"LazyLoxy-Ben Bizzy" กับการมองทะลุคำบูลลี่ เพื่อเปลี่ยนชีวิตคนในฐานะโปรดิวเซอร์
นับตั้งแต่รายการ Show Me The Money Thailand ซีซั่น 2 เริ่มออนแอร์ 2 โปรดิวเซอร์ทีม Z2 อย่าง LazyLoxy (ท็อป-ปฐมภพ พูลกลั่น) และ Ben Bizzy (เบน-นรบดี ศรีเริงหล้า) ได้รับคำวิจารณ์อย่างหนัก ทั้งในเรื่องของประสบการณ์ที่หลายคนมองว่ายังมีไม่มาก แม้จะมีผลงานออกมาให้เห็นต่อเนื่องทั้งการทำเพลงของตัวเอง ไปจนถึงการฟีทเจอริ่งสร้างเพลงดังกับหลายศิลปินแถวหน้า
นอกจากเรื่องประสบการณ์แล้ว การตัดสินใจในการให้ผู้เข้าแข่งขันเข้ารอบ Face To Face ที่ผู้เข้าแข่งขันต้องแร็ปต่อหน้าโปรดิวเซอร์ ของ LazyLoxy ก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักด้วย เนื่องจากเขาไม่ให้แร็ปเปอร์อย่าง Pratyamic ที่มีความสามารถโดดเด่นและประสบการณ์มากมายเข้ารอบ และในรอบ Ring of Fire นั้น LazyLoxy ก็ได้กด Fail หลายๆ แร็ปเปอร์ที่โปรดิวเซอร์คนอื่นมองว่าแสดงได้ดีอีกด้วย
ตัวอย่างการแข่งรอบ Ring of Fire
และเนื่องในโอกาสที่ LazyLoxy และ Ben Bizzy กำลังโปรโมทผลงานเพลง "เพื่อนเธอโคตรได้" ทำให้ทาง Sanook Music มีโอกาสได้พูดคุยกับทั้งสองเรื่องเส้นทางการเป็นโปรดิวเซอร์บนเวที Show Me The Money Thailand ซีซั่น 2 ที่มาพร้อมความเจ็บปวดจากคำบูลลี่ และในขณะเดียวกันก็มอบประสบการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตให้กับพวกเขา
อยากรู้ว่า LazyLoxy และ Ben Bizzy รู้สึกอย่างไรเมื่อถูกติดต่อให้มาเป็นโปรดิวเซอร์รายการ Show Me The Money ใช้เวลาตัดสินใจนานไหมกว่าจะรับงานนี้?
LazyLoxy : ผมหนักใจอยู่หลายสัปดาห์เลยครับ แต่สุดท้ายผมก็รับเพราะมันเป็นสิ่งที่ผมอยากทำมาก ผมรู้ว่าถ้าตกลงปุ๊บจะต้องมีคำครหาผลงานของผมแน่นอนครับ เพราะผมก็ยังคงไม่ได้ทำเพลงที่มีความเป็นเรียลฮิปฮอปขนาดนั้นครับ
Ben Bizzy : ผมก็รู้สึกงงที่เขาติดต่อมาครับ ก็รู้สึกตื่นเต้น ตอนนั้นก็ไม่คิดอะไรก็ตัดสินใจทำดูแล้วกันครับ เพราะอาจจะเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นสิ่งหนึ่งในชีวิต และการร่วมรายการนี้น่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ผมจดจำไปตลอดชีวิตของผมครับ น่าจะเป็นสิ่งที่ดีครับ
ได้ยินว่า LazyLoxy ได้ติดตามรายการ Show Me The Money เรามีความประทับใจเกี่ยวกับรายการนี้อย่างไร ทั้งในซีซั่นแรกของไทย และ เวอร์ชั่นเกาหลี คิดว่าอะไรคือความพิเศษของรายการ?
