง...
เปรียบได้กับยาบำรุงจิตวิญญาณ เมื่อถึงจุดหนึ่งที่มนุษย์สัมผัสรับรู้เข้าใจความหมายอารมณ์และความรู้สึกเหล่านั้น เพลงเพลงหนึ่งจะเปลี่ยนความคิด ตัวตน และแนวทางของคนคนนั้นได้ ขึ้นอยู่กับความเข้าใจและสิ่งที่เป็นมาของแต่ละบุคคลจะนำไปใช้ตีความหมายแตกต่างกัน พูดแล้วนึกถึงเพลงที่ผมประทับใจ เพลงของวงบอดี้สแลม
"ชีวิตยังคงสวยงาม"
บทเพลงที่ยิ่งใหญ่ ทรงพลัง และสง่างาม!
ฟังเพลงนี้แล้วเหมือนมีพลังงานอะไรบางอย่าง ส่งมาช่วยประคับประคอง ฉุดดึงคนที่กำลังมีอาการท้อแท้ ดับฝัน ให้กลับลุกขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งไม่ได้แปลว่าอุปสรรคหรือเรื่องร้ายๆ จะไม่เกิดอีกนะ แต่เมื่อเกิดแล้ว เราสามารถมองมันในมุมอื่นได้ ยิ้มสะใจและสนุกไปกับมันได้ มองให้มันเป็นเกม เป็นเรื่องสนุก ท้าทาย เพราะความทุกข์ความเศร้า เกิดจากตัวเราเองกำหนด
เพลงส่งพลังและแรงขับเคลื่อนได้ดีมากๆ ด้วยรายละเอียดดนตรีที่พาความรู้สึกให้พุ่งทะยาน จุดไฟ จุดพลังขึ้นมาอีกครั้ง ดนตรีที่สาดใส่ ผมฟังแล้วอยากกระโดดออกไปวิ่งอย่างบ้าคลั่ง วิ่งไปให้สุดพลัง วิ่งทะยานไปตามฝัน วิ่งไปอย่างสะใจ มันได้ความรู้สึกแบบนั้น เหมือนนักวิ่งกำลังจะพุ่งเข้าเส้นชัยในอีกไม่กี่เมตรข้างหน้า ฟังแล้วฮึกเหิม บทเพลงสอนให้เราเรียนรู้กับชีวิต มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ โลกนี้มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกนะ ในความแย่มันก็ยังมีเรื่องที่งดงามซ่อนอยู่ ซึ่งเราต้องหามันให้เจอ
เวลาเกิดปัญหา จงยิ้มไว้ ยิ้มเพื่อเตือนตัวเองว่ามันดีจัง สนุกจัง! ทุกอย่างเรากำหนดได้เอง (ผมยิ้มให้ตัวเองหน้ากระจกประจำ)
ผมเชื่อว่าฝันของเราจะจบก็ต่อเมื่อเราเป็นคนหยุดเอง
นักเดินทางออกไปกลางมหาสมุทร ขอบฟ้าอาจเวิ้งว้างมองไม่เห็นฝั่ง ไม่ได้แปลว่าข้างหน้าจะไม่มี คนที่จะหันหัวเรือกลับ คือตัวเราเองเท่านั้น
บทเรียนมาให้เรียนรู้ และก้าวผ่าน
เพลงในอัลบั้มนี้มีการผสมเสียง (MIX) ที่ดีมาก โดยเฉพาะเสียงกลอง ปกติฟังหลายๆ เพลงของวง ที่ผ่านมาจะเกิดอาการเหนื่อยหู เวลาสาดใส่อะไรเยอะๆ แต่อัลบั้มนี้ได้มือผสมเสียงระดับโลกมาช่วย เหมือนแก้ทาง ยิ่งช่วยเติมเต็มซาวนด์ของเพลงให้อิ่ม ต่อให้เพลงจะหนักอึ้ง ซับซ้อน ก็ยังสามารถฟังสบาย ในช่วงท้ายเพลงนี้ ดนตรีหลากหลายชิ้นโถมกระหน่ำเพิ่มเข้ามา ยิ่งเน้นความรู้สึกว่าอุปสรรคต่างๆ มันกำลังอัดเราจนแทบทนไม่ไหว จังหวะที่กลองฟาดฉาบแฉแต่ละทีนี่ แปลบไปถึงหัวใจ ตอกย้ำด้วยฉาบใหญ่วงออร์เคสตรา ฟาดกระหึ่มก็ไม่หนวกหู กลับยิ่งรู้สึกอลังการ
พี่ตูนก็แสดงศักยภาพออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ร้องกลั่นออกมาจากหัวใจจริงๆ ถ่ายทอด สื่อแล้วรู้สึกได้เลยว่ากำลังส่งพลังมาให้กับคนฟังเต็มๆ เพลงนี้ผมรู้สึกได้มากที่สุดตั้งแต่ฟังบอดี้สแลมมา เพลงในอัลบั้มนี้หลายเพลง เป็นแรงบันดาลใจที่ดีให้กับคนที่กำลังต้องการกำลังใจ ฟังแล้วรู้สึกได้ถึงการส่งพลังให้กับคนทั้งประเทศที่กำลังท้อแท้ผ่านทางเสียงเพลง บทเพลงสามารถยกระดับจิตใจของเราได้จริงๆ นะ ถ้าเราทุกคนมีความเชื่อ
"แม้ทั้งหัวใจมันยังคงทรมาน แม้ว่าน้ำตายังไม่แห้งเหือดไป กอดไว้ทุกความหมองหม่น ไม่ว่าจะร้ายดี"
การที่เพลงมีท่อนร้องต่อเนื่องติดๆ กันยาวๆ โถมเข้ามาแบบนี้ ไม่มีช่วงพักหายใจ ทำให้เหมือนแทบจะขาดใจ ยิ่งรู้สึกได้ถึงความพยายามทุกวิถีทาง ที่จะเกาะเกี่ยวความฝันหรืออะไรก็ตามอย่างสุดชีวิต ถึงแม้จะรู้ว่ามันโหดร้ายและต้องล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ฉันก็ขอเหนี่ยวรั้งกอดทุกอย่างมันไว้ให้สุดชีวิตเท่าที่ฉันจะทำได้ นั่นคือหัวใจของนักสู้ที่แท้จริง ต่อให้จะร้ายแค่ไหน ฉันขอให้ได้ทำ
ท่อนฮุค จะยิ้มทั้งน้ำตา เลยทำให้คนที่ได้ฟังรู้สึกปลดปล่อยราวกับกำลังกางแขนออกกว้างยืดอกเชิดหน้าท้าสายฝนที่สาดอัดกระหน่ำเข้ามาอย่างสะใจ (ราวกับปกภาพยนตร์ชอว์แชงค์)
เป็นความรู้สึกปลดปล่อยที่เกิดจากความเก็บกดจนถึงขีดสุดแล้วจึงระเบิดมันออกมา "ไม่ว่าจะร้ายดี... ชีวิตยังคงสวยงาม..."
ผมเองก็เคยเป็นคนหนึ่ง ที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตยังคงสวยงามเหมือนกัน หลายครั้งที่ทุกอย่างไม่ได้ดังใจ หลายครั้งที่ทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ แต่กลับไร้ความหมาย ความรู้สึกราวกับพ่ายแพ้
หลายครั้งที่เกิดความรู้สึกว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรม รู้สึกเกรี้ยวกราดปนท้อแท้หมดแรง หมดแล้ว หมดสิ้น
หลายครั้งที่แอบไปตะโกนอย่างบ้าคลั่งอยู่คนเดียว ตะโกนเหมือนอยากระบายมันออกมา เจ้าระเบิดลูกใหญ่ที่อยู่ในตัว มันไม่หลุดออกมาซะที ตะโกนคอแทบแตก น้ำตาสาดกระเซ็นเท่าไหร่ ก็ไม่หายไปจากใจ
ด้วยสมองที่เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับความผิดหวัง เสียใจจดจ่ออยู่แต่สิ่งผิดพลาด ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชีวิตตอนนั้นเหมือนสติจะขาด ขมับตึงเหมือนจะปริแตกออกจากกัน ไม่มีเลยสักวันที่จะปล่อยวางจากสิ่งร้ายๆ เหล่านั้น วันแล้ววันเล่า คล้ายดังคนบ้า จิตใจตอนนั้นตกต่ำถึงขีดสุด จากความเจ็บปวดที่ซ้ำซาก เลยเริ่มกลายเป็นความรำคาญ รำคาญใจตัวเองที่ยังบ้าบออยู่แบบนี้ ผมนอนไม่หลับติดต่อกันเป็นเวลานาน