LazyLoxy : ผมชอบตรงที่ไม่ใช่แค่รายการแร็ปธรรมดา เป็นรายการที่ทำให้วัฒนธรรมฮิปฮอปมันแข็งแรงขึ้น เพลงที่ออกมาจากรายการ และผู้เข้าแข่งขันมีโอกาสสูงมากที่จะได้โด่งดัง อย่าง BewhY และ Hangzoo หลายคนก็เป็นสตาร์โด่งดังกันไปเลยครับ เพลงในรายการก็มีช่วงนึงแข่งกันติดชาร์ตเลย คือมันไม่ได้แข่งแค่อยู่ในรายการ มันเป็นการแข่งและผลักดันให้เราไปประสบความสำเร็จในชีวิตจริงด้วย ทั้งเพลงทั้งโชว์ คือโชว์ที่ทำในรายการถ้าเอาไปทำในชีวิตจริงมันเป็นอะไรที่ดีมาก
ในรอบแรก LazyLoxy จะให้ผู้แข่งขันโชว์ฝีมือหลายรอบกว่าจะผ่าน และก็มีคนที่เก่งแต่ไม่ได้ผ่าน จนเกิดวลีดัง "มีอีกไหม?" ตอนนั้นคุณมีเกณฑ์การเลือกอย่างไร?
LazyLoxy : จริงๆ ความกดดันในรายการก็คือมีการจำกัดจำนวนสร้อย ผมก็จะเลือกคนให้สร้อยจากปัจจัยหลายอย่าง อย่างมีความกล้าสบตา กล้าพูด มันบอกได้เลยครับ บางคนก็ดูที่ไรห์ม ความหนักแน่นในการใช้เสียง รวมถึงสิ่งที่ต้องการสื่อ ผมก็เป็นคนที่เข้าใจอะไรง่ายอยู่พอสมควรครับ ถ้าเขาตั้งใจ บางคนทำได้ดีไม่ดีไม่เท่ากัน ผมก็ดูทุกปัจจัยไม่ใช่แค่การแร็ปอย่างเดียว ที่ผมถามว่า "มีอีกไหม" คือเป็นการให้โอกาสครับ หรือถ้าเขาเก่งผมก็จะขอฟังอีกเพื่อให้ผมชัวร์ว่าให้ผ่านเข้าไหม หรือถ้าเขาเก่งแล้วพลาดก็ถือเป็นการให้โอกาสเขาแสดงอีกครั้งและถ้าเขาทำได้ผมก็ให้สร้อยแน่นอน แต่สรุปก็คือที่ผมให้เขาแสดงอีกรอบตอนแข่ง Face To Face ก็เหมือนการขอความมั่นใจว่าผมจะให้ผู้เข้าแข่งที่อยู่ตรงหน้าเข้ารอบไหม และให้โอกาสคนที่ผิดพลาดในเวลาเดียวกัน
ย้อนชมการตัดสิน Pratyamic ที่เป็นประเด็นได้ที่นี่
ทางฝั่ง Ben Bizzy เองก็เจอเหตุการณ์ที่ผู้เข้าแข่งขันอย่าง "อัฐิ" แร็ปแสดงความไม่พอใจการทำผลงานของแร็ปเปอร์ยุคใหม่ ตอนนั้นรู้สึกอย่างไร และทำไมถึงตัดสินใจให้เขาเข้ารอบ?