วันหนึ่งก็เลยลองออกไปเดินข้างนอก เดินไปเรื่อยๆ เรื่อยเปื่อย ไม่มีจุดหมาย แค่อยากเปลี่ยนอะไรเดิมๆ บ้าง ผมเดินจากสยาม เดินไปตามทาง ดูโน่นนี่ สังเกตคนมากมายที่เดินสวนไป ผมเดินไปเรื่อยๆ ถึงสนามหลวง เดินรอบๆ สนามหลวงช่วงนั้นยังเปิดให้คนมาตั้งร้านขายของเป็นถนนคนเดินรอบๆ ดูเค้าทอยเต๋าเล่นไฮโลบ้าง ของเก่ามือสองแบกะดินบ้าง คนถีบจักรยานบ้าง เรื่อยเปื่อย จนสายตาไปสะดุดที่ลุงแก่ๆ ข้างถนนคนหนึ่ง แกกำลังเดินเก็บเศษขวดข้างทาง ข้างกองขยะ คนนี้แปลก แปลกตรงหัวแกบากรอยตีนตะขาบเลื้อยจากหน้าผากยาวไปถึงเกือบท้ายทอยเหลือผมแหว่งๆ ปอยๆ มองไกลๆ นึกว่าทำผมทรงโมฮอร์ค บ่งบอกว่าคงเคยเป็นแผลใหญ่เหวอะหวะ และก็น่าแปลกตรงแกเป็นคนไร้บ้านที่มีระเบียบมากที่สุดที่ผมเคยเจอมา เพราะกระเป๋าสัมภาระที่แกแบกไว้บนหลัง มันเต็มไปด้วยขวดแก้ว กระป๋องบี้แบนที่ถูกจัดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ มีกระป๋องอะลูมิเนียมแบนๆ ไว้ใส่บุหรี่ที่คนทิ้งแล้วแต่ยังสูบได้ ช้อนส้อม ขวดน้ำดื่มเหน็บข้าง ถุงกับข้าว เบียดข้างอัดอยู่มุมอาหารค่ำ (คิดไปเอง) ผมแอบมองด้วยความอยากรู้ว่าคนแบบนี้จะทำอะไรบ้างวันๆ ผมเห็นเค้าเดินก้มๆ เงยๆ เหมือนหาเศษก้นบุหรี่ที่คนทิ้ง เอามาใส่กระป๋องกลมแบน ทางเท้าแถวป้ายรถเมล์คงเหมือนซูเปอร์มาเก็ตของเศษบุหรี่ทิ้งแล้ว การแอบมองคนแปลกหน้านี่บางทีก็ทำยากเหมือนกัน ในที่สุดผมโดนจับได้ ลุงแกคงสังเกตได้ว่าผมแอบมอง แกเหลือบหันมามองหน้าผมบ้าง ตอนนั้นคิดในใจว่าสงสัยโดนไถตังค์แน่แล้ว แต่ว่าลุงแกกลับไม่ได้ทำอะไร แค่เดินไปนั่งแหมะข้างสนามหญ้า จุดเศษบุหรี่จากกระป๋อง ดูดก้นบุหรี่ที่ติดไฟทำตาปรือ ซื้ดแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า พ่นก้อนควันออกปาก สักพักแกยิ้มด้วยนะ ยิ้มและหัวเราะหงึกหงักในลำคอ อารมณ์ดีมากๆ ดูไปแล้วก็น่าแปลกใจ ชุดมอซอซอมซ่อมอมแมม หัวเกรียนๆ มีรอยแผลจากการโดนใครตีหรือโดนรถชนมา เห็นตีนตะขาบใหม่ๆ อยู่เลย แกนั่งชันเข่าเชิดหน้าพ่นควันออกจากปาก สำลักหัวเราะลั่น ผมแปลกใจ แกหัวเราะทำไม ทั้งที่สภาพยับเยินซะขนาดนั้น เอ๊ะ!!
สักพักเอาอีกละ คราวนี้สำลักควันหรือน้ำลายสักอย่าง หัวเราะอีกละ หัวเราะเอิ้กอ้ากของแกคนเดียว ผมก็เฮ้ย! หัวเราะไรน่ะ? สภาพแบบนี้มันมีเรื่องไรให้ขำนะ? เชื่อมั้ยครับ ประโยคนี้แหละ
"สภาพแบบนี้มันจะมีเรื่องอะไรให้ขำ"
ประโยคที่เผลอคิดอยู่ดีๆ มันแวบย้อนกลับไปถามตัวผมเองเฉยเลย ด้วยคำถามเดียวกัน
"แล้วสภาพแบบไหนถึงจะขำได้ล่ะ"
"แล้วทำไมต้องไม่ขำล่ะ" อยู่ๆ ดันตอบตัวเองในใจ
" เออว่ะ แล้วทำไมต้องไม่ขำนะ ใครมันห้าม"
แล้วก็เกิดอาการช็อตไปดื้อๆ เหมือนคิดอะไรได้
"ก็ถ้าตาลุงนี่แกจะขำ แกก็ขำ ต่อให้สภาพชีวิตจะร้ายจะเลว ไม่เห็นจะเกี่ยว ก็คนจะขำ ใครจะทำไมล่ะ!
"เออว่ะ! " แล้วทำไมเราจะขำไม่ได้นะ?