Ben Bizzy : ผมก็งงๆ ครับ ตอนแรกเขาก็แร็ปมาดูไม่มีอะไรโดดเด่นเท่าไหร่ ก็คิดแล้วว่าจะไม่ให้สร้อย แต่พอมากลางๆ ก็จู่โจมการทำงานเพลงในสไตล์ของผม ก็งงๆ ว่าเขาด่าเราหรือเปล่า ก็เป็นเรื่องขำๆ ครับ ก็ไม่ได้โกรธและแอนตี้สิ่งที่เขาเล่า ก็เชื่อว่าเป็นจุดยืนของเขาว่าไม่ชอบอะไรแบบนี้ และเขาก็ไม่ได้ด่าพ่อล่อแม่ผม คือเขาเล่าเรื่องได้สร้างสรรค์และทำได้ดี มันอาจจะมีการเสียดสี แต่มันก็เป็นการเล่าเรื่องแบบฮิปฮอปที่ต้องพูดความจริงออกมา คือเขาก็บอกว่าเขามีความเชื่ออีกแบบในการทำเพลงซึ่งมันไม่ผิด และพอมาดูโฟลว์และองค์ประกอบต่างๆ ผมก็ตัดสินใจให้สร้อยเขาครับ
LazyLoxy : จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องผิดนะครับที่เราไม่ชอบอะไรบางอย่าง มันเป็นเรื่องที่โอเคถ้าคุณพูดออกมา ถ้ามันอยู่ในขอบเขตว่าคุณไม่ได้ไปทำร้ายใคร มันก็โอเค และถ้าคุณเล่ามุมมองได้ดีผมก็พร้อมให้สร้อยคุณด้วย
คลิกชมการแร็ปของ อัฐิ ได้ที่นี่
ถ้าสมมุติคุณเจอแร็ปเปอร์ที่มีแนวทางต่างจากตัวเอง คุณจะทำงานกับเขาในวิธีไหน?
LazyLoxy : ถ้าพูดตรงๆ ก็คือลูกทีมเราก็มีคนที่สไตล์ต่างจากเรา มีคนที่แร็ปเรื่องลึกๆ ไปเลยแต่อยู่ทีมเรา คือเราไม่ได้คิดจะเปลี่ยนเขา เราเคารพความเป็นตัวเขา เราแค่จะอัปเกรดเขาเป็นเวอร์ชั่นและพาเขาไปเจอประสบการณ์ใหม่ๆ และให้เขาตัดสินใจว่าจะลองทำอะไรใหม่ๆ อย่างไร
พอมาถึงรอบ Ring of Fire ทีม Z2 ก็เจอเสียงวิจารณ์ที่ค่อนข้างแรง คิดว่าคำวิจารณ์ไหนจากผู้ชม Show Me The Money ที่ทั้งสองคนคิดว่าหนักที่สุด?
LazyLoxy : ผมเจอมาเยอะครับ เจอมาหมดทั้ง "Lazy แ-งยังเด็ก แ-งทำมาปีเดียว" หรือ "ไม่เหมาะกับการเป็น PD กลับไปร้องเพลงเถอะ" คือผมก็มองว่าสิ่งที่ทำรายการมันเป็นความคิดผม ผมอาจจะเปลี่ยนความคิดคนดูไม่ได้ แต่ผมจะไม่เปลี่ยนความคิดแน่นอน คือถึงสิ่งที่ผมทำมันอาจจะดูไม่น่าเชื่อถือ หรือคาแร็คเตอร์ผมอาจจะไม่โอเค แต่มันก็เป็นตัวตนผม และผมไม่ได้ทำร้ายใคร การตัดสินใจทั้งหมดมันเป็นสิ่งที่อยู่ในเกมครับ ไม่ได้ไปฆ่าใคร มีแค่ผ่านหรือไม่ผ่าน ผมยอมรับว่าการตัดสินอนาคตคนอื่นมันเป็นเรื่องยาก และผมยอมโดนด่าก็ได้ แต่ก็มีบางคนด่าไปถึงพ่อกับแม่ผมด้วย ซึ่งผมก็อยากบอกทุกคนว่าการเป็นโปรดิวเซอร์มันมีหลายๆ อย่างที่มากกว่าการเป็นแร็ปเปอร์นะครับ เพราะเราเองก็ต้องสร้างผลงาน และเลือกผู้คนที่เหมาะสมที่สุดมาทำงาน ก็เหมือนเวลาทำอาหารที่ต้องเลือกวัตถุดิบ คำด่ามันก็ทำให้ผมเสียใจเหมือนกันครับ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ
Ben Bizzy : ผมโอเคกับคำติครับ แต่ก็มีโดนด่าแบบแรงๆ ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เคยเจอว่ามีคนถือปืนและจ่อไปยังหน้าผมที่อยู่ในทีวี แบบจะยิงผม หรือบางคนก็เอาเท้าไปวางที่หน้าผมบนทีวี ก็มีแฟนคลับส่งมาให้ดู ซึ่งผมมองว่ามันไม่มีเหตุผล เพราะเราเองก็แทบไม่ได้รู้จักกันมาก่อน เขาอาจจะอินเกินไป เราก็อาจเป็นตัวร้ายที่เล่นได้สมบทบาทก็ได้ (หัวเราะ)
คำวิจารณ์ในรอบ Face 2 Face และ Ring of Fire มีผลกับการทำงานในรอบต่อไปบ้างไหม?