ยิ้มหรือไม่ยิ้ม สุขหรือไม่สุข มันก็อยู่ที่เราเองทั้งนั้น ตาลุงนั่นดูสภาพแกแล้ว ไม่โดนตีหัวมาก็คงเก็บขยะกิน ไม่ก็ไปขโมยของ ติดเหล้าขาว ดมกาว ติดหนี้พนัน เมียทิ้ง อะไรก็ช่าง แต่โคตรดาร์ค สรุปคือชีวิตดาร์คๆ แต่ดันนั่งสูบบุหรี่ปุ๋ยๆ พ่นควันชิลล์ๆ เฉยเลย แทบจะพ่นออกเป็นคำว่า "สบายยย" มันเลยย้อนกลับมามองที่ตัวเองแวบนึงว่ากำลังเศร้าเรื่องอะไรอยู่ แล้วใครกันที่ทำร้าย ใครมันบังคับให้เราไม่ขำ ใครห้ามไม่ให้เรายิ้ม ทั้งหมดคือตัวเราทั้งนั้นเลย ที่เอาแต่ผูกถ่วงตัวเองไว้กับความผิดพลาดเก่าๆ ที่เหมือนสมอเรือขึ้นสนิม ผูกตัวเองล่ามโซ่แล้วถ่วงน้ำจมไปกับมัน จมลงไปในก้นทะเล เพื่ออะไร ก็ไม่รู้ ที่สำคัญ ไม่มีใครบังคับซะด้วย ดันทำตัวเอง ไม่ยอมให้อภัยตัวเอง
ยิ่งคิดยิ่งพบว่า เฮ้ย! เราจะตบตีตัวเองไปเพื่ออะไร มันไม่เห็นช่วยให้อะไรๆ มันย้อนคืนมาได้เลย ทำไมไม่ใช้ให้เป็นบทเรียน สอนเราว่าอย่าทำแบบนั้น แบบนี้ ใช้มันให้เป็นบันไดก้าวขึ้นไปครั้งหน้าจะได้อยู่สูงกว่าเดิม ทำไมถึงคิดไม่ได้!
แวบนั้นแวบเดียว เปลี่ยนชีวิตผม อาจไม่ถึงขั้นเปลี่ยนชีวิตใหญ่โตอะไรมาก เปลี่ยนกระจิ๊ดๆ แต่สะกิดใจ ให้ฉุกคิดและเข้าใจแบบเข้าใจจริงๆ ได้เองไม่ต้องพึ่งใคร การเข้าใจเล็กๆ นี้ มันค่อยๆ เปลี่ยนให้ชีวิตผมดีขึ้นเรื่อยๆ จากวันนั้น ผมชอบนึกถึงภาพลุงเยินๆ คนนั้นนั่งชิลถุยควันออกจากปากอย่างสบายใจ เป็นภาพชีวิตยังคงสวยงามสำหรับผมได้เลยนะ เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้ผมมองโลกในด้านบวกตลอด เหมือนได้ฝึกสายตาตัวเองให้ไปจับโฟกัสที่สิ่งดีๆ ตลอด ยิ่งมอง ก็ยิ่งสวยนะ เดี๋ยวนี้เลยกลายเป็นคนติดขำเวลาที่เจอปัญหาร้ายๆ มันขำไปเองนะ เวลาขำก็ทำให้มีสติขึ้นเยอะ
ดนตรีมาถึงท้ายเพลงเหลือเพียงเสียงกระเดื่องกลองทุบตุบๆ กระแทกหัวใจ ปลุกอารมณ์ให้พลุ่งพล่าน
"จะยิ้มรับมันวันที่ใจอ่อนแอ แม้ทุกเรื่องราวมันยังดูโหดร้าย"
ดนตรีโหมอารมณ์มาเต็ม พี่ตูนกรีดร้องตะโกนใส่ฟ้า วงออร์เคสตร้าเริ่มบรรเลงอีกครั้ง ดั่งการเปิดฉากม่านของชีวิตใหม่เริ่มต้นใหม่อีกครา ภาพปกภาพยนตร์เรื่องชอว์แชงค์ลอยกลับมาอีกจนได้ เสียงกลองฟาดสาดฉาบแฉกระจุยกระจายดั่งปัญหาและอุปสรรคเตรียมพุ่งเข้าซัดอัดอีกชุดใหญ่ ผมไม่รอช้า กระโจนออกไปแอ่นอ้ารับคำท้า พายุฝนสาดซัดใส่ตัวและหัวใจเต็มๆ อีกครั้ง แต่ครั้งนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะทุกเรื่องราวต่อจากนี้มันจะสวยงาม
ต่อให้โลกจะโหดร้ายใส่เราแค่ไหน
จะขอยิ้มรับมันด้วยความสะใจ
ต่อจากนี้ ฉันจะต้องดีกว่าเดิม
ต่อจากนี้ จะมีแต่ความสุข
เพราะว่าชีวิตนี้ มันช่าง..
" สวยงาม..."