LazyLoxy : ผมนี่ปรับตัวเองเลยครับเรื่องการพูดการจา ก็มีคนทักมาในอินสตาแกรมว่า "หยุดเก๊กได้แล้ว ไอ้เ-ย Lazy ทำตัวให้ดีหน่อย" ผมก็ตอบกลับไปว่า "เดี๋ยวรอบหน้าจะปรับปรุงตัวครับ" และเขาก็ไม่พูดอะไรต่ออีก ผมก็พยายามทำทุกอย่างให้ดีขึ้น เพราะเอาตรงๆ ผมก็คิดนะครับว่าถ้าคาแร็คเตอร์ผมเป็นแบบในช่วงแรก ต่อให้ตัดสินอะไรไปเขาก็ไม่เชื่อในตัวผม ผมก็ต้องทำตัวให้ดีขึ้น พูดเยอะขึ้น มันก็ยากหน่อยเพราะผมพูดไม่รู้เรื่อง (หัวเราะ) แต่ถ้าใครรู้จักก็จะเข้าใจ ผมเชื่อในคำติและการพัฒนาตัวเองจากคำเหล่านั้น แต่แค่ไม่นำคำด่ามาเก็บไว้คิดเท่านั้นเอง
Ben Bizzy : ผมเองไม่ได้แก้อะไรครับ ก็มีปรับเรื่องคำพูดไม่ให้มันขวานผ่าซากไป เพราะทุกสิ่งที่ผมพูดมันไม่ได้ออกในรายการ และอาจจะมีการตัดจนสิ่งที่ผมอยากสื่อมันคลาดเคลื่อน พอมาถึงเทปหลังๆ ผมก็มีการกลั่นกรองคำพูดมากขึ้นครับ ให้คำพูดกระชับและได้ใจความ
LazyLoxy : จริงๆ ตัวผมก็เคยเจอเหมือนกันที่ไปพูดอะไรบางอย่างแล้วถูกมองว่าไปบูลลี่ผู้เข้าแข่งขัน คือผมไปพูดว่า "การพูดเรื่องนามธรรมในเพลงมันไม่เวิร์คสำหรับการทำเพลง" แต่คนไม่รู้ว่าที่ผมพูดแบบนั้น เป็นเพราะในรายการมีคนพูดเรื่องความฝันเยอะมาก คือ 80% ไม่พูดเรื่องชีวิตตัวเองว่าทำอะไรมาเลย มีแต่บอกว่าตัวเองเก่งมาจากไหน ไม่บอกว่าตัวเองทำอะไรมา และสิ่งนี้มันทำให้หลายๆ คนเล่าเรื่องที่จับต้องไม่ได้ จนผมไม่รู้ว่าผู้เข้าแข่งขันคนนั้นตัวตนจริงๆ เป็นอย่างไร หรือผ่านอะไรมาจนมีความฝันแบบนั้น
แล้วทีมโปรดิวเซอร์ Z2 ชอบร่วมงานกับแร็ปเปอร์สไตล์ไหน?
Ben Bizzy : จริงๆ ผมชอบแร็ปเปอร์ Old School แนวเก่าๆ ที่แร็ปเสียงหนักแน่น และมีท่อนพั้นช์ไลน์ที่เด็ดครับ แต่ที่สำคัญคืออยากได้คนที่เปิดใจครับ
LazyLoxy : ผมชอบแร็ปเปอร์ที่มีแร็ปแบบมีเมโลดี้ (แร็ปเปอร์ที่ใช้เทคนิคกึ่งแร็ปและร้อง) ครับ ซึ่งเราก็ได้แร็ปเปอร์ตามที่อยากได้ในทีมครบเลย คือผมเองไม่ได้อยากเปลี่ยนแร็ปเปอร์เลย คือให้เขาแร็ปแบบเดิม แต่แค่เราจะพาเขาไปเจอกับสิ่งใหม่ๆ อัปเกรดให้เขาไปอีกขั้นหนึ่งตามที่บอกไว้ครับ
LAZYLOXY และ Ben Bizzy ได้เรียนรู้อะไรจากผู้เข้าแข่งขัน Show Me The Money บ้าง?
Ben Bizzy : ก็เยอะนะครับ และรู้นิสัยใจคอกัน เราได้เรียนรู้กันจริงๆ ทีมเราได้อยู่แบบพี่น้อง เหมือนเป็นแก๊งค์ ทีมเราอายุ 20 กันหมดเลย บางคนก็แก่กว่าผมอีกครับ
LazyLoxy : ทีมเราอายุไล่เลี่ยกันและเปิดใจคุยกันครับ ทั้งเรื่องชีวิตเรื่องการทำงานรวมไปถึงเรื่องอนาคต คือเราไม่ได้คิดแค่ถึงตอนจบรายการ แต่เราก็คิดว่าถ้าเราทำเพลงนี้ให้เขาร้อง เขาจะเอาไปทัวร์ได้ไหม หรือจะเอาไปลงสตรีมมิ่งและต่อยอดในชีวิตจริงได้ไหม คือเราไม่ได้คิดแค่ให้เขาเก่งอย่างเดียวแต่อยากให้เขาพัฒนาในห้องอัดและตอนขึ้นโชว์ ซึ่งนอกจากเราจะคิดเรื่องการทำงานกับเขาแล้ว ตัวผู้เข้าแข่งขันก็คิดอะไรเองด้วย เพราะวันหนึ่งเขาก็อาจจะเป็นโปรดิวเซอร์เช่นกันครับ
สุดท้ายนี้ทั้งสองอยากฝากอะไรถึงผู้ชมรายการ Show Me The Money Thailand ที่กำลังติดตามชมในขณะนี้?
LazyLoxy : ก็ฝากติดตามผู้เข้าแข่งขันทุกคนด้วย ผมเชื่อว่าทุกคนพร้อมจะพัฒนาไปเป็นอาร์ทติสต์ในวันข้างหน้าและมีผลงานให้ติดตามแน่นอน แล้วก็อยากให้ดูรายการแล้วใช้วิจารณญาณ คือการตัดสินใจมันอาจจะไม่ถูกใจทุกคน แต่มันก็มีเหตุผลของตัวเองครับ ก็ไม่อยากมี Hate Speech หรือไปด่าและบูลลี่ใคร คือฮิปฮอปตอนนี้มันไปอยู่ในหลายๆ วัฒนธรรมไม่ใช่แค่เพลง มันเป็นอะไรที่กว้างมาก คือถ้าอยากวงการให้เติบโตก็อย่าบูลลี่กันครับ
Ben Bizzy : ตอนนี้รายการก็ยังถ่ายทำกันอยู่ อย่าคิดนะครับว่าตอนนี้รายการถ่ายเสร็จแล้ว ตอนนี้พวกเราก็ยังถ่ายกันอยู่ ช่วงนี้ก็กำลังเครียดกันเลย ก็ฝากติดตามกันด้วยครับ
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